เกร็ก แวน เอเวอร์มาร์ตจากทีมชาติเบลเยียมประเดิมเหรียญทองแรกสำหรับการแข่งขันจักรยานในศึกริโอโอลิมปิก 2016 เมื่อเขาไล่ตามจับราฟาล ไมย์ก้า (โปแลนด์) ที่หนีกลุ่มออกไปได้ในช่วงสุดท้าย และปิดเกมด้วยการสปรินต์เอาชนะยาค็อบ ฟูลก์แซง (เดนมาร์ค) ที่หน้าเส้นชัย และเป็นเหรียญทองโอลิมปิกครั้งแรกของชาวเบลเยียมหลังจากที่ไม่เคยทำได้อีกเลยตั้งแต่ปี 2008
ราฟาล ไมย์ก้าเกือบจะได้ลุ้นเหรียญทองเมื่อเขาเบรคอเวย์หนีกลุ่มตัวเต็งของวินเชนโซ นิบาลี (อิตาลี) และเซอร์จิโอ้ เฮนาว (โคลอมเบีย) หลังทางขึ้นเขาในเซอร์กิต Vista Chinesa ในรอบสุดท้าย ทว่านิบาลีลื่นล้มระหว่างทางลงเขา ดึงเอาเฮนาวล้มลงไปด้วย ทำให้ไมย์ก้าหนีไปได้เพียงคนเดียว
ด้านหลังเป็นความพยายามของกลุ่มไล่ที่ไม่สามารถเจรจาผลประโยชน์กันได้ กับระยะทางที่เหลือกว่า 10 กิโลเมตร แต่เป็นยาค็อบ ฟูลก์แซงจากเดนมาร์คที่เปิดเกมหนีเป็นคนแรก และแวน เอเวอร์มาร์ท (เบลเยียม) ก็ออกตาม ทั้งคู่ช่วยกันทำงานหวังทำลายอนาคตของไมย์ก้า ซึ่งก็รวบจับเอซโปแลนด์ได้ที่สามกิโลเมตรสุดท้าย เป็นแวน เอเวอร์มาร์ทที่เก๋าเกมกว่า บังคับให้ฟูลก์แซงขึ้นหน้าช่วยบังลมก่อนเปิดสปรินต์แซงในช่วง 200 เมตรสุดท้าย เอาชนะฟูลก์แซงไปได้หลายช่วงตัว ส่วนไมย์ก้าตามเข้ามาเป็นอันดับสาม คว้าเหรียญทองแดง
พอร์ทล้ม, วาวเวอเด้หลุดกลุ่ม
4 ชั่วโมงแรงของการแข่งขันในคอร์สระยะทาง 237.5 กิโลเมตร นักปั่นต้องเจอกับเส้นทางเลียบชายฝั่งและช่วงถนนหินซึ่งถึงแม้จะยังไม่เจอช่วงทางขึ้นเขาที่จะลดทอนแรงกลุ่ม แต่ก็เป็นจุดสำคัญที่เริ่มลดทอนจำนวนนักปั่นที่จะท้าชิงเหรียญทองในในช่วงท้ายเกม
40 กิโลเมตรสุดท้ายมีตัวเต็งเหลือเพียงไม่กี่คน เบรคอเวย์นำโดยมิฮาล เควียทคอฟสกี้ (โปแลนด์), เกอเรนท์ โทมัส (สหราชอาณาจักร), ดามิอาโน คารูโซ (อิตาลี), เซอร์จิโอ้ เฮนาว (โคลอมเบีย) แอนเดร ซีทส์ (คาซัคสถาน) แต่ในจังหวะลงเขา เนลสัน โอลิเวเรีย (โปรตุเกส) และริชีย์ พอร์ท (BMC) พลาดล้มและพอร์ทเจ็บหนักจนต้องออกจากการแข่งขัน
ด้านหลัง วินเชนโซ นิบาลีและฟาบิโอ้ อารู (อิตาลี), ฟูลก์แซง และอดัม เยทส์ (สหราชอาณาจักร) เร่งลงเขาจนทันกลุ่มหน้า มาพร้อมกับราฟาล ไมย์ก้าและมิฮาล เควียทคอฟสกี้ (โปแลนด์) ทำให้โปแลนด์และอิตาลีเป็นทีมนำกลุ่มเปโลตองอยู่ราว 50 วินาที หลังกลุ่มเบรคอเวย์เป็นสเปน ฝรั่งเศส และสวิสเซอร์แลนด์ที่พลาดกลุ่มหนีต้องทำเกมไล่จับให้ทันก่อนถึงเส้นชัย
ถึง 25 กิโลเมตรสุดท้ายกับทางขึ้นเขารอบสุดท้าย ทาเนล แคงเกิร์ท จากเอสโตเนียช่วยนิบาลีและอารู (สามคนนี้เป็นเพื่อนร่วมทีม Astana) หนีกลุ่มเบรคอเวย์ ส่วนกลุ่มเปโลตองนั้นวาวเวอเด้กัปตันทีมสเปนหลุดกลุ่ม กลายเป็นหน้าที่ของคริส ฟรูมและวาคิม โรดริเกรซที่ต้องรวบกลุ่มหน้าให้ทัน
กลับมาที่หน้ากลุ่มหนี อารูหลุดกลุ่ม แต่เบรคอเวย์ยังเหลือแวน เอเวอร์มาร์ท, ซีท, ไมย์ก้า, เฮนาว, โทมัส, นิบาลี, ฟูลก์แซง และมีหลุยว์ แมงกี้ (แอฟริกาใต้) กับโรดริเกรซเกาะขึ้นมาทันกลุ่มหน้า เป็น 9 คนสุดท้ายที่ขึ้นเขาพร้อมกัน แต่เป็นนิบาลีและเฮนาวที่พยายามเบรคอเวย์อีกครั้งในจังหวะลงเขา
เป็นการโจมตีที่รอดได้ไม่ไกลนักเมื่อทั้งคู่ลื่นล้มจนต้องหยุดแข่ง กลุ่มไล่ที่ตามมาก็เป็นโทมัสอีกคนที่ล้ม เหลือเพียงไมย์ก้าที่นำกลุ่มคนเดียวร่วม 20 วินาที
ด้านหลังแวน เอเวอร์มาร์ทและฟูลก์แซง กระชากหนีกลุ่มไล่ที่ 7 กิโลเมตรสุดท้ายและค่อยๆ ไล่จับไมย์ก้าได้ทันราว 3 กิโลเมตรก่อนถึงเส้นชัย และเป็นแวน เอเวอร์มาร์ทที่ปิดเกมเข้าเส้นชัยเป็นคนแรกได้สำเร็จ
Race Note
“ชัยชนะครั้งนี้มันลบความพ่ายแพ้ทุกครั้งที่ผ่านมาได้หมดเกลี้ยง”
- คือคำพูดของ เกร็ก แวน เอเวอร์มาร์ท ม้ามืดที่ไม่มีใครคิดว่าจะชนะได้ เพราะเส้นทางที่เป็นภูเขาในช่วงสุดท้ายไม่เอื้อกับสไตล์การปั่นของเขา (ตัวเต็งในเบรคอเวย์สุดท้ายเป็นนักไต่เขาทั้งหมด!)
- GVA มากับฟอร์มที่ดีถึงแม้จะไม่ใช่ตัวเต็งของรายการก็ตาม บวกกับโชคที่ตัวเต็งอย่างนิบาลีหนีกลุ่มออกไปแต่ล้มเจ็บเสียก่อน แต่นักไต่เขาในกลุ่มคงเริ่มกังวลเมื่อสายคลาสสิคกึ่งสปรินเตอร์อย่างเขายังไม่หลุดกลุ่มในช่วงสุดท้ายของการแข่งขัน และนั่นอาจจะเป็นเหตุผลให้นิบาลีพยายามหนีออกไปก่อน
- ว่ากันตามตรงแล้วในบรรดากลุ่มสุดท้าย คนที่พอจะสปรินต์ชนะเขาได้ก็มีแค่ วาวเวอเด้ซึ่งก็หลุดกลุ่มไปก่อนเกมจะเริ่มเข้มข้น
- เหรียญทองครั้งนี้ของ GVA เพราะเป็นเหรียญทองเสือหมอบครั้งแรกในรอบเกือบหกสิบปี คนล่าสุดที่ได้เหรียญทองของเบลเยียมในประเภท Road Race คือ แอนเดร โนเยลล์ในปี 1952~! และเป็นเหรียญทองโอลิมปิกของเบลเยียมครั้งแรกตั้งแต่ปี 2008 เป็นที่น่ายินดีสำหรับชาติอย่างเบลเยียมที่มีจักรยานเป็นกีฬาประจำชาติ
“ไม่เคยหวังเลยว่าจะชนะ”
แวน เอเวอร์มาร์ทให้สัมภาษณ์หลังแข่ง: “มันเป็นการแข่งที่บ้ามากครับ ทางลงเขานี่อันตรายมาก ทุกคนยอมเสี่ยง ผมพยายามอยู่ในเซฟโซน ไม่เสี่ยงเกินไป และไม่ออกแรงมากเกินไป จังหวะลงเขาผมเห็นหลายคนล้ม ผมไม่แน่ใจว่ามีกี่คนที่นำอยู่ข้างหน้า (มีแค่ไมย์ก้าคนเดียว) แต่ผมกับฟูลก์แซงก็พยายามไล่ตาม”
“ช่วง 5 กิโลเมตรสุดท้ายมันสมบูรณ์แบบมากครับ ผมรู้ว่าผมแค่ต้องเกาะกลุ่มไปสปรินต์ และนั่นก็คือสิ่งที่เกิดขึ้น”
“สำหรับผมการชนะโอลิมปิกมันยิ่งใหญ่มากครับ ผมไม่เคยหวังเลยว่าจะชนะ”
