“ช่างภาพจักรยานเป็นงานที่ต้องอดทน”
“คุณตื่นเช้าเพื่อไปเล็งหาจุดถ่ายภาพที่จะได้มุมสวยๆ มันอาจจะเป็นช่องเขาที่กลุ่มเปโลตองจะเคลื่อนผ่าน คุณมีเวลาแค่ห้าวินาทีในการเก็บภาพ บางวันนั่งรอสี่ชั่วโมง ก็อาจจะได้แค่ภาพเดียวที่เอาไปใช้ได้จริง บางวันก็ไม่ได้เลยสักรูปเดียว”
คือคำพูดของเค สึจิ ช่างภาพจักรยานชาวญี่ปุ่นวัยสามสิบต้นๆ ที่เราบังเอิญเจอเขาในเมืองมารุโมริ ระหว่างเคกำลังแสดงนิทรรศการภาพถ่ายจาก Tour de France ปี 2017
มันคือวันที่เราไปปั่นงาน Marumori Cycling Festa รายการปั่นแบบใจเกินร้อยประจำปีของเมืองที่คนจองแย่งกันมาปั่นเต็มในสิบห้านาที ราวกับสมัครแข่งดอยอินทนนท์เลยทีเดียว เราเจอเขาหลังปั่นเสร็จ ซึ่งทางเมืองจัดสถานที่เล็กๆ ในบ้านโบราณ เปิดพื้นที่ให้ร้านค้าต่างๆ ได้มาขายของและโชว์สินค้ากัน
ทางทีมญี่ปุ่นบอกเราว่า มี “ผู้บรรยายตูร์เดอฟรองซ์คนญี่ปุ่น มาโชว์งานภาพถ่ายด้วยนะ เข้าไปดูสิ” ผมก็หันไปคุยกับวี แล้วก็งงๆ นิดหน่อยว่า “ใครวะ” ผู้บรรยายการแข่งและช่างภาพในคนเดียวกันนี่มันไม่ค่อยจะมีนะ
เพราะในความเป็นจริงแล้ว ช่างภาพวงการจักรยานถนนนั้นมีน้อยมากครับ เจ้าใหญ่ๆ ก็มีแค่ Cor Vos ที่ DT เคยใช้บริการ, Tim de Waele, Sirotti, Kristof Ramon, Gruber Image, Graham Watson, Yuzuru Sunada และ Breakthrough Media
ภาพจากนิตยสารและเว็บไซต์จักรยานส่วนใหญ่ก็มาจาก 7 รายนี้ หลายๆ รายเป็นแค่ตากล้องคนเดียวหรือคู่ บางคนมีทีมแต่ก็เป็นทีมงานเล็กๆ ไม่เกินสิบคน
ช่างภาพจักรยานที่ตามงานแข่งโปรนั้นมีวิธีติดตามถ่ายภาพอยู่สองแบบ หนึ่งคือขึ้นมอเตอร์ไซค์กับผู้จัด ตามถ่ายแบบใกล้ชิดนักปั่นเลย พวกนี้จะได้ภาพเจาะและฟีลลิงสีหน้าชัดๆ
แบบที่สองคือขับรถตามขบวนเปโลตองแล้วไปดักรอถ่าย กลุ่มนี้จะเน้นภาพแนวบรรยากาศและฟีลลิงการเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันมากกว่า ทั้งสองแบบให้อรรถรสต่างกัน แต่ตากล้องต้องเลือกว่าจะทำแบบไหน
ตากล้องที่เป็น godfather หรือตากล้องดังที่ปรากฏตัวทุกสนามแข่งนั้นจะได้อยู่บนมอเตอร์ไซค์เสมอ ได้ช็อตเด็ดเจาะลึกถึงตัวนักปั่นชื่อดังได้ทุกคน มันคือช็อตทำเงินที่สามารถนำไปขายทั้งนิตยสาร เว็บไซต์ และเอเจนซี่ได้ในราคาแพง
สำหรับเค เขาชอบการขับรถตามมากกว่า เพราะมันให้อิสระในการเลือก เวลา สถานที่ และกำหนดช็อตในมุมที่เขาอยากจะถ่ายทอด แต่อีกส่วนหนึ่งคือการจะเบียดตัวเข้าไปสู้กับตากล้องใหญ่ของวงการก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
เคมีชีวิตเหมือนชาวญี่ปุ่นวัยหนุ่มที่ค้นหาตัวเองโดยการออกไปเรียนต่างประเทศ คนญี่ปุ่นเป็นชาติที่ท่องเที่ยวได้ง่ายที่สุด สามารถเข้า 172 ประเทศทั่วโลกโดยไม่ต้องมีวีซ่า เขาตัดสินใจไปเรียนต่อด้านศิลปะที่อิตาลี แต่ด้วยที่เดิมรักการปั่นจักรยานอยู่แล้วและชอบดูการแข่งขัน ทำให้เขาหันมาจับกล้องตามถ่ายเปโลตองโดยไม่ได้ตั้งใจ รู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นตากล้องประจำวงการไปอีกหนึ่งคนครับ
ปีนึงเขาถ่ายไม่ถึงสิบสนาม เพราะมีตัวคนเดียว การจะเทียวรอบยุโรป อเมริกาและเอเชียเพื่อไล่ถ่ายภาพจักรยานไม่ใช่เรื่องง่าย เวลาว่าง เขาผันตัวมาเป็นผู้บรรยายการแข่ง Tour de France ให้กับช่อง J Sports
ถามว่าอนาคตต่อไปอยากทำอะไร เจ้าตัวก็บอกว่าไม่รู้เหมือนกัน เป็นฟรีแลนซ์แบบนี้ ได้ทำสิ่งที่ตัวเองชอบไปเรื่อยๆ มันก็สุขพอแล้ว
ติดตามภาพถ่ายของเค สึจิได้ที่ https://www.instagram.com/keitsuji/ ครับ
Maruvelo
งานจัดแสดงภาพถ่ายของเค สึจิครั้งนี้จัดในเมืองมารุโมริ ในจังหวัดมิยางิภายหลังงานปั่น Marumori Cycling Festa ครับ
สถานที่จัดแสดงนิทรรศการนั้นอยู่ในเขต Sairi Yashiki – เป็นบริเวณบ้านของพ่อค้าเก่าแก่ประจำเมืองที่อยู่มาตั้งแต่สมัยเอโดะ ทางผู้จัดงานได้ปรับเปลี่ยนสถานที่ให้เป็นนิทรรศการเกี่ยวกับจักรยาน มีทั้งร้านค้าจักรยาน อาหารเครื่องดื่ม และกิจกรรมที่น่าสนใจไว้รอต้อนรับคนที่มาร่วมงานปั่น
น่าเสียดายว่าเรามาร่วมงานช้าไปนิด หลังจากที่เคนำเสนอชีวิตการถ่ายภาพไปแล้ว เลยได้แต่ยืนคุยกับเขาอยู่พักหนึ่งครับ แต่สถานที่การจัดงานนั้นอบอุ่นเป็นกันเองมาก