รีวิวพื้นรองเท้าครับ ใช่ครับ พื้นรองเท้า ไม่ใช่รองเท้าทั้งคู่นะครับ มาดูกันว่าพื้นรองเท้าอาจช่วยแก้ปัญหาชาปลายเท้าให้คุณได้อย่างไร
ในปัจจุบัน หนึ่งในนวัตกรรมที่ผู้ผลิตรองเท้าจักรยานจำนวนมากชูเป็นจุดเด่นของผลิตภัณฑ์รุ่นสูงของตนก็คือการอบรองเท้าให้เข้ากับรูปเท้าของผู้สวมใส่ครับ ยกตัวอย่างเช่น ผู้ผลิตรองเท้าสัญชาติออสซี่ Bont ที่นักปั่นหลายคนบอกว่าเหมือน ‘ถุงเท้าแข็ง ๆ’ มากกว่ารองเท้าเสียอีก แต่อย่างไรก็ตาม ‘รองเท้าอบได้’ นั้นมักมีราคาแพงและหาซื้อได้ยาก แต่ท่านผู้อ่านทราบหรือไม่ว่าเราสามารถทำให้รองเท้าจักรยานเดิม ๆ ที่มีอยู่รองรับเท้าของเราได้ดีขึ้นได้ โดยใช้งบน้อยกว่าซื้อรองเท้าคู่ใหม่มากด้วยการใช้ ‘พื้นรองเท้าอบได้’ ครับ
พื้นรองเท้า (insole) ที่ดีมีประโยชน์ที่สำคัญ 2 ข้อดังนี้ครับ
1. ช่วยป้องกันการบาดเจ็บต่อข้อเข่าและกล้ามเนื้อขา
2. ช่วยป้องกันอาการชาที่ปลายเท้า หรือที่ฝรั่งเรียกว่า hot foot ครับ
ต่อไปจะขออธิบายถึงข้อแรกก่อนนะครับ
เท้าของเรามีอุ้งเท้า (longitudinal arch) ลักษณะคล้ายสะพานโค้ง ประกอบขึ้นจากเส้นเอ็นจำนวนมาก สามารถยืดหยุ่นได้เพื่อรับแรงกระแทกเวลาเดิน ไม่ให้ข้อเท้าและข้อเข่าต้องรับอิมแพ็คมากเกินไป อย่างไรก็ตามความแข็งแรงของเส้นเอ็นนี้ไม่เท่ากันในแต่ละคน ทำให้เมื่อออกแรงกดลูกบันได อุ้งเท้าจะยุบตัวลงมากน้อยต่างกันไปด้วยครับ ในคนส่วนใหญ่ การออกแรงกดลูกบันไดจนสุดที่ทิศ 6 นาฬิกาจะทำให้อุ้งเท้ายุบตัวลงประมาณ 1 องศา แต่ในบางคนอาจยุบ 2 องศา หรือมากถึง 3 องศา หรือยิ่งมากกว่านั้นในคนที่มีปัญหาเท้าแบน (flat foot) อุ้งเท้าที่ยุบตัวมาก ๆ ก่อให้เกิดปัญหากับกล้ามเนื้อหน้าขา (shin splints) และปวดข้อเข่าได้ครับ เพราะอุ้งเท้าที่ยุบตัวนั้นทำให้กล้ามเนื้อหน้าขาต้องยืดตึงขึ้น ทั้งยังเหวี่ยงข้อเข่าเข้าในหาตัวเฟรมและออกจากระนาบที่มันควรอยู่อีกด้วย (ข้อเข่าคนเรามีลักษณะคล้ายบานพับประตู (hinge joint) ครับ มันถูกออกแบบมาเพื่อพับเข้า-ออกเป็นหลัก ไม่ชอบให้ขยับซ้าย-ขวามากนัก จะบาดเจ็บได้ถ้าเกิดซ้ำ ๆ บ่อย ๆ ครับ) อาการบาดเจ็บที่เกิดจากการทำงานซ้ำ ๆ แบบนี้เรียกว่า repetitive stress injury และขึ้นกับชั่วโมงบินที่เราใช้ไปบนจักรยานโดยตรงครับ
ดังนั้นพื้นรองเท้าที่ช่วยซัพพอร์ตอุ้งเท้าเรา (arch support) ได้ดี จะช่วยค้ำยัน ลดการยุบตัวของอุ้งเท้า และป้องกันอาการบาดเจ็บที่เกิดจากปัญหาดังกล่าวได้ครับ

จากนี้จะขออธิบายข้อที่สองครับ
อาการชาที่ปลายเท้าเมื่อปั่นจักรยาน เกิดจากการกดทับเส้นประสาทที่อยู่ระหว่างกระดูกเท้า ไม่ว่าจะจากกระดูกไปกดเบียดเอง หรือจากสิ่งอื่น ๆ ก็ตามแต่ ทั้งนี้การกดทับเส้นประสาทนี้ก็เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น รองเท้าหัวแคบไป (S*DI เป็นต้น) ตึงสายรัดแน่นเกินไป ตึงตะกร้อแน่นเกินไปกรณีใช้บันไดตะกร้อ เป็นต้น วิธีแก้ไขเบื้องต้น ให้ลองคลายสายรัดรองเท้าดูก่อน เนื่องจากหลังปั่นจักรยานไปได้สักพักหนึ่ง เท้าของเราจะบวมขึ้นเล็กน้อย ปริมาตรในรองเท้าที่เคยอยู่พอดี ๆ ก็คับแคบลงได้ แต่หากยังไม่ดีขึ้น พื้นรองเท้าที่มีปุ่ม metatarsal pad/button ก็สามารถช่วยได้เช่นกัน โดยปุ่มดังกล่าวจะช่วย ‘แผ่’ กระดูกเท้าของเราให้บานออก และลดการกดเบียดเส้นประสาทเล็ก ๆ ที่อยู่ระหว่างกลางได้นั่นเองครับ

อารัมภบทมานาน ในที่สุดก็สามารถเข้าสู่ประเด็นได้เสียทีครับ ว่าวันนี้เราจะมารีวิว ‘พื้นรองเท้า’ กันเพราะเหตุใด
Louis Garneau Thermo Cool Heat-mouldable Insole
เป็นพื้นรองเท้าที่ไม่มีขายในไทยครับ ผมซื้อจาก competitivecyclist.com ในราคา $25 (ประมาณ 750 บาท) ไม่รวมค่าส่งภายในประเทศ และค่าส่งจากสหรัฐมาไทยครับ หากสนใจสามารถติดต่อพ่อค้าใน ThaiMTB.com ได้เลยครับ มีหลายท่านรับซื้อของในสหรัฐแล้วส่งมาไทยให้ ทำได้ทั้งจ่ายเองผ่าน PayPal/บัตรเครดิต แล้วให้ส่งไปที่อยู่ของพ่อค้า รบกวนเขาเฉพาะขั้นตอนส่งกลับไทย (ประหยัดกว่า) หรือให้เขาทั้งซื้อและส่งให้เลยก็ได้ครับ (สะดวกกว่า)
ส่วนพื้นรองเท้าสำหรับจักรยานที่มีขายในไทย ผมเคยเห็น 3 ยี่ห้อ คือ Bontrager (อบได้), Fi’zi:k (อบได้) eSole (อบไม่ได้แต่มีหลายไซส์ในกล่อง) ครับ เคยเห็นที่ร้านดังทั้งสองร้านบนถนนสารสินนี่เอง
สำหรับเหตุผลที่ผมเลือกยี่ห้อที่ไม่มีขายในไทย ก็เพราะเป็นยี่ห้อเดียวในตลาดโลกที่เหมือนจะออกแบบมาเพื่อรองเท้าที่มีรูระบายอากาศที่ด้านล่างครับ (เวอร์ดีไหม ฮ่าา) และนั่นก็เพราะรองเท้าที่ผมใช้มีรูระบายอากาศที่พื้นด้านล่างด้วย จะปิดทิ้งก็น่าเสียดายครับ

รายละเอียดของ Thermo Cool
Rigid ventilated HD EVA platform : Provides stability, comfort, and great airflow to ride during hot temperatures. Moldable red glass heel cup and arch : Stabilize the heel and provide support to prevent arch flex and knee torsion. Moldable mid-foot EVA insert : Provides better support and helps power transfer to the fore foot. Ergofeel top sheet |
หัวใจหลักในการขึ้นรูปของ Thermo Cool ก็คือวัสดุ EVA หรือ ethylene-vinyl acetate แบบเดียวกับที่ใช้ในปืนกาวนั่นเองครับ คุณสมบัติของมันคือเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นจะอ่อนตัวลงและสามารถดัดให้เข้ารูปตามที่ต้องการได้ และเมื่อเย็นตัวลงจะคงรูปที่ได้ถูกดัดไว้ได้ครับ
สำหรับประโยชน์ของการมีรูระบายอากาศ (‘ventilated’), metatarsal button (‘mid-foot EVA insert’) และ arch support นั้นได้กล่าวไว้แล้วที่ด้านบน จึงเหลืออีก 2 คุณสมบัติที่ยังไม่ได้กล่าวถึง คือ heel cup และ Ergofeel top sheet ครับ
สำหรับประโยชน์ของ heel cup คือระหว่างฟอร์มตัวจะเข้าไปเติมช่องว่างระหว่างส้นเท้าและเอ็นร้อยหวายกับรองเท้า ทำให้การขยับส้นเท้าไปทางซ้าย ขวา และขึ้นบนนั้นน้อยลง และเพิ่มเสถียรภาพให้กับเท้าเรานั่นเองครับ ส่วน Ergofeel top sheet นั้นเป็นคำบรรยาย texture ของพื้นรองเท้าว่าให้สัมผัสที่ดีกับเท้า แต่จริง ๆ ไม่มีผลเท่าไรนักเนื่องจากใส่ถุงเท้าปั่นอยู่แล้ว

คำแนะนำในการซื้อ
เนื่องจากหลังการอบแล้ว พื้นรองเท้าจะหดตัวสั้นลง แนะนำให้ซื้อเบอร์ใหญ่กว่าเบอร์รองเท้า 1 เบอร์ขึ้นไปเสมอ โดยมีไซส์ให้เลือก 4 ไซส์คือ 36-38, 39-41, 42-45, และ 46-48 ดังนั้นสำหรับผมใช้รองเท้าเบอร์ 42 ก็เลือก 42-45 เป็นต้นครับ (ตอนแรกซื้อ 39-41 มา ก่อนอบก็พอดีอยู่หรอก อบเสร็จเติมรองเท้าไม่เต็ม สั้นไป 1 ซม.กว่า ๆ แหนะ)
วิธีการอบ
หลังจากแกะกล่องแล้ว เราก็นำ Thermo Cool มาตัดครับ ด้านหลังของพื้นรองเท้าจะมีตีเส้นไว้ให้แล้วว่ารองเท้าเบอร์ไหนต้องตัดตรงไหน อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่ามันจะหด จึงควรตัดให้ใหญ่กว่ารองเท้า 1-2 เบอร์ครับ สำหรับผมที่ใช้รองเท้าเบอร์ 42 ก็ตัดตามเส้น 44 ครับ ใช้การได้พอดี

เมื่อตัดเรียบร้อยแล้วจึงนำเข้าเตาอบครับ โดย Louis Garneau เขียนคำชี้แจงไว้ข้างกล่องว่าอุณหภูมิที่พอเหมาะ คือ 80 องศาเซสเซียส และได้ให้สติ๊กเกอร์ที่จะเปลี่ยนสีไปตามอุณหภูมิด้วย หากทำถูกต้อง ช่อง 60 องศาต้องเป็นสีดำ (เกิน 60) ช่อง 80 องศาต้องเป็นสีเทา (ประมาณ 80) และช่อง 100 องศาต้องเป็นสีขาว (ไม่ถึง 100) ครับ ตรงนี้ไม่แนะนำให้เชื่อเตาอบสนิทใจแล้วหมุนไปที่ 80 องศาทันทีนะครับ เนื่องจากคู่แรกของผมทำเช่นนั้นแล้วสติ๊กเกอร์บอกอุณหภูมิขึ้น 100 องศาเลยครับ หากท่านผู้อ่านมีเทอร์โมมิเตอร์สำหรับเตาอบจะช่วยได้มาก หรือถ้าไม่มีแนะนำให้เริ่มต่ำลงมาครับ คู่ที่สองที่ใช้อยู่นี้ผมเริ่มที่ 60 แล้วค่อย ๆ ปรับไปที่ 65 องศาจึงได้พอดีครับ

หลังจากอบอยู่ประมาณ 15 นาทีแล้วจึงนำออกจากเตาอบ และแนะนำให้ใช้ผ้าหมาด ๆ เช็ดบริเวณ metatarsal pad ให้เย็นตัวลงก่อน แล้วจึงนำไปใส่ในรองเท้า สวมรองเท้าตาม และรัดสายตึงพอดี ๆ หรือตึงกว่าปกติเล็กน้อยครับ โดยท่านผู้อ่านจะใส่ถุงเท้าหรือไม่ก็ได้ แต่ระหว่างการฟอร์มตัวให้อยู่ในท่านั่งเสมอ ไม่ควรยืนครับ เนื่องจากเราต้องการให้พื้นรองเท้าฟอร์มตัวเข้ากับเท้าในสภาวะที่ไม่ได้รับน้ำหนัก (neutral, non-weight-bearing position) นั่นเองครับ หลังจากรอให้พื้นรองเท้าเย็นตัวลงประมาณ 10-15 นาทีก็เป็นอันเสร็จสิ้น
สำหรับสาเหตุที่ต้องใช้ผ้าหมาด ๆ เช็ดบริเวณ metatarsal pad ให้เย็นตัวลงก่อนนั้น ก็เพราะว่าเราไม่ต้องการให้บริเวณนี้เปลี่ยนรูปครับ คู่แรกของผม (อีกแล้ว) ไม่ได้ทำเช่นนี้ และผมยังอยู่ในท่ายืนระหว่างรอมันฟอร์มตัวด้วย ผลคือมันแบนราบหายไปเลยครับ จะดันให้นูนกลับขึ้นมาเหมือนเดิมก็น่าจะยุ่งยากน่าดู
ผลการใช้งาน
อาจเพราะผมเป็นคนเท้ากว้างมาก ๆ กว้างชนิดที่ถ้าเลือกรองเท้าตามความยาวเท้า (246mm) จะได้ประมาณเบอร์ 39 แต่ถ้าเลือกตามความกว้างเท้า (106mm) จะได้ประมาณเบอร์ 43E หรือ 44 ทำให้การเลือกรองเท้าทำได้ยากมาก ๆ และด้วยเท้าที่กว้างมากขนาดนี้ การโดนบีบรัดบริเวณปลายเท้าจึงเป็นเรื่องที่เลี่ยงยากครับ ตอนซื้อรองเท้าก็ว่าศึกษามาดีแล้ว แต่พอซื้อใช้งานจริงก็ยังชาปลายเท้าอยู่ดีแม้จะรัดสายรัดหลวมสุด ๆ แล้ว ครั้นจะขายทิ้งซื้อคู่ใหม่เลยก็เสียดาย ผมจึงต่อรองด้วยการหวังผลจาก metatarsal pad ในพื้นรองเท้าตัวนี้ครับ
ผลลัพธ์ที่ได้คืออาการชาหายเกือบสนิทเลยครับ จากเดิมที่จะเริ่มชาตั้งแต่ปั่นได้เพียง 15-20 นาทีจนเมื่อสักนาทีที่ 30 ชาจนปั่นต่อไม่ได้ ปัจจุบันจะชาก็ต่อเมื่อกดหนัก ๆ ระดับ zone 5 เท่านั้นครับ และความรุนแรงของการชาก็ไม่มากเท่าปั่นเบา ๆ เมื่อก่อนอีกด้วย ดังนั้นถึงไม่หายสนิท แต่ก็หายไปเหลือระดับที่ไม่กวนใจอีกต่อไปครับ
