แมทธิอัส แบรนเดิล ทำลายสถิติ Hour Record

[vc_row][vc_column width=”1/1″][vc_column_text]

แมทธิอัส แบรนเดิลทำตามที่ตั้งไว้ได้สำเร็จ เมื่อคืนนี้นักปั่นชาวออสเตรียทำลายสถิติ Hour Record ด้วยระยะทาง 51.850 กิโลเมตร ทำลายสถิติของเยนส์ โว้กไป 735 เมตร

ย้อนรอยหนึ่งชั่วโมง

ดูไปก็ลุ้นไปทีเดียวครับ แบรนเดิลตั้งความเร็วได้ 52 กิโลเมตรต่อชั่วโมงค่อนข้างคงที่ตลอดเวลา 45 นาทีแรก ตามความตั้งใจที่อยากทำให้ได้ระยะทาง 52 กิโลเมตร ทว่าช่วง 15 นาทีสุดท้าย ความเหนื่อยล้าสะสมเริ่มเกินร่างกายจะทานไหว แบรนเดิลความเร็วตกราวๆ 0.5-1 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ก็ทำลายสถิติได้สำเร็จ ถึงแม้จะไม่ได้ครบเป้า

แบรนเดิลไม่ใช่นักปั่นชื่อดัง (แต่ตอนนี้คงจะดังแล้วหละ) ด้วยอายุที่น้อยกว่าเยนส์ โว้กถึง 19 ปี ประกอบกับที่เป็นนักปั่น Time Trial ระดับแชมป์ประเทศอยู่แล้ว ก็ทำให้เขาเอง ทีมงาน โค้ชและผู้ชมค่อนข้างมั่นใจว่าเขาจะทำลายสถิติได้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มลงสนาม แต่อย่างที่เห็นครับ ไม่ง่ายเลย ช่วงสุดท้ายนี่ต้องบอกว่าคนดูก็ลุ้นกันตัวโก่งเหมือนกัน เพราะความสมูทของรอบขา ท่าทางการปั่นที่นิ่งราวกับหุ่นยนนต์ในช่วงแรกของเขาก็ทำให้เอะใจนว่าจะรักษาความเร็วระดับนี้ได้นานเท่าไร?! ถ้าไม่บอกว่าทั้งชีวิตเคยปั่นในสนามลู่แค่ 3 ชั่วโมง (ตอนซ้อม) จะไม่เชื่อเลยว่าเขาไม่คุ้นเคยกับการปั่นในเวโลโดรมเพราะฟอร์มดีปั่นเก็บไลน์ดีกว่าเยนส์อย่างเห็นได้ชัด

จังหวะปล่อยตัว
จังหวะปล่อยตัว

อย่างคำกล่าวในอดีตที่เคยบอกไว้ว่าในทุกๆ การแข่ง Time Trial ทุกคนคือฮีโร่ใน 15 นาทีแรก” (หมายความว่าออกตัวเร็วเกิน) 30 กิโลเมตรแรก แบรนเดิลใช้เวลา 34.31 นาที ในขณะที่เยนส์ใช้เวลา 35 นาที ช้ากว่าแบรนเดิล 32 วินาที 

แบรนเดิลใช้เกียร์ค่อนข้างหนัก จานหน้าขนาด 55 ฟันและเฟืองหลัง 13 ฟัน เขารักษารอบขาไว้ที่ราวๆ 99RPM กับอัตราการเต้นหัวใจเฉลี่ยที่ 180BMP ในครึ่งแรก แต่ช่วง 15 นาทีสุดท้ายหัวใจเขาสูงขึ้นเกือบถึง 185BMP และรอบขาตกลงราว 97-98RPM ความเร็วเฉลี่ยหล่นจาก 52 จนเหลือ 51KPH

ตอนแรกใครๆ ก็คิดว่าง่าย คุณเชื่อว่าคุณจะรักษาความเร็วประมาณนี้ได้จนครบหนึ่งชั่วโมง แต่ยิ่งนานเข้ามันก็ยิ่งยากขึ้นเรื่อยๆ คุณล้ามากขึ้น กรดแลคติคสะสมเริ่มเยอะขึ้น ยิ่งกดลูกบันไดก็ยิ่งเหนื่อย ผมทำเวลาได้ดีใน 30 นาทีแรก แต่ครึ่งหลังก็เริ่มเหนื่อย จนต้องลดความเร็วลงนิดนึงและหวังว่าจะยังประคองเวลาทำลายสถิติได้อยู่

ช่วงสุดท้ายมันยากมากๆ ผมแทบไม่เหลือแรงจะปั่นแล้ว แต่ว่าพอมันยิ่งใกล้จะจบหนึ่งชั่วโมง เราก็ยิ่งทนได้มากขึ้นนะ 10 นาที…5 นาที คุณทนต่อได้อีกนิดนึง

และในที่สุดความอดทนของผมมันก็พอที่จะทำลายสถิติ ผมมีความสุขมาก

51.850!
51.850!

