10 นักปั่นที่มีลุ้นชนะ Milan Sanremo

จากเมื่อวานที่เราดูเส้นทางและเดาสถานการณ์สำหรับ Milan Sanremo ไปแล้ว วันนี้ผมอยากพูดถึงตัวเต็งรายการนี้ในมิติที่ลึกขึ้นครับ

MSR เป็นรายการที่เปิดกว้างมาก นักปั่นหลากหลายทักษะและความสามารถเฉพาะทางมีโอกาสชนะสูง มันเลยเป็นรายการที่ดูสนุกมาก เพราะแทบทุกปีเราจะไม่มีตัวเต็งเบอร์หนึ่งเลย คือด้วยเส้นทางที่มีเนินก่อนเส้นชัย มีทางลงเขาชันๆ มีทางราบก่อนถึงเส้นชัย 3 กิโลเมตร บวกกับระยะทางเกือบสามร้อยกิโลเมตร สเป็คแบบนี้มันเป็นรายการที่ยากจะเฉพาะทางครับ ต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่าง ทั้งความอึด ความแข็งแกร่ง positioning ในกลุ่ม โชค ไหวพริบ และการตัดสินใจที่เฉียบขาด ต่อจะให้เป็นสปรินเตอร์ที่เร็วที่สุดในโลก หรือเป็น time trialist ที่หนีเดี่ยวได้เป็นสิบกิโลเมตร ก็ไม่ใช่ทักษะที่การันตีแชมป์รายการนี้

เพราะงั้นแล้วในบรรดาสนามคลาสสิค MSR เป็นหนึ่งในรายการที่ผู้ชนะหลากหลายที่สุด นั่นคือแทบไม่ซ้ำกันเลยในแต่ละปี มีคละทั้งตัวเต็งและม้ามืด

1. เฟอร์นันโด กาวิเรีย (Quickstep Floors)

กาวิเรียเป็นคนที่ผมว่ามีโอกาสชนะเยอะที่สุดในปีนี้ เมื่อเทียบกับสปรินเตอร์คนอื่นแล้วเขาเป็นคนที่น่าจะขึ้นเนิน Poggio ได้เร็วที่สุด
ปีนี้เขาได้สปรินต์หน้าเส้นชัย 5 ครั้ง และชนะ 4 ครั้ง – คนที่เขาชนะ : ซากาน, บูฮานี, ไกรเปิล, วิวิอานี
ถึงช่วงต้นปีเราจะเห็นคาเล็บ ยวน (Orica-Scott) เป็นสปรินเตอร์ตัวแรงคนใหม่ของวงการ แต่คนที่เร็วไม่แพ้เขา (แต่ไม่ค่อยได้ลงสนามเดียวกัน) ก็คือกาวิเรียครับ โค้ช Quickstep บอกว่านี่อาจจะเป็นนักปั่นที่เร็วและชนะเยอะได้ยิ่งกว่ามาร์ค คาเวนดิชเสียอีก แม้แต่ทอม โบเน็น กัปตันทีม Quickstep ยังให้สัมภาษณ์ว่า “กาวิเรียเร็วและเก่งมาก เขาเป็นนักปั่นที่เก่งที่สุดในระดับอายุเท่านี้ในทีมของเรา มันถูกต้องแล้วที่เราจะให้โอกาสเขานำทีม เขารับหน้าที่หัวหน้าทีมได้ดีเกินวัย เป็นธรรมชาติมาก เขาไหวพริบดีและตัดสินใจเฉียบขาด สำหรับตอนนี้ทีมเราทุ่มให้เขา 100% ใน Milan Sanremo”
ปีที่แล้ว กาวิเรียขึ้นเนิน Poggio ได้เร็วเท่าตัวเต็งรุ่นพี่ทุกคน แถมยังมีแอบยิงหนีเล็กน้อย ถ้าไม่ติดว่าเขาประหม่าในช่วงสุดท้ายจนพาคนอื่นล้ม ก็อาจจะติดโพเดี้ยมหรือชนะรายการได้เลย

เอ็ดดี้ เมิร์กซ์เคยกล่าวไว้ว่า “If you are good enough, you are old enough” – ถ้าคุณเก่งพอ ก็ไม่มีคำว่าเด็กเกินไป – นั่นเพราะเขาได้แชมป์ MSR ตอนอายุ 21 ปี! ปีนี้กาวิเรียอายุ 22 ปี – ถ้าเขาเกาะกลุ่มหน้าหลังลงเนิน Poggio มาได้ เขาจะเป็นสปรินเตอร์ที่เร็วที่สุดในขบวน, ถ้าไม่ประหม่าหรือตัดสินใจพลาด โอกาสชนะสำหรับเด็กใหม่ของ Quickstep คนนี้สูงมากครับ

2. อานอร์ด เดอแมค์ (FDJ)

อย่างแรกเลย เขาเป็นหนึ่งในแชมป์เก่าที่ลงรายการนี้ มีทั้งความอึดและความเร็วพอจะจัดการคู่แข่งที่หน้าเส้นชัย
ปีนี้ก็ดูฟอร์มดีครับ ได้แชมป์สเตจหนึ่งใน Paris-Nice ซึ่งเป็นเนินชัน 500 เมตร
ปีที่แล้วในจังหวะสปรินต์หน้าเส้นที่ MSR ที่เขาชนะ เขาไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุด แต่ก็แหวกกลุ่มขึ้นมาจนสปรินต์ชนะที่สองได้เป็นช่วงตัว ถ้าปีนี้ตำแหน่งเขาดี โอกาสชนะก็ไม่น้อยเหมือนกัน
คำถามคือ เขาจะเร็วและอึดกว่าคนอื่นมั้ย? ปีที่แล้วชัยชนะของเขาถูกแปะติดด้วยเครื่องหมายคำถามเมื่อ กาวิเรียพาซากา แคนเชอลารา และตัวเต็งอีกหลายคนล้มคว่ำไปก่อนจะได้สปรินต์ ถ้ากาวิเรียไม่ล้ม เดอแมค์จะมีโอกาสชนะแค่ไหน? เราคงไม่มีทางรู้ไม่ว่าจะออกหัวหรือก้อยครับ แต่การล้มครั้งนั้นก็เปลี่ยนพลวัตรการแข่งไปเยอะเหมือนกัน ถ้าสุดท้ายจบด้วยการสปรินต์แบบ drag race เดอแมค์อาจจะไม่ใช่คนที่เร็วที่สุด เขาถนัดการสปรินต์แบบ long drag หรือมีเนินเล็กน้อยมากกว่า ถ้าเป็นเพียวสปีดอาจจะเสียเปรียบสปรินเตอร์บางคน
ปีนี้เขาพ่ายให้กับคริสตอฟ, เดเกนโคลบ์ (สองครั้ง), และซันนี โคลเบรลลี
สรุปมีฟอร์มที่จะชนะ แต่จะชนะหรือแพ้ก็ไม่น่าแปลกใจทั้งสองทางครับ

3. ปีเตอร์ ซากาน (Bora-Hansgrohe)

นักปั่นคนเดียวในโลกที่แทบจะต้องอยู่ในทุกลิสต์รายชื่อตัวเต็งของทุกรายการ ยกเว้นสเตจเรซ (แต่ก็น่าจะสปรินต์ชนะได้สัก 1-2 สเตจอยู่ดี)
ซากานเป็นนักปั่นคลาสสิคที่แกร่งที่สุดในปีนี้อย่างไม่ต้องสงสัย เขาเติบโตขึ้นมากทั้งในเรื่องความแกร่ง ความเร็ว การตัดสินใจ การอ่านเกม และความเด็ดขาด จากที่เคยพ่ายเพราะลังเล เดี๋ยวนี้ซากานเป็นคนคุมเกมในแทบทุกสนามที่เขาลงแข่ง
จาก 6 รายการที่เขาลงแข่งปีนี้ เขายืนโพเดี้ยม 10 ครั้ง และได้แชมป์ 4 ครั้ง (!!)
น่าจะเป็นคนเดียวที่สามารถชนะได้ในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นหนีเดี่ยว เบรคอเวย์กลุ่ม สปรินต์หน้าเส้น
ปีนี้ผมว่าซากานน่าจะพยายามหนีมากกว่าเสี่ยงดวงสปรินต์กับนักปั่นอย่าง กาวิเรีย คริสตอฟ ยวน และคาเวนดิช เขาแกร่งพอจะเปิดเกมหนีที่ทิ้งกลุ่มขาดได้ จับตาดูทีม Bora และซากานระหว่าง run in ก่อนขึ้นเนิน Poggio
แต่ถ้าจะมีจุดด้อยก็จะมาจากจุดแข็งของเขานั่นแหละ ความรอบด้านของซากานหมายความว่าเขาจะถูกทุกทีมหมายหัว คอยไล่ปิดการโจมตี (ถ้าตามทัน) หรือถ้ามีคนหนีไปด้วย เขาก็ต้องลากกลุ่มเป็นหลัก คล้ายๆ กับแคนเชอลาราสมัยที่ยังฟิตๆ ซึ่งถึงแม้ตอนนี้เจ้าตัวจะยอมรับสภาพและพอจะมีทางแก้เกมได้แล้ว (ดูจากวิธีที่เขาแพ้ Omloop แต่มาชนะ Kuurne-Brussel-Kuurne ปีนี้) แต่ก็ยังสุ่มเสี่ยงจะโดนตีหัวหน้าเส้นอยู่ดี กี่ครั้งแล้วที่ซากานโดน GVA ทุบหน้าเส้น? ถึงเขาจะสปรินต์ได้ดีแต่ top end speed อาจจะยังด้อยกว่าสปรินเตอร์หรือคู่แข่งคลาสสิคบางคนที่ออมแรงได้ดีกว่าครับ
ถ้าซากานจะชนะ MSR ปีนี้ คงไม่ได้มาจากเกมจืดๆ มันคงหวือหวาเหมือนที่เขาหนีเดี่ยวชนะแชมป์โลกใน Richmond หรือ Tour of Flanders ปีที่แล้ว

4. อเล็กซานดเดอร์ คริสทอฟ (Katusha-Alpecin)

แชมป์เก่าอีกหนึ่งคนที่ปีนี้ก็ยังฟอร์มดีอยู่
เป็นคนที่คงเส้นคงวากับรายการนี้พอสมควร 2013 – ที่ 8, 2014 ได้แชมป์, 2015 ที่ 2, 2016 ที่ 6: 4 ปีมานี้เขาติด Top 10 ทุกปี และเป็นโพเดี้ยมถึงสองครั้ง
จุดแข็งของคริสทอฟคือความอึดและสปีดปลายหลังจากการแข่งสเตจยากๆ ยาวๆ
ปีนี้คริสทอฟได้แชมป์สปรินต์ 3 ครั้งใน Tour of Oman, และเกือบจะชนะใน Paris-Nice ในสเตจที่ยากและยาว
สไตล์การสปรินต์ของคริสทอฟจะไม่ใช่สายเพียวสปีดเท่าไร และปีนี้เขามีคนที่สปรินต์ได้เร็วกว่ามาด้วยหลายคน ถ้าเขารอสปรินต์กลุ่ม โอกาสชนะอาจจะไม่ได้สูงมาก แต่โอกาสโพเดี้ยม? ไม่ยากเกินฝีมือครับ

5. จอห์น เดเกนโคลบ์ (Trek-Segafredo)

แชมป์ MSR ปี 2015 – นักปั่นพิมพ์เขียวเดียวกับคริสทอฟ – สายคลาสสิคที่สปรินต์ได้ดีหลังจากเส้นทางบยากๆ และยาวๆ
เดเกนโคลบ์มีทีมที่แข็งทีเดียว คุ้มกับที่ Trek พยายามปั้นให้เขาเป็นแคนเชอลาราคนต่อไป มีทั้งแยสเปอร์ สตอยเว็นและฟาบิโอ้ เฟลิเน่ – ทั้งคู่โชว์ฟอร์มดีมากในรายการคลาสสิคปีนี้ พร้อมที่จะอยู่กลุ่มหน้าในเวลาคับขันเสมอ
ปัญหาของเดเกนโคลบ์ก็เหมือนคริสทอฟ คือมีสปรินเตอร์ที่เร็วกว่าพวกเขาเสมอ ถ้าสปรินเตอร์พวกนี้ (เช่นซากานและกาวิเรีย) พ้นเนินสุดท้ายมาด้วยกัน แล้วเดเกนโคลบ์จะเสี่ยงรอสปรินต์ โอกาสชนะก็อาจจะไม่ได้สูงมากนักครับ

6. เนเซอร์ บูฮานี (Cofidis)

นักปั่นที่มีความสามารถสูง แต่ฟอร์มไม่ค่อยจะคงเส้นคงวา
ใน Paris-Nice เขาหลุดกลุ่มตัวเต็งในทุกสเตจ คือไม่ได้แม้แต่จะขึ้นสปรินต์ชิงโพเดี้ยมด้วยซ้ำ แต่สัปดาห์ที่แล้วเขาสปรินต์ชนะรายการ Nokere Koerse สนาม semi-classic ในเบลเยียมที่ยากมากรายการหนึ่ง – ปีที่แล้วใน MSR เขาแรงตกที่ร้อยเมตรสุดท้ายก่อนถึงเส้นชัย
ทีม Cofidis ของบูฮานีมีลีดเอาท์ที่ดีระดับหนึ่ง แต่อาจจะไม่เท่า A-Team ที่ Quickstep, Lotto-Soudal ขนมา
แต่บูฮานีมเป็นคนที่สปีดปลายดีมาก ถ้าจะเชียร์คนนี้ก็ลุ้นหน่อยละกัน ตื่นเต้นดีครับ

7. ไมเคิล แมธธิวส์ (Sunbweb)

ถึงฤดูกาลนี้จะยังไม่ชนะรายการอะไรเลย แต่ผลงานใน Paris-Nice ของแมธธิวส์นั้นน่าจับตามองและสะท้อนถึงฟอร์มที่ค่อนข้างดีทีเดียวครับ – ที่ 7 ในสเตจ Time Trial และที่ 6 ใน Queen Stage ที่ขึ้นเขา Col d’Eze ถึงจะไม่ได้โชว์ศักยภาพการสปรินต์ แต่บอกความอึดและฟอร์มการไต่เขาที่แกร่งใช้ได้
แมธธิวส์เป็นคนที่ขาดสปีดปลายเหมือนตัวเต็งคลาสสิคคนอื่นๆ นั่นคือโอกาสที่เขาจะชนะนั้น น้อยมากที่จะมาจากการเบรคอเวย์ ถ้ารอสปรินต์กลุ่มก็ต้องเจออุปสรรคสปรินเตอร์ที่เร็วกว่าเหมือนที่ คริสทอฟและเดเกนโคลบ์ต้องเจอ ยังไม่นับซากานที่เล่นเกมจบได้หลายแบบกว่า
Top 10 – เป็นไปได้สูง / Top 3 ครึ่งๆ / แชมป์? ยากอยู่

8. เกร็ก แวน เอเวอร์มาร์ท (BMC)

เป็นสายบู๊ที่การันตีได้ว่าต้องพยายามเปิดเกมหนีครับ เพราะถ้ารอสปรินต์ก็ยากที่จะชนะ อย่างน้อยๆ ก็ไม่ใช่รายการนี้ที่เขาจะหวังสปรินต์ชนะเหมือนใน Omloop เพราะคนที่จะตามเขามาไม่ใช่สายคลาสสิคที่ไม่มีสปีดปลาย แต่เป็นเวิร์ดคลาสสปรินเตอร์
คำถามคือบนเนิน Poggio เขาจะยิงขาดมั้ย? และจะมีใครหนีไปด้วยบ้าง? จุดนั้นจะเป็นจังหวะตัดสินชะตาชีวิตของ GVA
จุดแข็งของ GVA คือ ถ้าเขาเป็นคนคุมเกม (หนัก) เขามักจะสปรินต์ชนะคนอื่นที่ตามมาด้วย เหมือนที่ชนะซากานหลายครั้งต่อหลายครั้งนั่นหละครับ แต่จะเข้าสู่ scenario นี้ได้ คนที่ตามเขามาต้องไม่มีสปรินเตอร์ที่สปรินต์ได้เร็วกว่าซากาน ไม่งั้นเกมจบแน่นอน
ถ้าเกมไม่จบด้วยการสปรินต์ GVA อาจจะเป็นตัวเต็งเบอร์หนึ่งคู่กับซากานเลยก็ได้ แต่คงได้แต่ภาวณาให้เบรคอเวย์หนีรอดครับ เพราะทีมสปรินเตอร์อีกครึ่งเปโลตองคงหาทางไล่จับกันสุดชีวิตแน่นอน

9. มิฮาล เควียทคอฟสกี้ (Sky)

นี่คือสายบู๊คนที่สอง ที่ขาแข็งพอจะกระชากกลุ่มขาด แต่ไม่มีลูกสปรินต์
แต่เควียทคอฟสกี้คงเป็นหมากตัวหนึ่งของ Sky เพราะทีมเอาวิวิอานีมาด้วย – ทีมอาจจะให้โอกาสเควียทคอฟสกี้หนีในจังหวะขึ้นเนิน แต่ถ้าโดนจับ คงกลับมาช่วยวิวิอานีมากกว่า คำถามคือ Sky จะไล่จับกลุ่มหนีมั้ยถ้าเควียทคอฟสกี้หนีไปด้วย? (คือวิวิอานีจะยอมหรือเปล่า?) อันนี้ต้องลุ้นกันเอง
โอกาสชนะของเควียทคือการหนีแบบใน Strade Bianche แต่เกมวันนั้นมีแค่ทิม เวลเลนส์กับ GVA ที่ไล่จับเขา ไม่ใช่ขบวนลีดเอาท์เกือบสิบทีมอย่างคืนนี้แน่นอน
มีโอกาสชนะ แต่น้อย ถ้าเขาหนีเข้ากลุ่มเบรคอเวย์อย่างน้อยๆ น่าจะมีคนสปรินต์ได้ดีกว่าเขามาด้วย เกมความเร็วสูงแบบนี้ไม่เหมาะกับเควียทเท่าไร

10. มาร์ค คาเวนดิช (Dimension Data)

หลายคนอาจจะลืมไปแล้ว แต่ MSR เป็นรายการใหญ่รายการแรกๆ ในชีวิตที่คาเวนดิชชนะ (2009)
ที่สำคัญปีที่เขาชนะนั่นยากกว่า MSR สมัยนี้เยอะครับ เนินช่วงท้ายเยอะกว่า ชันกว่า เส้นทางยาวกว่า
แต่นั่นแหละ ด้วยอายุที่มากขึ้น สปีดที่ตกลงอย่างเห็นได้ชัด และความทะเยอทะยานที่ดูจะเริ่มอิ่มตัวไม่กระหายเหมือนคาเวนดิชสมัยเด็ก ทำให้ไม่ค่อยจะเชื่อว่าเขาจะได้แชมป์ปีนี้ครับ
แต่กระนั้น คาเวนดิชก็ชอบเซอร์ไพรส์คนอื่นเสมอ เป็นสปรินเตอร์ที่น่าจะอ่านเกมสปรินต์ได้ดีที่สุดในเปโลตอง มักจะชนะในเวลาที่เราคิดว่าเขาคงหมดฟอร์ม หมดยุคแล้วหละ เพราะงั้น จับตาไว้หน่อยก็ดีเหมือนกัน
คาเวนดิชต้องรอสปรินต์กลุ่ม นั่นคือเขาต้องไม่หลุดกลุ่มเวลาถึงเนิน Poggio ซึ่งบอกตามตรง ปีนี้ไม่รู้ว่าฟอร์มขึ้นเนินเขาเป็นยังไงเหมือนกันครับ

Bonus: คนอื่นๆ ?

คาเล็บ ยวน (Orica-Scott)…จริงๆ อยากให้เป็นตัวเต็งคนหนึ่งใน Top 10 เพราะปีนี้เขาชนะการสปรินต์ 9 ใน 10 ของที่ลงแข่ง! ใน Abu Dhabi Tour เขาชนะทั้งคาเวนดิชและคิทเทล แต่ผมว่าประสบการณ์เขายังน้อยและยังไม่ค่อยได้ลงสนามคลาสสิคเท่าไร เนิน Poggio อาจจะเป็นอุปสรรคด้วย แต่ถ้าหลุดเนินมากับกลุ่มหน้าได้นี่ก็มีลุ้นครับ โอกาสอาจจะสูงพอๆ กับกาวิเรียเลยทีเดียว
อิตาเลียนมีสปรินเตอร์เก่งๆ หลายคนครับ ลองดู ซาชา โมโดโล (และเบ็น สวิฟต์) จาก UAE Team Emirates, เอเลีย วิวิอานี (Sky), นิคโคโล โบนิฟาซิโอ (Bahrain-Merida)
ทิม เวลเลนส์ (Lotto-Soudal) น่าจะพยายามหนีแน่นอน Move ไหนที่มี GVA อาจจะมีเวลเลนส์ติดไปด้วย แต่ไม่มีสปีดปลาย
แมทเทโอ เทรนทิน (Quickstpe Floors): อยู่ในทีมที่มีทั้งแชมป์เก่าและสปรินเตอร์ที่เร็วกว่า (กาวิเรีย) แต่เทรนทินเป็นสายบู๊แบบ GVA ที่สปรินต์ได้ดีกว่า เพราะงั้นถ้าหลุดไปใน Move เบรคอเวย์ที่ก็เป็นตัวอันตรายคนนึงครับ

MSR 2017 ถ่ายทอดสด 18 มีนาคม เวลา 20:00-23:00 เช็คลิงก์ถ่ายทอดสดที่ duckingtiger.com/live ครับ