สรุปเนื้อหาสัมภาษณ์ Lance Armstrong หลังสารภาพโด้ป (1)

แลนซ์สารภาพว่าตนใช้สารกระตุ้นในการแข่ง Tour de France ที่เขาได้แชมป์ทั้ง 7 ครั้ง

แลนซ์บอกกับโอปราห์ว่า “ผมมองว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องโกหกก้อนใหญ่ ที่ผมพูดซ้ำแล้วซ้ำอีก ผมเป็นคนตัดสินใจทำเอง ผมจึงอยากจะขอโทษ ณ​ ที่นี่” แลนซ์ปฏิเสธว่ากระบวนการการใช้สารกระตุ้นในทีม US Postal ไม่ได้ใหญ่โตหรือเป็นระบบระเบียบมากไปกว่าโปรแกรมของทีมอื่นๆ เขาบอกว่าทีมใช้สารกระตุ้นอย่างระมัดระวัง เพื่อป้องกันการโดนจับ ไม่ได้ล้ำหน้าเหมือนที่คนอื่นคิด วิธีการโกงและสารกระตุ้นที่ใช้ก็มี EPO, ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน,  คอร์ติโซน, ฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโต และการเปลี่ยนถ่ายเลือด (Blood transfusion)

แลนซ์อ้างว่า การใช้สารกระตุ้นเป็นสิ่งจำเป็นในการคว้าชัยชนะในการแข่ง Tour de France (Doping was “part of the process required to win the Tour”) และเขาไม่ได้รู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองทำเป็นเรืื่องผิดเลยแม้แต่นิดเดียว คิดว่าใครๆ ก็ทำกัน เขายังบอกอีกว่าไม่ได้กลัวว่าจะโดนจับได้ เพราะเขารู้ว่าระบบตรวจจับในสมัยนั้นไม่ได้เรื่อง ไม่มีการตรวจจับสารกระตุ้นนอกเวลาแข่ง ทำให้เขาสามารถตั้ง “กำหนดการ”​  (แลนซ์ใช้คำว่า schedule) ในการใช้สารกระตุ้น หรือเปลี่ยนถ่ายเลือด เขาโดนจับโด๊ปเพียงครั้งเดียว (Tour de France 1999) ซึ่งเขาเอาตัวรอดโดยการอ้างว่าสารเคมีที่เจอ (คอร์ติโซน) เป็นผลมาจากการใช้ครีมทาแก้เจ็บก้น ซึ่งให้แพทย์ช่วยระบุวันที่ใช้ยาย้อนหลังก่อนการแข่ง (หรือ back-dating ผิดกฏ) ส่วนการดทดสอบที่เหลือเขาตรวจผ่านทุกการทดสอบ

รู้สึกผิด

แลนซ์บอกว่าความรับผิดชอบและความผิดพลาดทั้งหมดตกเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว เขาอ้างว่าโรคมะเร็งอันฑะเป็นตัวสร้างทัศนคติ “Win at all cost” หรือเอาชนะทุกวิถีทาง ไม่ว่าจะถูกหรือผิดกฏก็ตาม แลนซ์ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนโอหัง อวดดี และไม่แคร์คนอื่น แม้กระทั่งเพื่อนร่วมทีม เมื่อโอปราห์ถามว่าคุณได้บังคับคนอื่นให้ใช้สารกระตุ้นตามที่ เพื่อนร่วมทีม US Postal อย่างคริสเตียน แวนเด เวลด์​ ให้การกับหน่วยงานต่อต้านการใช้สารกระตุ้นแห่งสหรัฐ (USADA) หรือเปล่า แลนซ์ตอบว่าไม่ได้บังคับโดยตรง แต่ก็ใช้อำนาจในฐานะหัวหน้าทีม (แลนซ์ใช้คำว่า Lead by example ซึ่งความหมายโดยนัยที่ผมเข้าใจคือถ้าลูกทีมไม่โด๊ปตาม ก็จะถูกกดดันหรือก่นด่าทางคำพูด ตรงนี้ผมเข้าใจว่าเขาพยายามเลี่ยงคำถาม)

I was a bully, I was a bully in the sense that I tried to control the narrative and if I didn’t like what someone said I turned on them

โอปราห์ถามว่า คุณรู้สึกผิดมั้ย? แลนซ์ตอบว่า “ไม่ และมันน่ากลัว” โอปราห์ถามต่อว่าคุณรู้สึกแย่ไหม แลนซ์ตอบว่า “ไม่เลย ซึ่งน่ากลัวกว่าเสียอีก”​  และท้ายสุดโอปราห์ถามว่าคุณรู้สึกว่าคุณได้โกงคนอื่นไหม แลนซ์ตอบว่า ไม่เลย ซึงเป็นเรื่องที่น่ากลัวที่สุดสำหรับเขา เขาคิดว่าความหมายของการโกงคือ ทุกคนก็ทำเหมือนๆ กัน ซึ่งเขาไม่เข้าใจความสำคัญ หรือผลกระทบของมันมาก่อน ตอนนี้เขาบอกว่าเขาเริ่มจะเข้าใจแล้ว

แลนซ์บอกว่าตนรู้ดีว่าคนอื่นโกรธ รังเกียจ และรู้สึกว่าถูกเขาหักหลัง ซึ่งทุกคนสมควรแล้วที่จะคิดอย่างนั้น เขาบอกว่าจะใช้ชีวิตที่เหลือขอโทษคนที่เคยทำไม่ดีด้วย และสร้างความไว้ใจกลับคืนมา

อยากจะย้อนเวลา

แลนซ์รู้สึกเสียใจที่ไมไ่ด้ให้ความร่วมมือกับ USADA  – ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา USADA ได้ตระเวนติดต่อนักแข่งที่เคยโด้ปในทีม US Postal และขอให้ออกมาสารภาพรวมถึงให้การเกี่ยวกับวัฒนธรรมการโด้ปในกีฬาเสือหมอบ คนที่ช่วยเหลือก็จะได้รับการลดหย่อนโทษ ซึ่งเพื่อนร่วมทีมทั้ง 11 คนของแลนซ์ออกมาทั้งหมด ยกเว้นแลนซ์คนเดียว ในตอนนั้นนอกจากแลนซ์จะออกมาตอบโต้ว่าเรื่องที่เพื่อนร่วมทีมเปิดโปงเขาเป็นเรื่องโกหก เขายังพยายามฟ้องกลับ USADA  และตอนนี้จะให้ความร่วมมือกับทุกๆ หน่วยงานเพื่อช่วยลดปัญหาการใช้สารกระตุ้นในกีฬาเสือหมอบ

โอปราห์ถามถึงอดีตที่แลนซ์ยังได้เคยข่มขู่และขู่ฟ้องอดีตเพื่อนร่วมทีมไม่ให้ออกมาเปิดโปงเรื่องของเขา สองคนนี้คือ แฟรงกี้ แอนดรู และภรรยาเบทซี่ แอนดรูที่เคยได้ยินแลนซ์พูดถึงเรื่องการใช้สารกระตุ้นกับแพทย์ผู้รักษามะเร็งของประจำตัว ทำให้ชีวิตทั้งสองสามีภรรยาเสียหาย  ผู้เสียหายอีกคนคือเอมม่า โอไรล์ อดีตหมอนวดประจำทีมที่รู้ว่าแลนซ์ใช้สารกระตุ้นและออกมาเปิดโปง ซึ่งแลนซ์ก็ได้ข่มขู่ ต่อว่าผู้เสียหายทั้งสามคนในสื่อ ในช่วงเวลาที่เขามีอำนาจ เงินทองและชื่อเสียง ผู้คนก็เลือกที่จะเชื่อแลนซ์ มากกว่าสามคนนี้

แลนซ์พยายามจะขอโทษทั้งสามคน แต่ขอไม่ลงรายละเอียด ว่าได้พูดขอโทษอะไรไปแล้วบ้าง

ความสัมพันธ์กับ  UCI

อีกหนึ่งข้อสงสัยก็คือคำถามที่ว่าเงินจำนวนสามล้านบาทที่แลนซ์บริจาคให้สหพันธ์จักรยานนานาชาติหรือ UCI เป็นเพื่อการปิดบังผลการตรวจโด้ปของแลนซ์หรือเปล่า เขาตอบว่า “ไม่ใช่เลย” เขาไมไ่ด้มีความสัมพันธ์ซ่อนเร้นกับ UCI ไม่ได้ไปแอบเจอหัวหน้าแล๊บ เขาบอกว่า UCI ต้องการเงิน และเขาก็รู้สึกว่าตัวเองมั่งมีพอสมควร อยากจะบริจาคให้เฉยๆ เขาไม่ได้ชื่นชอบ UCI

ความเห็น

ส่วนตัวแล้วแอดมินขอไม่พูดอะไรมาก แต่อยากจะให้ผู้อ่านคิดเยอะๆ กับประเด็นของแลนซ์กับการใช้สารกระตุ้น แลนซ์ เป็นบุคคลตัวอย่างของใครหลายๆ คน ทำให้คนจำนวนมากออกมาขี่จักรยานเพื่อสุขภาพ ผมก็หนึ่งในนั้นเช่นกัน นั่นเป็นข้อดีของเขา แต่เราก็ต้องมองให้รอบด้าน ผลกระทบของแลนซ์มีมากทั้งทางที่ดีและไม่ดี ถ้าความสำเร็จทั้งหลายมันเป็นเรื่องลวง…ตรงนี้ผมให้ท่านพิจารณาดูว่าท่านควรจะรู้สึกอย่างไรกับเรื่องนี้ เพราะแต่ละคนคิดต่างกันแน่นอน