สรุป

ก็เป็นไปอย่างที่เขาให้สัมภาษณ์ครับ ช่วงท้ายนี่เรียกได้ว่าเข็นกันเลย เทียบกับสไตล์ของเยนส์ก็จะต่างกันเล็กน้อยนะ เยนส์ออกตัวค่อนข้างแรงในช่วง 15 นาทีแรก แต่เริ่มรู้ตัวว่าถ้าใช้เร็วประมาณนั้นจะไปต่อไม่ไหว เขาเลยผ่อนลงตั้งแต่นาทีที่ 20-45 พอร่างกายรีคัฟเวอร์ได้พอสมควรแล้วช่วงท้ายเขาก็จัดเต็มแบบหมดก๊อก

สำหรับแบรนเดิลที่เคยซ้อมจริงแค่เซสชันเดียว (เขาซ้อมปั่นจริง 1 เซ็ต 45 นาที ทำความเร็วได้ 52kph) เห็นชัดว่าแนวทางการทำสถิติเขาจะต่างกับเยนส์เล็กน้อย คือในใจคงคิดว่าล๊อกความเร็ว 52 นี่แหละ น่าจะรอดจนครบชั่วโมง แต่ก็ล๊อกได้เต็มที่แค่ราว 45 นาทีตามที่ซ้อม ช่วงสุดท้ายคือสู้กับใจตัวเองและความเจ็บปวดแล้ว เห็นแล้วต้องบอกว่าทรมานแทน!

สถิติของเยนส์ดูสนุกเพราะเขาเก็บแรงไว้เร่งตอนท้าย และเป็นคนแรกที่ทำลายสถิติได้ในยุคปัจจุบัน แต่ของแบรนเดิลก็มาอีกอารมณ์ คือล๊อกความเร็วตามที่คาดหวังเลย แล้วดูว่าจะทำได้ตามสเป็คนี้จนครบชั่วโมงหรือเปล่า

Matthias Brandle Hour Record-38

ไม่รู้ทำไมเหมือนกันว่าเวลาดูคนทำ Hour Record แบบนี้แล้วรู้สึกมีพลังครับ มันได้อารมณ์ต่างกับการแข่งขันอื่นๆ พอสมควรนะ บางคนอาจจะว่าน่าเบื่อ ดูคนปั่นวนไปวนมาเหมือนรถไต่ถังหนึ่งชั่วโมง แต่พอสังเกตจริงๆ มีอะไรให้ดูเยอะเลยครับ อาจจะไม่มีคู่แข่งนะ แต่ดูท่าทางการปั่น จังหวะการควงขา สีหน้าท่าทาง ในระยะเวลาแค่ 1 ชั่วโมง มันอิ่มๆ ฟินๆ พอดีนะ ไม่น่าเบื่อ แล้วมีจังหวะให้ลุ้นเยอะครับ ออกตัวยังไง ควอเต้อร์แรกเร็วไปมั้ย? ช่วงหลังนี่ไหวหรือเปล่า? ท่าปั่นเป็นยังไง? ท่าปั่นของแบรนเดิลค่อนข้างแอโรมากๆเลยทีเดียวแขนชิดกันแบบไม่แยกประคองท่าแอโร่ได้ครบชั่วโมงไม่ลุกขึ้นยืนซึ่งก็สะท้อนให้เห็นถึงร่างกายที่ยังสดและหนุ่มกว่าเยนส์พอสมควร

ไบรอัน คุ๊กสัน ประธาน UCI บอกผู้สื่อข่าวว่าแบรนเดิลทำสถิตได้ดีทีเดียว แต่คิดว่าน่าจะมีคนทำลายได้เร็วๆ นี้ ในทวิตเตอร์มีคนเชียร์ว่าอยากให้มีคนทำสถิติ Hour Record ทุกเดือน ซึ่งผมว่าน่าสนุกดีนะ เอาแบบทุกสัปดาห์สุดท้ายของเดือนก็ได้ คงจะเพลินน่าดู แต่ก็ต้องรอกันว่าคนต่อไปที่จะทำเวลาเป็นใครครับ ที่ออกตัวมาแล้วว่าจะทำในปีหน้ามีสองคนคือ เซอร์แบรดลีย์ วิกกินส์ จากทีม Sky และแจ๊ค บ๊อบบริดจ์ อดีตแชมป์เสือหมอบออสเตรเลีย ติดตามกันต่อไปครับ :)

Hour records
Matthias Brändle (AUT) 51.852km Swizterland, 30/10/2014
Jens Voigt (GER) 51.115km Switzerland, 18/09/2014
Ondrej Sosenka (CZE) 49.700km Moscow, 19/07/2005
Chris Boardman (GBR) 49.441km Manchester, 27/10/2000

———— สถิติข้างล่างนี้ใช้จักรยานนอกเหนือกฏ UCI ได้ ————
Chris Boardman (GBR) 56.375km Manchester, 06/09/1996*
Tony Rominger (SUI) 55.291km Bordeaux, 05/11/1994
Tony Rominger (SUI) 53.832km Bordeaux, 22/10/1994
Miguel Indurain (ESP) 53.040km Bordeaux, 02/09/1994
Graeme Obree (GBR) 52.719km Bordeaux, 27/04/1994
Chris Boardman (GBR) 52.270km Bordeaux, 23/07/1993
Francesco Moser (ITA) 51.840km Mexico, 15/01/1994
Graeme Obree (GBR) 51.596km Hamar, 17/07/1993
*Superman position
†Tuck position

[/vc_column_text][/vc_column][/vc_row]

By เทียนไท สังขพันธานนท์

คูน คือผู้ก่อตั้งดั๊กกิ้งไทเกอร์ และอยากใช้เว็บไซต์นี้ช่วยให้คนไทยอยากขี่จักรยานกันเยอะๆ!

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *