เคราซ์เวก: “ผมรู้ว่ามันจบแล้ว ผมแพ้ Giro ที่นี่ วันนี้”

สเตจ 19 เป็นวันที่ดราม่าน้ำตาท่วมจอ กับผลการแข่งขันที่กลับแบบหน้ามือเป็นหลังมือ DT รีวิวสเตจไว้แล้วที่ลิงก์นี้ แต่ลองมาฟังคำพูดของเหล่าตัวเต็งสามคนที่ชะตาเปลี่ยนแบบกะทันหันกันครับ

สตีเวน เคราซ์เวก (LottoNL-Jumbo)

“ผมถึงขีดจำกัดแล้วตอนขึ้นเขา ผมต้องกินหรือต้องดื่มเพื่อเพิ่มแรง แต่ผมก็ตัดสินใจผิดพลาดตอนพยายามเข้าโค้งตอนที่ประมาทจนไปชนกับกำแพงหิมะ ตอนล้มมันไม่เจ็บเท่าไร แต่รถผมพัง ปั่นต่อไม่ได้ ตอนนั้นคุณรู้ตัวแล้วหละว่าทุกอย่างมันจบแล้ว ผมพยายามทุกอย่างแต่ร่างกายมันระบมไปหมด ผมแพ้ Giro ที่นี่”

วินเชนโซ นิบาลี (Astana)

“ตลอดเวลาที่แข่งแกรนด์ทัวร์มา คุณหวังได้เลยว่าถึงช่วงวันท้ายๆ มันต้องมีอะไรเกิดขึ้นที่คุณมักจะคาดไม่ถึง ทุกสนามทุกปีต่างกันไป ผมเคยผ่านช่วงเวลาที่ยากมากๆ ในแกรนด์ทัวร์ แต่วันนี้ผมเหมือนได้ปลดปล่อยอะไรบางอย่างออกมา

จริงๆ ก่อนเริ่มสเตจผมหวังแค่คว้าแชมป์สเตจ เพราะมีนักปั่นหลายคนเวลารวมดีกว่าผมมาก แต่พอถึงยอด Agnello ผมเห็นว่าหลายคนเริ่มไม่ไหวเหมือนกัน โดยเฉพาะเคราซ์เวก ผมเลยเร่งลงเขา แล้วเขาก็ล้ม และแผนของเราก็เปลี่ยนไป

ผมปั่นดีขึ้นเวลาได้ไต่เขาสูงๆ ระยะทางยาวๆ ครับ มันง่ายกับผมว่าเขาสั้นๆ ชันๆ มาก บางทีผมคงไม่เชื่อมั่นในความสามารถตัวเองเท่าไร แต่วันนี้ผมก็หวังลึกๆ ว่าปาฏิหารย์จะเกิดขึ้น”

เอสเตบาน ชาเวซ (Orica-GreenEdge)

“การแข่งจักรยานก็เป็นแบบนี้ครับ เราไม่สามารถย้อนเวลาได้ เมื่อการแข่งเริ่มแล้วคุณก็ต้องไปต่อให้จบ ซาคารินก็ล้ม ขอแค่คุณพลาดครั้งเดียวการแข่งขันก็จบ ทั้งผมและนิบาลี ถ้าเราประมาทเราก็คงล้มเหมือนกัน

การได้เสื้อชมพูมาใส่มันเหมือนฝันไป ผมพูดเสมอว่าฝันมันต้องเป็นจริง ทีมเราพยายามหนักมากเพื่อให้มีวันนนี้ครับ เราเชื่อมั่นเสมอว่าเราต้องทำได้”

By เทียนไท สังขพันธานนท์

คูน คือผู้ก่อตั้งดั๊กกิ้งไทเกอร์ และอยากใช้เว็บไซต์นี้ช่วยให้คนไทยอยากขี่จักรยานกันเยอะๆ!

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *