[dropcap letter=”วิ”]นาทีที่จอห์น เดเกนโคลบ์ (Giant-Alpecin) เข้าสู่ Roubaix Velodrome ที่กิโลเมตรสุดท้ายของการแข่งขันพร้อมกับเพื่อนร่วมกลุ่มเบรอคเวย์อีก 6 คน เราแทบจะเดาสถานการณ์ออกโดยไม่ต้องรอดูจนจบรายการ ถ้าคุณอ่านพาดหัวข่าวว่า “เดเกนโคลบ์สปรินต์ชนะสเตจ” อาจจะฟังดูเป็นเรื่องธรรมดา เพราะเขาเป็นสปรินเตอร์ฝีเท้าแรง แต่ใน Paris-Roubaix ครั้งนี้ ชัยชนะของเขามันมากกว่าแค่การ “สปรินต์” เพราะเขาออกกระชากหนีกลุ่มตัวเต็งเพื่อไปเกาะกับเบรคอเวย์ แล้วลากกลุ่มเบรคอเวย์มาแข่งสปรินต์ที่หน้าเส้นชัย และยังชนะได้หลายช่วงตัว กลายเป็นนักปั่นคนที่สองในประวัติศาสตร์ที่ได้แชมป์ Milan-San Remo และ Paris-Roubaix ในปีเดียวกัน
เกิดอะไรขึ้นใน 2015 Paris-Roubaix?
รูเบปีนี้ “เร็ว” กว่าปีที่ผ่านๆ มาเมื่อมีกระแสลมส่งตั้งแต่จุดสตาร์ทไปจนถึงเส้นชัย ทำให้ความเร็วเฉลี่ยกลุ่มสูงถึง 43.48 กิโลเมตรต่อชั่วโมงถึงแม้นักปั่นจะต้องผ่านทางวิบากถนนหินโบราณกว่า 50 กิโลเมตรก็ตาม
เมื่อมีลมส่ง นักปั่นหลายคนก็ออกโจมตีกันไม่ยั้ง โดยเฉพาะเมื่อสนามปีนี้ไม่มีตัวเต็งอดีตแชมป์หลายสมัยอย่าง เฟเบียน แคนเชอลาราและทอม โบเน็น ตลอดการแข่งขันหลายทีมพยายามออกหนีกลุ่ม แต่เกมกการแข่งกลับไม่เด็ดขาดพอ กลุ่ม peloton ตามรวบ และยิงหนีกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จนถึง 45 กิโลเมตรสุดท้าย ทีม Quickstep เปิดเกมด้วยสไตน์ แวนเดนเบิร์ก บนเซคเตอร์ถนนหิน Mons en Pevele เซคเตอร์ถนนหินความยากระดับ 5 ดาว แบรดลีย์ วิกกินส์ (Sky) เร่งขึ้นประกบและตามมาด้วยตัวเต็งอีกสิบกว่าคน ถึงช่วงถนนหินถัดไป วิกกินส์ออกโจมตีอีกครั้ง แต่ถูกมาร์คโดยชเน็ค สตีบาร์ (EQS), และ เยนส์ เดอบูเชียร์ (Lotto-Soudal) ถึงจะเป็นกลุ่มหนีที่น่ากลัว แต่เมื่อทุกคนไม่ช่วยกันหนี กลุ่ม peloton ก็รวบจับทั้งสามได้อีกที่ 30 กิโลเมตรสุดท้าย
22 กิโลเมตรหน้าเส้นชัย เซป ฟานมาร์ค (LottoNL) ลองออกหนีบ้าง แต่นิกี้ เทิร์ปสตรา (EQS), ลาร์ส บอม (Astana), ปีเตอร์ ซากาน (Tinkoff-Saxo) และ จอห์น เดเกนโคลบ์ (Giant-Alpecin) ออกยิงสวนไล่ปิดทันที เป็นอีกครั้งที่เบรคอเวย์ตัวเต็งมีลุ้นจะหนีหลุดกลุ่ม แต่ก็ยังขาดความร่วมมือระหว่างนักปั่นจนโดน peloton รวบอีกครั้ง
Quickstep อาศัยความได้เปรียบที่มีนักปั่นฝีเท้าดีหลายคนในสนาม ส่งอีฟ แลมพาร์ท โดเมสติกหน้าใหม่วัย 24 ปี กระชากอีกครั้ง แลมพาร์ทไม่ทันจะหนีพ้น 100 เมตร เกร็ก แวน เอเวอร์มาร์ท (BMC) ก็ออกตาม ทั้งคู่หนีไปได้พักหนึ่ง Giant-Alpecin ก็ส่งเบิร์ท เดอ แบคเคอร์ออกหนีบ้าง จอหน์ เดเกนโคลบ์ อาศัยจังหวะโกลาหลขึ้นตามเดอ แบคเกอร์ แต่นี่คือจังหวะสำคัญครับ เพราะจนถึงตอนนี้ (ช่วงสิบกว่ากิโลเมตรสุดท้าย) เดเกนโคลบ์ได้เพื่อนร่วมทีมป้องกันมาตลอด ยังไม่เคยต้องขึ้นลากกลุ่ม ทำให้เขาเป็นหนึ่งในนักปั่นที่เหนื่อยน้อยที่สุด เดอ แบคเกอร์ออกแรงเฮือกสุดท้ายลากส่งเดเกนโคลบ์ให้เขาเชื่อมไปยังกลุ่มแวนเอเวอร์มาร์ทได้สำเร็จ
7 กิโลเมตรสุดท้าย ด้านหลัง บอม (Astana), สตีบาร์ (EQS) , เอลมิเกอร์ (IAM), และเยนส์ คิวเคแลร์ (OGE) พยายามจับกลุ่มแวนเอเวอร์มาร์ทและไล่ทันได้ก่อนเข้าเวโลโดรม (เส้นชัย) เข้าถึงเวโลโดรม แลมพาร์ทพยายามลีดเอาท์ให้สตีบาร์ แต่ราวกับทุกคนรู้ว่าใครจะชนะ เดเกนโคลบ์เปิดสปรินต์ที่ 200 เมตรสุดท้าย มีสตีบาร์และแวน เอเวอร์มาร์ทพยายามไล่สุดชีวิต แต่ทั้งคู่ไม่ใช่สปรินเตอร์ระดับเดเกนโคลบ์ สตีบาร์รั้งอันดับ 2 และ “GVA” ปิดโพเดี้ยม เป็นอันดับ 3
ผลการแข่งขัน
วิดีโอ Replay 3:22 ชั่วโมง HD
วิเคราะห์หลังแข่ง
ชัยชนะของเดเกนโคลบ์นั้นน่าประทับใจครับ เขาไม่ใช่แค่สปรินเตอร์ที่เร็วที่สุดในวันนี้ แต่เป็นคนที่แกร่งที่สุดและอ่านเกมได้ขาดที่สุดด้วย เดเกนโคลบ์อาศัยจังหวะที่เดอ แบ็คเกอร์ออกตาม แวน เอเวอร์มาร์ท แล้วแอบหนีจากกลุ่มตัวเต็งออกตามเพื่อน เพื่อขึ้นไปเชื่อมกับกลุ่มหน้าสุด พอเขาเข้าไปอยู่กับ GVA และแลมพาร์ท ก็ต้องโดนบังคับให้ลาก เพราะเขาเป็นสปรินเตอร์ที่คู่แข่งจะไม่ยอมพาไปถึงเส้นชัยด้วย แต่เดเกนโคลบ์ก็ยังลากทุกคนไปทุบถึงหน้าเส้นชัยแบบห่างหลายช่วงตัว ฟอร์มระดับนี้ไม่แกร่งจริงทำไม่ได้แน่นอน
แต่พอฟังสัมภาษณ์เดเกนโคลบ์แล้ว สิ่งที่ทำให้เขาชนะอาจจะไม่ใช่เรื่องพละกำลังอย่างเดียวครับ เขาพูดว่า
“I was not afraid to fail, and that was the key”
“ผมไม่กลัวที่จะแพ้ และนั่นคือกุญแจสำคัญที่นำมาซึ่งชัยชนะ”
แทนที่จะเพลย์เซฟรอดูเชิงคู่แข่ง เดเกนโคลบ์ยิงเอง ชงเอง ไล่เอง และสปรินต์เอง ความกล้าได้กล้าเสียแบบเดียวกันนี้ทำให้คริสทอฟ ได้แชมป์แฟลนเดอร์สเมื่อสัปดาห์ก่อน มันแนวคิดของแชมป์เปี้ยน
