หลังจากคว้าอันดับ 2 ใน Giro d’Italia ปีนี้ ไนโร คินทานา (Movistar) นักไต่เขาจากโคลอมเบียเตรียมตัวลงแกรนด์ทัวร์สนามใหญ่ที่สุดของปีด้วยเป้าหมายที่จะเป็นแชมป์รายการให้ได้
สื่อทุกสำนักต่างวิเคราะห์ว่ามันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่นักปั่นจะชนะแกรนด์ทัวร์สองรายการซ้อนในปีเดียวกัน โดยเฉพาะ Giro d’Italia และ Tour de France ที่ระยะห่างระหว่างสองรายการมีแค่ 33 วันเท่านั้น
แต่ทีม Movistar มั่นใจในความสามารถของคินทานา และเชื่อว่าเขาจะทำสำเร็จ (ถึงจะพ่ายแชมป์ Giro ให้กับทอม ดูโมลานจากทีม Sunweb) จากผลการแข่งขันที่ติดโพเดี้ยมมาตลอดทุกครั้งที่เขาลงแข่งตูร์ (ที่ 2 ในปี 2013/2015 และที่ 3 ในปี 2016)
ก่อนลงแข่งไม่กี่วันทีม Movistar สัมภาษณ์คินทานาถึงความพร้อมในการลงแข่งและหลายๆ ประเด็นที่แฟนทีมสนใจ มาดูกันว่าเขาพูดอะไรบ้างครับ
คิดยังไงกับผลงานใน Giro d’Italia ปีนี้?
คินทานา: เราแพ้ไปแบบฉิวเฉียดครับ และยังได้อันดับสองซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนะ มันน่าเสียดายที่ไม่ชนะ แต่มันทำให้ผมกระหายชัยชนะมากขึ้นกว่าเดิมอีก ผมหวังว่าผมจะโชคดีพอที่จะได้ขึ้นโพเดี้ยมอันดับหนึ่งใน Tour de France
คุณเตรียมตัวรับมือกับ Tour de France ยังไง?
หลังจบ Giro ผมหยุดปั่นพักอยู่บ้านที่โคลอมเบียประมาณหนึ่งสัปดาห์ครับ แต่จากนั้นไม่นานก็รีบกลับมาซ้อมใหม่ ซึ่งเดือนเมษานี้ผมไม่ลงแข่งสนามไหนเลย เป็นโอกาสให้ได้สำรวจสเตจสำคัญในตูร์ปีนี้
ช่วงที่ซ้อมหนักที่สุดก็คือสัปดาห์ก่อน ได้มาซ้อมที่สเตจที่จะใช้แข่งจริงๆ ในเทือกเขาแอลป์ก็จัดว่าหนักแต่ดีกับผมเองและทีมครับ รวมๆ แล้วการเตรียมตัวของเราเสร็จสิ้นสมบูรณ์ ต่อจากนี้ก็แค่รักษาสุขภาพให้ดี พักขาให้สดพร้อมเริ่มสตาร์ทตูร์ในดุสเซลดอร์ฟ
มันยากที่จะหาสมดุลระหว่างการพักและการซ้อม จากประสบการณ์ของผม ผมว่าพักให้เต็มที่ก่อนเริ่มซ้อมหนักจะได้ผลที่สุด ถึงระยะเวลาเตรียมลงตูร์จะมีไม่มาก แต่การซ้อมต่อเนื่อง 3-4 สัปดาห์ก็ช่วยฟอร์มคุณได้เยอะครับ
คิดว่าพร้อมแค่ไหน?
ผมรู้สึกดีนะ ผมน่าจะฟอร์มดีขึ้นเรื่อยๆ ในอีกไม่กี่วันนี้ ซึ่งหมายความว่าผมจะออกสตาร์ทสเตจ 1 ด้วยฟอร์มการปั่นที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ คุณทำได้เท่านี้แหละ เริ่มแข่งแล้วก็ว่ากันอีกที การเตรียมตัวฤดูกาลนี้ต่างไปจากปีก่อนๆ มากครับ ถึงผมจะเคยแข่งแกรนด์ทัวร์สองรายการต่อกันหลายครั้ง แต่การเริ่ม Giro และต่อด้วย TDF นี้ผมยังไม่เคยทำ ผมสู้ได้ดีใน Giro ซึ่งทำให้มั่นใจใน TDF มากขึ้นนะ
ความท้าทายในการแข่งสองแกรนด์ทัวร์คืออะไร?
