[dropcap letter=”ผ่”]านมา 9 สเตจ ก็ชัดเจนแล้วว่าเจตนาของทีม Astana คือทำให้ชีวิตคู่แข่งทุกคนทรมานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในสเตจที่ไม่มีภูเขาสูงชันให้ตัวเต็งตัดเวลากัน Astana ยังเดินเกมรุกหนักทั้งสองทาง ด้านหน้าส่งเพาโล ทิราลองโก้ ขาแรงของทีมขึ้นไปดักรอฟาบิโอ้ อารูในเบรคอเวย์ แต่เมื่อกลุ่มตัวเต็งไล่จับเบรคอเวย์ไม่ทัน ทิราลองโก้เดินเครื่องเต็มเหนี่ยว ทิ้งห่างคู่แข่งทุกทีมคว้าแชมป์สเตจครั้งแรกให้ Astana ได้สำเร็จ ด้านหลังฟาบิโอ้ อารูเปิดฉากโจมตีอัลเบอร์โต้ คอนทาดอร์ และริชีย์พอร์ทที่ทางขึ้นเขาและที่หน้าเส้นชัย
สเตจ 9 เปิดด้วยการกระชากกลุ่มของขาแรงหลายคนที่อยากจะได้แชมป์สเตจ ไม่ว่าจะเป็นสตีเฟน ครอยชิวิค (LottoNL), เฮซุซ เฮอร์ราด้า (Movistar), ไซมอน เกชค์ (Giant-Alepcin), อมาเอล โมนาร์ (BMC), คาร์ลอส เบทันเคอร์ (AG2R), ทอม เยลท์ สแลกเตอร์ (Cannondale) เคนนี่ เอลิซองด์ (FDJ) และเพาโล ทิราลองโก้ (Astana)
ช่วงสุดท้ายสแลกเตอร์ออกทิ้งกลุ่มเบรคอเวย์ ทิราลองโก้ไล่ตามจนขึ้นแซงได้ที่ 5 กิโลเมตรสุดท้าย เขาทิ้งสแลกเตอร์และเข้าเส้นชัยเป็นคนแรก ทิราลองโก้ให้สัมภาษณ์ทีหลังว่าตั้งใจจะหนีออกมารอช่วยอารู แต่กลุ่ม peloton ไล่กลุ่มหนีไม่เข้า ผู้จัดการทีมเลยวิทยุบอกให้ลองชนะสเตจดู และก็ทำได้อย่างที่ทีมต้องการ ทิราลองโก้ กลายเป็นแชมป์สเตจ Giro ที่อายุมากที่สุด (37 ปี)
ส่วนกลุ่มตัวเต็งด้านหลังก็ยังเป็นศึกระหว่าง Tinkoff ที่พยายามคุมความเร็วกลุ่ม และ Astana ที่วางแผนจะตั้งแท่นยิงให้อารูออกหนีอีกครั้ง อารูเปิดกระชากก่อนที่ตีนเขา Monte Serra ดึงเอาคอนทาดอร์และพอร์ทออกมาด้วย และเป็นอีกครั้งที่ริกโอเบอร์โต้ อูราน (Etixx-Quickstep) ไม่มีคำตอบให้การโจมตีของกลุ่มตัวเต็ง เขาทำได้เพียงเกาะหลังในกลุ่มไล่ ช่วงสุดท้ายกลุ่มตัวเต็งเกี่ยงกันเล็กน้อยไม่ยอมขึ้นนำกัน ก่อนที่จะร่วมมือกันเร่งความเร็วทิ้งห่างอูรานได้มากถึง 46 วินาทีที่หน้าเส้นชัย
สรุปแล้ว 9 สเตจที่ผ่านมา ตัวเต็ง 3 คน (คอนทาดอร์, พอร์ท, อารู) มีเวลาห่างกันแค่ 22 วินาทีเท่านั้น (จริงๆ ก็คือเวลาที่พอร์ทเสียไปในสเตจแรกทั้งหมด) สัปดาห์ที่สองเป็นสเตจทางราบซะมาก ซึ่งดีกรีความเดือดของทีม GC ก็น่าจะลดลงพอสมควรครับ
***
ผลการแข่งขัน
วิดีโอไฮไลท์
Cyclingnews Highlight 3 นาที
***