สิ่งสำคัญที่แลนซ์พูดในวันนี้คือ  ฮีโร่ตัวจริงไม่ใช่คนที่ใช้สารกระตุ้นอย่างแลนซ์ หรือนักกีฬาคนอื่นๆ ที่โกง ประเด็นที่ว่า “ทุกคนก็โกงเหมือนกัน” เป็นข้อแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้น เพราะว่าในขณะเดียวกันก็มีนักกีฬาทืี่แข่งอย่างใสสะอาดอีกหลายคนที่เขาทุ่มเทสุดชีวิตไม่ต่างจากคนอื่นๆ แต่ก็ไม่เคยชนะนักปั่นคนอื่นที่ใช้สารกระตุ้น ฮีโร่ที่ไร้ชื่อเสียงเหล่านี้ ไม่เคยได้รับคำชื่นชม หลายคนต้องเลิกปั่น และหมดอนาคตไปเพราะหมดหนทางที่จะเอาชนะคนโกง และประสบความสำเร็จในการแข่งขันจักรยานได้

อีกเรื่องที่เราต้องคิดคือแลนซ์พูดเองว่าตัวเองเป็นเซียนแห่งการโกหก เพราะฉะนั้นสิ่งที่เขาพูดในวันนี้ก็ใช่ว่าจะจริงไปทุกเรื่อง เราก็ต้องฟังหูไว้หู สิ่งที่หลายคนไม่รู้คือการที่แลนซ์ออกมาสัมภาษณ์กับโอปราห์​ วินฟรีย์ เขาได้คิดวางแผนสิ่งที่จะพูดมาก่อนแล้ว มีทั้งทีม PR และนักกฏหมายช่วยตระเตรียมเนื้อหา หลายประเด็นถ้าได้ย้อนกลับไปดูเทปสัมภาษณ์ แลนซ์เลือกที่จะเลี่ยงคำถามและตอบอย่างบ่ายเบี่ยง เหมือนเป็นการเรียกคะแนนและรักษาหน้าเสียมากกว่า ส่วนตัวผมคิดว่าถ้าเขาบริสุทธิ์ใจจริง หรืออยากจะช่วยวงการจักรยานก็ควรจะไปให้การกับสื่อสาธารณะที่เป็นกลาง หรือติดต่อไปยังหน่วยงานอย่าง USADA เองโดยตรง

ในทางตรงกันข้าม การที่แลนซ์ออกมาสารภาพ ผมถือว่าเป็นเรื่องดีมาก ดีกับชีวิตส่วนตัวและครอบครัวของแลนซ์เอง และดีกับวงการจักรยาน ข้อมูลทีไ่ด้จากแลนซ์ (ถ้าเขาพูดความจริงทั้งหมด)​ จะเป็นประโยชน์ในการตรวจสอบค้นหาการใช้สารกระตุ้นทั้งในปัจจุบันและอดีต และอาจจะช่วยปฏิวัติสหพันธ์จักรยาน UCI ที่ทำงานตรวจจับไม่เคยได้เรื่อง ถ้าแชมป์ Tour de France 7 สมัยโกงจนชนะทั้งหมด แต่ไม่เคยโดนจับได้ ปัญหาอาจจะไม่ได้อยู่ที่แลนซ์หรือนักกีฬาคนอื่นแล้วหละครับ มันน่าจะอยู่ที่คนตรวจจับและควบคุมมากว่า หน่วยงานควบคุมก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบ เพราะการปล่อยให้คนโกงเข้ามาแข่ง มันก็ทำลายชีวิตนักกีฬาที่ไม่ได้โกงแล้วแข่งไม่ชนะเช่นกัน

ความเห็นส่วนตัวของผมไม่ใช่การต่อว่าแลนซ์ วงการจักรยานมันเลยผ่านจุดนั้นไปนานแล้ว ผมเพียงอยากให้ผู้อ่านมองหลายๆ ด้านครับ เรื่องแลนซ์เป็นเรื่องใหญ่ มันสอนอะไรเราหลายอย่างทั้งในการปั่นจักรยาน และชีวิตจริง

Published
Categorized as Racing

By เทียนไท สังขพันธานนท์

คูน คือผู้ก่อตั้งดั๊กกิ้งไทเกอร์ และอยากใช้เว็บไซต์นี้ช่วยให้คนไทยอยากขี่จักรยานกันเยอะๆ!

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *