Ducking Tiger x Hah Hong – บทความนี้เป็นโฆษณา
เชื่อว่าคนปั่นจักรยานต้องรู้จักหมวกกันน็อคแบรนด์ Lazer มาบ้างแล้ว…
แต่คงไม่รู้ว่า Lazer เป็นผู้ผลิตหมวกกันน็อคที่เก่าแก่ที่สุดในโลกแน่ๆ ในปี 2019 แบรนด์นี้จะมีอายุครบ 100 ปีพอดี วันนี้ DT และ Hah Hong ผู้สนับสนุนเนื้อหาตอนนี้อยากพาไปทำความรู้จักเรื่องราวของแบรนด์ Lazer พร้อมชิงโชคแจกหมวกแอโร Lazer Bullet และหมวก Lazer Tonic มูลค่ารวม 8,600 บาทครับ
ใครที่อยากลุ้นชิงโชคสามารถกดลิงก์ไปเล่นเกมใน Fanpage Ducking Tiger ตั้งแต่วันนี้จนถึง 20 พฤษภาคม 2018 ครับ
หมวกกันน็อคที่ทำกันมาตั้งแต่รุ่นคุณปู่
เรื่องมันเริ่มมาจากหนุ่มซิ่งที่ชื่อว่าโรเจอร์ ลาครัวเปิดเวิร์กช็อปทำเครื่องหนังสำหรับมอเตอร์ไซค์พวกถุงมือและหมวก ทำไปทำมาเริ่มอินครับ ปี 1930 เลยต่อยอดทำหมวกหนังทรงแข็ง ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของหมวกกันน็อคที่เราใช้กันในสมัยนี้ สมัยนั้นยังไม่มี Lazer ครับเพราะโรเจอร์ใช้ชื่อสตูดิโอว่า “Cross”
ช่วงสงครามโลกครั้งที่สองประมาณปี 1945 บริษัทเริ่มเติบโตเลยมีงบมาทำ R&D มากขึ้นจนกลายเป็นอัตลักษณ์ของ Cross (Lazer) ที่เน้นทดลองพัฒนาสินค้าก่อนออกสู่ตลาด แล้วก็ทำหมวกกันน็อคอลูมิเนียมได้สำเร็จเป็นคนแรกของโลกในปี 1948 จนถึงปี 1980 ที่เปลี่ยนชื่อแบรนด์เป็น Lazer
แล้วทำไมต้องชื่อ Lazer? พี่ใช้แสงเลเซอร์ทำอะไรกับหมวกด้วยเหรอ? เปล่าเลย ช่วงปี 1980 นี่เป็นยุคที่มนุษย์เราเริ่มใช้เลเซอร์ในอุตสาหกรรมต่างๆ เป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ฟังดูฮิป อารมณ์ก็คงจะคล้ายๆ AI และ Crypto ในสมัยนี้ครับ ที่ต้องเปลี่ยนชื่อเพราะเจ้าของเขาคิดว่าแบรนด์ Cross มันฟังดูล้าสมัยละ แต่ไม่ใช่แค่เปลี่ยนชื่ออย่างเดียว เพราะปีเดียวกันนั้น Lazer หันมาทำหมวกจักรยานด้วย
เชื่อมั่นในเบลเยียม
อีกเรื่องที่คนอาจจะไม่รู้คือ Lazer นี่จริงๆ เป็นแบรนด์จากประเทศเบลเยียมครับ headquarter ตั้งอยู่ที่เมืองอันต์เติร์ป (Antwerp) พัฒนาออกแบบสินค้าทุกอย่างจากที่นั่น (แต่สมัยนี้ก็ผลิตในเอเชียครับ)
เป็นแบรนด์เบลเยียมแล้วยังไง? จักรยานเป็นหนึ่งในกีฬาที่ยอดนิยมที่สุดในประเทศนี้ครับ และเบลเยียมก็เป็นประเทศที่ให้กำเนิดตำนานนักปั่นอย่างเอ็ดดี้ เมิร์กซ์ ชายผู้มียอดชัยชนะในการแข่งขันกีฬาอาชีพเยอะที่สุดในโลกและยังไม่มีใครโค่นได้ (525 ชัยชนะ) แน่นอนว่า Lazer ก็เข้าไปสปอนเซอร์ทีมของเมิร์กซ์ในสมัยนั้นและร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยีหมวกใหม่ๆ ออกมาด้วย
ถึงเมิร์กซ์อำลาวงการเลิกแข่งไปแล้ว แต่ Lazer ก็ยังคลุกคลีในวงการจักรยานอาชีพตลอดมา สปอนเซอร์นักปั่นมากมายไม่ว่าจะเป็นทีม LottoNL-Jumbo, ทีมชาติอังกฤษ และแชมป์ไซโคลครอสยุโรป แมธธิว แวน เดอ โพลล์
ด้วยความเป็นเบลเยียม Lazer ไม่เน้นการตลาดที่ฉูดฉาดเท่าไรเหมือนทางฝั่งอเมริกันและอิตาเลียน และถือคติให้คุณภาพสินค้าเป็นตัวตัดสิน
ปัจจุบันหมวก Lazer มีจำหน่าย 5 ทวีปใน 50 ประเทศทั่วโลก
คลั่งในเทคโนโลยี
แค่สปอนเซอร์หมวกให้นักกีฬาใช้บริษัทไหนๆ ก็ทำได้ แต่ไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะทุ่มเงินสร้างอุโมงค์ลมเพื่อทดสอบหมวกกันน็อคครับ ในปี 2013 Lazer จับมือกับพาร์ทเนอร์ที่เป็นคนในอุตสาหกรรมจักรยานเบลเยียมด้วยกัน มี จักรยาน Ridley, ชุดปั่น Bioracer, Voxdale ผู้เชี่ยวชาญแอโรไดนามิก, และ Flanders Make ที่เป็นคลังสมองด้านยานยนต์ ร่วมกันสร้าง Flanders Bike Valley (รูปข้างบน)
สถานที่นี้เป็นเสมือนศูนย์กลางนวัตกรรมด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา ทีมและนักปั่นอาชีพใช้บริการอุโมงค์ลมหาตำแหน่งท่าปั่นและอุปกรณ์ที่จะช่วยให้ไปได้ไวที่สุด ขณะเดียวกัน Lazer ก็ใช้เป็นสถานที่ทดสอบและเก็บข้อมูลนักกีฬาที่ใช้อุปกรณ์ของเขาเพื่อให้เอาไปต่อยอดพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ด้วย
* * *
พูดถึงแบรนด์ไปแล้วก็มาดูว่า Lazer มีหมวกรุ่นไหนน่าสนใจบ้าง
รุ่นแรก Lazer Z1 เป็นหมวกกันน็อคที่เบาที่สุดของ Lazer ด้วยน้ำหนัก 190 กรัมเท่านั้นในไซส์ S นอกจากเบาะแล้วยังมีช่องระบายอากาศเป็นจำนวนมากช่วยให้ลมไหลเวียนได้ดี เหมาะกับอากาศร้อนๆ ในเมืองไทย โดยเฉพาะนักปั่นที่ชอบไต่เขาเป็นประจำ
ถึงน้ำหนักจะเบากว่ารุ่นอื่นแต่ก็ยังผ่านมาตรฐานความปลอดภัยครับ (ในบทสัมภาษณ์หนึ่ง Lazer เคยกล่าวว่าหมวกทุกรุ่นของเขาผ่านมาตรฐานการทดสอบการกระแทกทุกสถาบันอย่างน้อยสองเท่า)
หมวกตัวนี้ใช้ระบบปรับความกระชับระบบ Advanced Rollsys วางไว้ด้านบนของหมวก ใช้เพียงนิ้วเดียวก็เลื่อนความแน่นได้ง่ายๆ
ด้านหลังของหมวกเป็นแบบ full cover นั่นคือคลุมศีรษะมิดทั้งท้ายทอยด้วย
สำหรับคนที่ชื่นชอบความเร็ว น่าจะสนใจ Lazer Bullet (DT เคยรีวิวไปเมื่อไม่นานมานี้)
รุ่นนี้เป็นหมวกแอโรที่มีฟีเจอร์พิเศษ Air Slide ซึ่งผู้ใช้สามารถ “เลื่อน” เปิดหรือปิดช่องระบายอากาศด้านหน้าของหมวกได้ด้วยตัวเอง เช่นเวลาที่อากาศร้อนมากๆ ไม่เน้นทำความเร็วเปิดรับลมให้ถ่ายเทได้ดีขึ้น
แต่เมื่อต้องการความเร็วเน้นๆ ก็ปิดช่องระบายอากาศเพื่อให้ได้แอโรไดนามิกที่ดีขึ้นได้ด้วย Lazer กล่าวว่าหมวก Bullet ช่วยประหยัดแรงได้ 7 วัตต์ที่ความเร็ว 45 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเทียบกับหมวก Lazer Z1 ข้างบนนี้ แต่ถ้าปิดช่องระบายอากาศก็จะประหยัดได้ถึง 10 วัตต์ทีเดียว
ในด้านการระบายอากาศ หมวกมากับฟองน้ำ X-Static ที่ทำจากส่วนผสม Metallic silver ช่วยลดการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและลดกลิ่นอับ แห้งไวและควบคุมอุณหภูมิผิวสัมผัสกับศีรษะให้ไม่ร้อนเกินไปด้วย
O2 เป็นหนึ่งในหมวกกันน็อคที่ทำให้หลายๆ คนรู้จัก Lazer เลย เปิดตัวตั้งแต่ปี 2008 (10 ปีีที่แล้ว) Lazer O2 ได้รับรางวัลหมวกยอดเยีี่ยมจากงาน Eurobike และชนะรีวิวในนิตยสารหลายฉบับ ด้วยราคาที่เข้าถึงได้ ประสิทธิภาพโอเค น้ำหนักดี และฟิตกระชับระดับ universal
ช่องระบายอากาศ 24 ช่องกับฟองน้ำ coolmax ช่วยเรื่องการไหลเวียนของอากาศและคุมอุณหภูมิ พร้อมระบบปรับประชับ Rollsys ที่ติดตั้งไฟ LED เล็กๆ ด้านหลังได้ ไว้ได้ให้แสงสว่างยามค่ำคืน
ขยับลงมาอีกนิดเป็นหมวก Lazer Tonic ราคาระดับเริ่มต้นแต่ความปลอดภัยระดับเดียวกับหมวกรุ่นท็อปของ Lazer ครับ น้ำหนักเพียง 230 กรัมไม่ได้หนักไปกว่าหมวกรุ่นท็อปของค่ายอื่นๆ ซึ่งมาจากกระบวนการผลิตแบบ im-mold construction และรูระบายอากาศ 28 ช่อง
ระบบปรับรัดกระชับ TS+ ด้านหลังหมวกช่วยให้ถอดหรือใส่ได้ง่าย เหมาะกับนักปั่นทุกเพศทุกวัย และโดนใจใครที่ไม่อยากจ่ายมากเพื่อให้ได้หมวกกันน็อคที่อุ่นใจได้และซื้อง่ายสักใบนึงครับ
ขอบคุณ Hah Hong ผู้นำเข้าหมวกกันน็อค Lazer ที่สนับสนุนเนื้อหาตอนนี้ด้วยครับ สนใจหมวก Lazer รุ่นไหน ในอนาคตเราจะมีกิจกรรมร่วมกับฮะฮงและมีโปรดักต์เด็ดๆ มาร่วมชิงรางวัลกันอีกแน่นอนครับ ~
สอบถามเรื่องหมวกหน่อยค่ะเลเซอร์