ส่วน arch support + heel cup ก็ทำให้เท้าของผมขยับไปมาในรองเท้าน้อยลงโดยไม่ต้องรัดสายรัดแน่นปึกเท่าเดิมอีกด้วยครับ นอกจากเป็นการลดปัญหาชาปลายเท้าอีกทางหนึ่งด้วยการลดการกดเส้นเลือดแดงบริเวณหลังเท้าไปด้วยแล้ว (กดเส้นเลือด -> เส้นประสาทได้เลือดน้อยลง -> ชาง่ายขึ้น) ยังทำให้การหมุนรอบขามีเสถียรภาพและเป็นวงง่ายขึ้นเล็กน้อยเป็นผลทางตรงอีกด้วย
เนื่องจากผมต้องเลือกรองเท้าที่กว้างพอไม่บีบปลายเท้า แต่ก็ไม่ยาวจนหลวมเกินไป การพบกันครึ่งทางระหว่างสองประเด็นนี้ทำให้รองเท้าผมจะมีที่ภายในเหลือเสมอครับ ความหนาของ Thermo Cool เลยช่วยเติมปริมาตรให้กับรองเท้าและเพิ่มความกระชับในการสวมใส่อย่างเห็นผลได้ชัดเจนครับ อย่างไรก็ตามหากรองเท้าของท่านผู้อ่านค่อนข้างฟิตอยู่แล้ว ต้องระวังว่ามันอาจทำให้ฟิตเกินไปจนอึดอัดได้นะครับ

สรุป
การเปลี่ยนพื้นรองเท้าเป็นของที่ออกแบบมาเฉพาะเจาะจงกับการปั่นจักรยาน ไม่ว่าจะอบได้หรืออบไม่ได้ ไม่ว่าซื้อจากร้านค้าในประเทศหรือสั่งพัสดุจากต่างประเทศ อาจไม่ทำให้คุณปั่นได้เร็วขึ้น แต่ช่วยเพิ่มความสบายให้กับเท้าคุณได้อย่างแน่นอน สำหรับคนที่มีปัญหาชาปลายเท้า พื้นรองเท้าชนิดที่มี metatarsal button ก็อาจเป็นวิธีการ ‘ต่อรอง’ กับรองเท้าคุณก่อนจะต้องจากลากันก็เป็นได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องพึงระลึกไว้เสมอเกี่ยวกับกายวิภาคของคนเราก็คือ เราเกิดมาไม่เท่ากัน และปัญหาเดียวกันอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังนั้นที่ผมใช้แล้วแก้ปัญหาได้ อาจจะแก้ปัญหาของท่านผู้อ่านไม่ได้ก็ได้ครับ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังคิดว่าพื้นรองเท้าราคาไม่ถึงพันบาท ก็ยังเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าต่อการทดลองอยู่ดีครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ารองเท้าจักรยานของท่านผู้อ่านราคาสูงกว่านี้มาก ๆ
ต้อง bookmark ไวก่อนเลย เมือไร่มีรองเท้าจะได้อ่านจริงจัง.
ใช้กับรองเท้ายี่ห้ออะไรก็ได้หรือครับ?
เขียนละเอียดดีคับ
การเลือกใช้งานดูคล้ายคลึงกับการเลือกเบาะเลยนะครับเนี่ยะ
สุดยอดครับผมไม่รู้ว่าเหมือนกับพื้นของ DMT ไหมครับ ขอบคุณครับ.