ผมยังเชื่อว่าเราสามารถชนะทั้ง Giro และ TDF ในปีเดียวกันได้นะ คือเราเตรียมตัวที่จะชนะทั้งสองรายการในปีนี้ ถึงจะรู้ว่ามันยาก โอเคถึงผมจะไม่ชนะรายการแรก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่เต็มที่กับ TDF เป้าหมายเรายังเหมือนเดิมและเราต้องการชนะ TDF ให้ได้ครับ
มองคู่แข่งยังไง?
สำหรับผม ฟรูม (Sky) ยังเป็นคนที่เราต้องระวังที่สุด การเตรียมตัวลงตูร์ของเขาสมบูรณ์แบบทุกครั้ง และผมเชื่อว่าฟอร์มเขาจะพีค 100% เหมือนปีที่ผ่านมา
ริชีย์ พอร์ท (BMC) – เขาเป็นนักไต่เขาฝีเท้าดีแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว บาค์เดต์ (AG2R) และคอนทาดอร์ (Trek) ก็เช่นกัน ทั้งสามคนมีจุดแข็งต่างกัน แต่เราจะประมาทไม่ได้สักคน ยังมีคู่ Orica – ชาเวซและเยทส์ คู่ Astana – อารูและฟูลก์แซง ซึ่งฟอร์มดีมากในรายการที่ผ่านมา (ฟูลก์แซงได้แชมป์ Criterium du Dauphine) แล้วถ้าดูจากผลงานดูโมลาน (Sunweb) ใน Giro ซึ่งน้อยคนคิดว่าเขาจะได้แชมป์แกรนด์ทัวร์ ก็แปลว่าอาจจะมีม้ามืดที่พร้อมจะพลิกเกมครับ
แล้วทีมวางแผนยังไงที่ให้วาวเวอเด้นำทีมร่วมกับคุณ?
การที่ผมมีวาวเวอเด้คอยช่วยเหลือตลอดหลายปีที่ผ่านมามันทำให้ทีม และผมเองแกร่งขึ้น เขาเป็นนักปั่นชั่วโมงบินสูง เขารู้ว่าต้องทำอะไร การอ่านเกมของเขามันไร้คนเทียบครับ ไม่มีนักปั่นคนไหนจะสอนสิ่งเหล่านี้ให้ผมได้นอกจากเขา ยังไม่รวมความสามารของเขาที่ปั่นดีพอจะทำให้คู่แข่งตัวเต็งคนอื่นๆ ต้องระวังตัวมากเป็นพิเศษ มีเขาอยู่ในทีมทำให้ผมอุ่นใจมาก เพื่อนร่วมทีมคนอื่นก็ทุ่มให้ผมสุดชีวิตเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ทีมเราปีนี้จะเป็นส่วนผสมระหว่างนักปั่นประสบการณ์สูงและนักปั่นรุ่นใหม่ที่แข็งแกร่งทั้งนักไต่เขาและรูเลอร์ (Rouleur) ผมมั่นใจในทีม 100%
คุณวิเคราะห์เส้นทางตูร์ปีนี้ยังไง?
สัปดาห์ 1: เราเริ่มจากการแข่ง Time Trial สั้นๆ ผมก็จะทำเวลาให้ดีที่สุด แต่เป้าหมายสัปดาห์แรกคือการไม่เจ็บไม่ล้มครับ สิ่งสำคัญคือต้องพยายามมีสติ สมาธิ อยู่ในกลุ่มอย่างปลอดภัย อยู่หน้ากลุ่มเมื่อจำเป็น และไปถึงสเตจภูเขาด้วยเวลาที่เท่ากับหรือน้อยกว่าคู่แข่ง
ผมไม่เคยขึ้น La Planche des Belles Filles (DT Note: สเตจที่ฟรูมหนีวิกกินส์ในปี 2012 จนได้แชมป์สเตจ) ซึ่งมันอยู่ในสเตจ 5 แต่ผมเชื่อว่ามีผลต่ออันดับ GC ไม่น้อยครับ แล้วก็ยังมีอีกสองสเตจในเทือกเขา Jura ที่น่าจะกระทบอันดับเวลารวมอีกมาก
สัปดาห์ 2
สองสเตจในเทือกเขาพีรานีส ซึ่งพ้นจากนี้เราคงเห็นแล้วว่าใครนำห่างในรายการนี้ครับ สเตจที่เราต้องผ่าน Peyragudes น่าจะยากที่สุด ระยะทางตั้ง 214 กิโลเมตร สเตจที่สองในพีรานีสสั้นมาก เป็นวันที่เรา go all out ตั้งแต่ต้นจนจบ สเตจแบบนี้น่าลุ้นและสนุกครับ
สัปดาห์ 3
อันดับเวลารวมน่าจะชัดเจนมากแล้วในจุดนี้ สัปดาห์สุดท้ายเราแข่งกันในเทือกเขาแอลป์ จริงๆ เราชินกับเส้นทางทุกสเตจในแอลป์ครับ เพราะเราแข่งผ่านมันหลายครั้ง อากาศก็เป็นเรื่องที่ต้องเตรียมตัว เพราะในแอลป์นี่ความสูงมันเยอะมาก สุดท้ายเป็นสเตจ Time Trial ในเมือง มาร์กเซย ที่จะเป็นตัวชี้วัดอันดับโพเดี้ยม (สเตจ 20) แล้วยิ่งเป็นสเตจที่อยู่หลังสเตจภูเขา ผมว่าคนที่ได้เสื้อเหลืองในวันก่อนหน้าจะเป็นแชมป์รายการได้ไม่ยากครับ
วาวเวอเด้: “ผมลงตูร์เพื่อช่วยไนโร ไม่มีอะไรมากกว่านั้น”
ทางฝั่งวาวเวอเด้เองก็ให้สัมภาษณ์สมทบคินทานาเช่นกันครับ ในเว็บไซต์ของทีม Movistar วาวเวอเด้ลบข้อสงสัยทุกอย่างในการลงแข่งตูร์ครั้งนี้ โดยเฉพาะเรื่องที่คนสงสัยว่าเขาและไนโรจะมีปัญหาแย่งการเป็นหัวหน้าทีมกันเองหรือเปล่า?
ที่ผ่านมา วาวเวอเด้ลงแข่งตูร์กับคินทานา 3 ครั้ง และทุกครั้งเขาเป็น “ผู้ช่วย” แต่ฤดูกาลนี้ที่ตัวเขาเองมีผลงานดีเป็นพิเศษคว้าแชมป์สนามคลาสสิคสองรายการ (Fleche Wallonne และ Liege-Bastonge-Liege) และสเตจเรซ 3 รายการ (Ruta del Sol, Volta Catalunya, Vuelta Pais Vasco) ซึ่งเป็นฤดูกาลที่ดีที่สุดของเขา ไม่น่าแปลกใจถ้าคนจะคิดว่าฟอร์มเขาดีพอจะเป็นหัวหน้าทีม
“อย่างที่บอกไปหลายครั้ง ผมมีหน้าที่ช่วยไนโร และจะไม่มีอะไรมากกว่านั้น ถ้าจะมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างแข่งเราก็ไม่มีทางรู้หรอก แน่นอนว่าผมเองต้องรักษาเวลารวมให้ดี เพราะมันเป็นกลยุทธ์ของทีมเรา ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับไนโร ผมก็ขึ้นนำทีมแทนได้แล้วคู่แข่งก็ต้องระวังเราทั้งสองคน ไม่ใช่แค่ไนโรคนเดียว”
“คินทานาซ้อมและเตรียมตัวดีครับ ทุกครั้งที่เขาลงแกรนด์ทัวร์สองรายการเขาจะทำผลงานในรายากรที่สองได้ดีกว่าเสมอ โดยเฉพาะเวลาที่เขาลง Tour-Vuelta ผมว่าถึงจะลง Giro มาก่อนก็ไม่น่าจะเป็นปัญหากับเขาเลยนะ”
“ตอนนี้ผมไม่คิดว่าคู่แข่งคนไหนน่ากลัวเป็นพิเศษ เขาดูพร้อมสูสีกันหมดนะ โอเค ฟรูมเป็นคนที่ชนะรายการนี้มาแล้วสามครั้ง เราก็ต้องระวังเขาที่สุด ส่วนคอนทาดอร์ก็รู้ดีว่าจะเตรียมแข่งตูร์ยังไงให้มีโอกาสชนะเยอะที่สุด ตูร์ปีนี้จะสูสีมาก และมันน่าสนุกสำหรับผู้ชมครับ”
Source: Movistarteam.com (1) / Movistarteam.com (2)
