การที่เราได้รับรู้เรื่องราวที่มาและรายละเอียดของจักรยานผ่านเรื่องราวของการแข่งขันจักรยานระดับโลก ย่อมจะทำให้เรามองการปั่นจักรยานของเราอย่างมีความรู้ในศาสตร์ของการปั่นจักรยานมากขึ้น เราจะเก็บเกี่ยวความมีมิติและมุมมองที่กว้างขึ้นของศาสตร์ทุกแขนงที่เกี่ยวข้องกับการปั่นจักรยาน ดังนั้นเราจะขอนำท่านเข้าสู่บรรยากาศของการเริ่มต้นฤดูการแข่งขันจักรยานทางไกล ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกสามรายการในทวีปยุโรป (Grand Tour) โดยเราจะเปิดประเดิมจากรายการแรกที่จะลั่นกลองศึกประเดิมการประลองกันในต้นเดือนพฤษภาคมของทุกปีนั่นก็คือ รายการ Giro d’Italia (อ่านออกเสียงว่า “จี โร่ ดีตาเลีย” ซึ่งภาษาอิตาเลี่ยนเขียนยังไงจะออกเสียงตามนั้นซึ่งต่างกับภาษาฝรั่งเศส) ในภาษาอังกฤษก็แปลตรงตัวเลยว่า Tour of Italy โดยเราจะมาเริ่มกันที่ประวัติความเป็นมาของการแข่งขันแกรนด์ทัวร์รายการนี้กันเลยครับ
Giro d’Italia เป็นการแข่งขันจักรยานทางไกลที่จัดขึ้นทุกปีในประเทศอิตาลี่และประเทศใกล้เคียงบางช่วง รายการนี้จัดว่าเป็นมหาอมตะตำนานการแข่งขันจักรยานถนนระดับเทพ Grand Tour หนึ่งในสามรายการ ซึ่งมี RCS Sport เป็นผู้จัดการแข่งขัน มี Michele Acquarone เป็นผู้อำนวยการจัดการแข่งขัน โดยแบ่งการแข่งขันออกเป็นช่วงๆ เริ่มจัดกันครั้งแรกตั้งแต่ปี ค.ศ. 1909 จนมาถึง ปี 2012 ก็ปาเข้าไป 95 ครั้งแล้ว จะมีบ้างที่เส้นทางอาจจะพาดเกินเข้าไปในประเทศอื่นใกล้เคียงกับอิตาลี่ ก็แล้วแต่โอกาสหรือดำริของผู้จัดการแข่งขันในแต่ละปี
ในปี 1909 ที่เป็นปีที่เริ่มจัดการแข่งขัน Giro ครั้งแรกก็มีที่มาของวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการกระตุ้นยอดการจำหน่ายของหนังสือพิมพ์ La Gazzetta dello Sport ซึ่งปัจจุบัน RCS Sportได้เข้ามาดำเนินการจัดการแข่งขันอย่างเต็มตัว การแข่งขัน Giro d’ Italia ได้จัดมาอย่างต่อเนื่อง ยกเว้นจะหยุดการแข่งขันชั่วคราวบ้างก็ในช่วงขณะที่ยุโรปกำลังเผชิญกับสภาวะสงครามโลกทั้งสองครั้งเท่านั้น การแข่งขัน Giro d’Italia นับว่าประสบความสำเร็จทั้งรายได้และความนิยมในหมู่ประชาชนทั่วทั้งทวีปยุโรปมาอย่างต่อเนื่อง นักจักรยานที่เข้าร่วมการแข่งขันซึ่งเดิมจะเป็นนักจักรยานชาวอิตาเลี่ยนเท่านั้น แต่ต่อมามีนักจักรยานจากทั่วทั้งทวีปยุโรปและทวีปอื่นๆเข้าพันตูกับศึกที่ยิ่งใหญ่นี้มากขึ้นเป็นลำดับ สหพันธ์จักรยานนานาชาติ (UCI) ได้จัดให้รายการการแข่งจักรยานรายการนี้เป็นระดับ UCI World Tour นั่นหมายความว่า ทีมที่เข้าแข่งขันจะต้องได้รับการจดทะเบียนรับรองจากสหพันธ์ฯก่อนจึงจะเข้าแข่งขันได้ยกเว้นทีมที่ผู้จัดการแข่งขันเชิญมาเข้าร่วมการแข่งขันตามโอกาสเป็นรายๆไป
Giro d’Italia เป็นหนึ่งในสามรายการแกรนด์ทัวร์ร่วมกับ Tour de France และ Vuelta Espana Giro(Tour of Spain)โดยจะใช้ระยะเวลาการแข่งขันพอพอกันทั้งสามรายการ ต่างกันในเดือนที่จัดเท่านั้น คือ Giroแข่งขันกันสามอาทิตย์ในช่วงเดือนพฤษภาคม โดยที่เส้นทางจะมีการปรับเปลี่ยนกันทุกปี แต่รูปแบบการจัดการแข่งขันจะเหมือนเดิมคือ จะต้องมีการแข่งขันจับเวลาสองช่วงคือ จับเวลาทีมและจับเวลาบุคคล การแข่งขันจะต้องผ่านเทือกเขาแอลป์ รวมถึงผ่าน Dolomites และไปสิ้นสุดการแข่งขันที่นครมิลาน โดยมีระยะเวลาการแข่งขัน 23 วัน โดยมีอยู่สองวันจะเป็นวันที่ให้นักจักรยานได้พักน่อง
ทุกช่วงการแข่งขันจะมีการบันทึกเวลาของนักจักรยานแต่ละคน จากนั้นก็เริ่มรวมเวลาที่นักจักรยานแต่ละคนทำได้ในทุกช่วงการแข่งขันของแต่ละวัน นักจักรยานที่ทำเวลารวมได้น้อยที่สุดจะเป็นผู้นำการแข่งขันซึ่งจะได้เอกสิทธิ์ในการสวมเสื้อสีชมพู (Pink Jersey, ภาษาอิตาเลี่ยนคือ Maglia Rosa) นักจักรยานที่สามารถเก็บคะแนนสะสมสามารถผ่านจุดเร่งความเร็ว ที่คณะผู้จัดการแข่งขันกำหนดเป็นคนแรกในแต่ละวันก่อนนักจักรยานคนอื่น นักจักรยานคนใดได้คะแนนสะสมสูงสุดประเภทเร่งความเร็วเข้าจุดที่กำหนด จะได้ครองเสื้อสีแดง (Maglia Rosso Passione) นักจักรยานที่มีคะแนนสะสมสูงสุดจากจุดให้คะแนนผ่านจุดกำหนดบนยอดเขาเป็นคนแรก จะครองเสื้อสีน้ำเงิน (Maglia Azzurra) และนักจักรยานที่มีอายุไม่เกิน 25 ปีและสามารถทำเวลารวมได้น้อยที่สุดจะได้ครองเสื้อขาว (Maglia Bianca) ซึ่ง Giroในปี 2013 เซ่อร์ พอล สมิทซ์ (Paul Smith) ชาวอังกฤษซึ่งเป็นเอกอุของวงการแฟชั่น นักออกแบบผลิตภัณฑ์ทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า น้ำหอม นาฬิกา เฟอร์นิเจอร์และเครื่องหนังชั้นนำของโลก ผู้เป็นหนึ่งที่หลงใหลในกีฬาจักรยานตั้งแต่ยังวัยรุ่น แต่เกือบเอาชีวิตไม่รอดกับอุบัติเหตุจากการปั่นจักรยาน เซ่อร์พอลได้รับเกียรติให้ออกแบบเสื้อให้นักจักรยานที่มีเวลาและคะแนนสะสมดีที่สุดทั้งสี่แบบ และรางวัลสุดท้ายของการแข่งจักรยาน Giro คือ รางวัลประเภททีมจักรยานอาชีพดีเด่น (Team Classification, Trofeo Fast Team) โดยตัดสินจากทีมใดมีนักจักรยานในทีมสามคนทำเวลาได้ดีที่สุด(เวลาน้อยที่สุด) และปี 2012ที่เพิ่งจะผ่านมาของ Giro เป็นปีแรกที่นักปั่นชาวคาเนเดี่ยน Ryder Hesjedal สามารถชนะการแข่งขัน
ปี 1908-1909 ที่มาของดำริการจัดการแข่งขันและการแข่งครั้งแรกของ Giro
แนวความคิดริเริ่มที่จะให้มีการจัดการแข่งขันจักรยานถนนทางไกล รอบประเทศอิตาลี่เริ่มจาก Tullo Morgagni บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ La Gazzetta dello Sport ได้ส่งโทรเลขไปถึงเจ้าของหนังสือพิมพ์คือ Emilio Costamagna และหัวหน้ากองบรรณาธิการกีฬาจักรยานว่า เราน่าจะเป็นผู้บุกเบิกในการจัดการแข่งขันจักรยานทางไกลที่เป็นหนึ่งเดียวของประเทศ ซึ่งในขณะนั้นหนังสือพิมพ์คู่แข่งของ La Gazzetta’s คือ Corriere della Sera ก็มีแผนที่จะจัดการแข่งขันจักรยานถนนเช่นกัน แต่ด้วยปัญหาในด้านงบประมาณCorriere จึงไม่สามารถดำเนินการได้ เจ้าของหนังสือพิมพ์ Gazzetta จึงชิงประกาศออกตัวก่อน ณ วันที่ 7 เดือน สิงหาคม 1908ก่อน ว่าเขาพร้อมแล้วที่จะจัดการแข่งขันจักรยานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอิตาลี่ และจะเริ่มการแข่งขันในเดือนพฤษภาคมปี 1909 โดยได้รับแรงจูงใจจากการประสบความสำเร็จของหนังสือพิมพ์ L’Auto ที่สามารถริเริ่มจัดการแข่งขันจักรยานทางไกล Tour de France จนโด่งดังทั้งในประเทศฝรั่งเศสและทั่วโลกมาแล้ว
เมื่อมีการรวบรวมทีมงานที่จะจัดการแข่งขัน Giro ทีมทำงานก็พบกับปัญหาแรกที่พวกเขาประสบก็คือ การจะหาเงินทุน 25,000 ลีร์มาจากไหน? คณะผู้จัดได้เข้าปรึกษากับ Primo Bongrani นักบัญชีจากธนาคาร Cassa di Risparmio นักบัญชีหนุ่มเสนอความคิดให้ระดมทุนจากเงินบริจาคจากทั่วประเทศ เพราะชาวอิทาเลี่ยนเองก็อยากจะมีรายการแข่งจักรยานยิ่งใหญ่พอพอกับชาวฝรั่งเศสเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และแนวคิดนี้ก็ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว เขาสามารถระดมทุนจนเหลือมากพอที่จะใช้ในการจัดการแข่งขัน Giro ได้อย่างสบาย งบประมาณส่วนใหญ่มาจากบ่อนคาสิโนในซานรีโม และแม้แต่หนังสือพิมพ์คู่แข่งของ Gazzetta’s อย่าง Corriere ยังเห็นแก่ชื่อเสียงของประเทศบริจาคเงิน3,000ลีร์เพื่อเป็นทุนการจัดการแข่งขันด้วย และแล้วระฆังสัญญาณแห่งการเริ่มต้นการประลองยุทธ์แห่งความเป็นจ้าวถนน และการแข่งขันจักรยานในประเทศอิตาลี่ก็เริ่มขึ้นในวันที่ 13 พฤษภาคม 1909 เวลาบ่ายสองโมงกับอีก 53 นาที นักปั่น127 ชีวิตพร้อมสำหรับการแข่งขัน Giro เป็นครั้งแรก ณ จุดสตาร์ทที่ Loreto กลางกรุงมิลาน
การแข่งขันแบ่งออกเป็นแปดช่วงที่ครอบคลุมระยะทาง 2,448 กิโลเมตร (1,521ไมล์ทำไมโหดจัง) มีนักปั่นผ่านเข้าเส้นชัยครบกำหนด 49 ชีวิต และนักจักรยานผู้ชนะการแข่งขัน Giro ครั้งที่หนึ่งคือ Luigi Ganna ซึ่งหมอสามารถชนะสามช่วงการแข่งขันและมีเวลารวมน้อยที่สุด Ganna รับรางวัลเงินสดสดไป 5,325 ลีร์ ส่วนนักจักรยานที่มีเวลารวมมากที่สุด(อันดับโหล่)ที่ปั่นครบระยะทางก็ได้รางวัลปลอบใจไป 300 ลีร์ แต่ในขณะที่ผู้อำนวยการจัดการแข่งขัน Giro กลับได้เงินค่าจ้างเพียง 150 ลีร์ต่อเดือนเท่านั้น