สำหรับตัวเต็งคนอื่นๆ ดูจะ “มองหน้า” เกี่ยงกันมากไปนิดนึง โดยเฉพาะช่วง 10 กิโลเมตรสุดท้ายที่ทั้ง GVA และเดเกนโคลบ์หนีไปได้แล้ว ถือว่าเป็นคู่อันตรายแล้ว และกว่ากลุ่มของวิกกินส์จะลงมือไล่จับอย่างจริงจังก็ที่ 4 กิโลเมตรสุดท้ายซึ่งกลุ่มหน้าก็หนีไปได้ไกลเกินจะไล่ทันแล้ว
คริสทอฟ (Katusha) ดูปั่นไม่ได้ 100% ตามที่ DT วิเคราะห์ไว้ก่อนหน้า Lotto-Soudal ทำได้ดีครับ เยอร์เกนท์ โรแลนท์เบรคอเวย์ยาวๆ แต่ไม่อึดระดับโบเน็น ก็หนีไม่รอด ไกรเพิลพยายามชงเกมช่วยเพื่อนหลายที แต่เดอบูเชียร์ปิดจ๊อบไม่สำเร็จ
ซากานเองดวงซวยซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะจักรยานมีปัญหาจนเขาต้องเขวี้ยงทิ้งในช่วงใกล้เส้นชัย ดูจะหัวเสียไม่น้อย แต่อย่างว่า รูเบไม่ใช่สนามถนัดของเขาแต่ไหนแต่ไรครับ (น่าจะคล้ายๆ คริสทอฟที่ชอบแฟลนเดอร์สมากกว่า)
แวน เอเวอร์มาร์ท (BMC) ชวดอีกครั้ง แต่ผลงานก็ยังคงเส้นคงวา ดูแล้วก็น่าเห็นใจ เพราะเขามีพร้อมทุกอย่างทั้งใจสู้ มีความกล้าได้กล้าเสีย ทั้งฟอร์ม แต่ยังขาดท่าไม้ตายที่จะต่อกรคู่แข่งที่มีทักษะเฉพาะทางได้ คือยังไม่อึดพอจะหนีเดี่ยวได้ยาว แต่ถ้าต้องพาคนอื่นมาด้วยก็มักจะแพ้สปรินต์ อาจจะต้องสร้างฟอร์มกันอีกปีสองปี
สตีบาร์ เป็นนักปั่นที่ผลงานดีที่สุดของ EQS และน่าจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากสำหรับทีม Quickstep เพราะเป็นคนที่ all round จริงๆ เป็นทั้งแชมป์โลก Cyclocross แล้วยังมาเก็บได้ทั้งสเตจเรซ และสนามแข่งวันเดียวด้วย ผมว่าฟอร์มเขาไม่แพ้เทิร์ปสตราเลย น่าจะเป็นกำลังสำคัญให้ทีมในสนามคลาสสิคอีกหลายปี ในวันที่ไม่มีโบเน็น Quickstep คงต้องทำใจยอมรับว่าทีมยังไม่สามารถปั้น “หนึ่งในล้าน” อย่างโบเน็นได้สำเร็จในฤดูกาลนี้ แต่ผลงานคงเส้นคงวาต่อเนื่องก็น่าจะเป็นเครื่องชี้วัดความสำเร็จในปีถัดๆ ไปของตัวเต็งคนใหม่ของทีมได้ดีครับ (สตีบาร์, แวนเดนเบิร์ก, เทิร์ปสตรา) ถ้าจะบอกว่าทีมนี้ “ล้มเหลว” ลองมองทีมอื่นที่ไม่มีกระทั่งผลงาน Top 20… แต่นั่นแหละ อันดับ 2 มันคงไม่ดีพอสำหรับทีมที่ผลิตแชมป์สนามคลาสสิคได้ทุกปี
โดยรวมแล้ว Roubaix ปีนี้จืดไปนิดนึง เพราะไม่มีจังหวะให้ลุ้นกันมาก แบบปี 2013 ที่แคนเชอลาราหลุดไปกับฟานมาร์ค หรือปีก่อนๆ ที่โบเน็นหนีเดี่ยวเกือบ 45 กิโลเมตรจนถึงเส้นชัย แสดงให้เห็นว่าตัวเต็งหลายๆ คนฟอร์มแทบไม่หลุดกันเลยครับ ก่อนไปขอฝากไว้ 17 รูปจากสนามแข่งเมื่อคืน โดย Cor Vos ช่างภาพระดับเทพประจำวงการครับ