ปี 1910-1924 การประกาศศักดาของอิทาเลี่ยนจ๊อบ
ในช่วงหนึ่งทศวรรตกว่าๆของการจัดการแข่งขัน Giro จวบจนถึงปี 1950 นักปั่นที่ชนะการแข่งขัน Giro ทั้งหมดเป็นชาวอิตาเลี่ยนทั้งสิ้น หลังจากประสบความสำเร็จในการจัดการแข่งขัน ทีมผู้จัดการแข่งขันได้เพิ่มช่วงการแข่งขันมากขึ้นอีกสองช่วง และเพิ่มระยะทางการแข่งขันเข้าไปอีก 500 กิโลเมตร (311ไมล์) และมีการปรับเปลี่ยนกติกาใหม่ให้ผู้ชนะช่วงการแข่งขันรับคะแนนแทนการจับเวลา คือ ผู้ชนะที่หนึ่งในช่วงการแข่งขันจะได้หนึ่งคะแนน นักปั่นที่เข้าที่สองจะได้สองคะแนน ไล่เรียงจนไปถึงนักปั่นคนที่ 51 (น่าจะมาตัดสินคนได้คะแนนน้อยสุดเป็นผู้ชนะ) นักปั่นที่มิใช่ชาวอิตาเลี่ยนที่ชนะการแข่งขันช่วง(Stage)การแข่งขันของ Giroได้เป็นคนแรกคือ Jean-Baptiste Dortignacq
ในปี1910 ในปีนั้นนักปั่นอิตาเลี่ยนก็ชนะการแข่งขันอีก ในปี 1911 การแข่งขัน Giro ไม่ได้เริ่มต้นและสิ้นสุดที่เมืองมิลาน แต่เปลี่ยนไปเริ่มต้นและสิ้นสุดในกรุงโรมเพื่อการเฉลิมฉลองการครบรอบ 50 ปีของการรวมตัวเป็นหนึ่งของประเทศอิตาลี่ และ Galetti ก็ประกาศชัยชนะ Giro กลางกรุงโรมอีกครั้ง โดยมีนักปั่นเมืองน้ำหอม Lucien Petit-Breton เป็นนักปั่นมิใช่ชาวอิทาเลี่ยนอีกคนหนึ่งที่สามารถครองเป็นผู้นำอยู่ช่วงหนึ่งก่อนจบการแข่งขัน
ในปี 1912 ของGiro ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับการได้มาของผู้ชนะเลิศประเภททั่วไปซึ่งยังคงนับจากคะแนนมิใช่จากเวลารวม ได้เกิดการจัดระบบในการแข่งขันเป็นแบบทีมขึ้นเป็นครั้งแรก ไม่ใช่ต่างคนต่างปั่นแบบในอดีตที่ผ่านมา ผู้ชนะเริ่มที่จะอาศัยพึ่งพาเพื่อนร่วมทีมซึ่งกันและกัน Giro ออกกฎอนุญาตให้ทีมที่ลงแข่งขันมีสมาชิกทีมได้ไม่เกินสี่คน คราวนี้ที่หน้าเส้นปล่อยตัววงการจักรยานต้องพบกับระบบทีมที่นำมาใช้ มีทีมจักรยานถึง 14 ทีมเรียงรายกันหน้าสลอนอยู่หน้าเส้นปล่อยตัวในกรุงมิลาน ทีม Atala ซึ่งประกอบไปด้วยนักปั่นประจำทีมสี่คนคือ Luigi Ganna, Carlo Galetti, Eberardo Pavesi และ Giovanni Micheletto เป็นสลาตันทีมที่น่าเกรงขามที่สุด และหลังสิ้นสุดการแข่งขัน มีเพียง Luigi Ganna เพียงคนเดียวที่ปั่นไม่ครบต้องออกจากการแข่งขันหลังจากปั่นไปได้ห้าช่วงของการแข่งขัน และGalettiจากทีมAtala ก็เป็นนักจักรยานคนแรกที่สามารถชนะGiroถึงสามสมัย
ถัดมาอีกเพียงปีเดียวเป็นการปรากฏตัวครั้งแรกของ Costante Giraedengo ผู้สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ให้กับGiro แบบยากแก่การลืมเลือน เพราะหมอสามารถเหมาชนะทั้งหกช่วงของการแข่งขัน นักปั่นอิตาเลี่ยนยังไม่ระอากับชัยชนะCarlo Oriani หนุ่มอิตาเลี่ยนที่เพิ่งปลดประจำการจากทหารในสงครามอิตาโล่-เตอร์กิซสามารถชนะแต้มหกคะแนนเหนือผู้ตามมาเป็นที่สองคือ Eberardo Pavesi ปี1914 Giro ก็กลับมานับเวลารวมแทนการให้คะแนนอีกครั้ง ในปีนั้นมีนักปั่นเข้าแข่งขัน 81 คนแต่มีผ่านเข้าเส้นชัยที่ช่วงสุดท้ายเพียงแปดคนเท่านั้น โดยมี Alfonso Calzolari เป็นผู้ชนะที่ทิ้งห่างนักปั่นที่ตามมาเป็นที่สองถึงเกือบสองชั่วโมง และ Giro ก็ต้องหยุดการแข่งขันลงในปี 1915 เนื่องจากการระเบิดขึ้นของมหาสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และ Giro ก็กลับมาจัดอีกครั้งในปี 1919
ปี1919การจัดการแข่งขันจักรยานทางไกลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศอิตาลี่ ต้องประสบกับความยุ่งยากเพราะสภาวะความไม่พร้อมของบ้านเมืองหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เส้นทางการแข่งขันส่วนใหญ่ถูกเลื่อนขึ้นไปทางตอนเหนือเพื่อหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่เสียหายยับเยินจากผลของสงคราม Costante Girardengo สามารถคว้าชัยในการแข่งปีนั้น และหมอเป็นนักจักรยานอิตาเลี่ยนที่สามารถเข้าเส้นชัยเป็นผู้ชนะทุกช่วงของการแข่งขันอีกเช่นกัน ส่วนผู้ที่ได้ที่สามเป็นชาวต่างชาติคือ Marcel Buysse นับเป็นนักจักรยานต่างชาติคนแรกที่สามารถแทรกตัวขึ้นไปยืนบนแท่นรับรางวัลได้สำเร็จโดยปั่นตามหลังGirardengoมาเป็นชั่วโมง ปี1920การจัดการแข่งขันปีแรกที่เริ่มต้นที่นอกประเทศ สวิตเซอร์แลนด์ได้รับเกียรติให้เป็นสนามประลองยุทธ์ในช่วงวันแรกของการแข่งขันที่มีนักปั่น50คนและเหลือรอดถึงเส้นชัยในช่วงสุดท้ายเพียง 10 คนเท่านั้น การแข่งที่เริ่มต้นในสวิสครั้งนี้ Girardengo ผู้ซึ่งคว้าชัยในปีที่เพิ่งผ่านมาได้รับการเป็นมือวางอันดับหนึ่งที่จะคว้าชัยคำรบสอง แต่หมอกลับไปล้มในการแข่งช่วงที่สองถึงขนาดต้องออกจากการแข่งขัน Gaetano Belloni จึงคว้าชัยไปครองแทน
ปี1921 Constante Girardengo พยายามกลับมาทวงคืนชัยชนะอีกครั้ง และหมอก็ทำได้ไม่เลวกับการชนะถึงสี่ช่วง(Sage)แรกของการแข่งขัน แต่ในการแข่งขันช่วงที่ห้าดังคำที่โบราณกล่าวเปรียบเปรยไว้ว่า “ธัญพืชเพียงเมล็ดเดียวก็อาจพลิกโฉมประวัติศาสตร์ได้” และแล้วGirardengo ก็ลงวัดพื้นถนนอีกครั้ง
แปลและเรียบเรียงโดย: จำปี
สุดยอดความรู้