[dropcap letter=”ไ”]ม่บ่อยที่เราจะได้เห็นโปรทีมเปิดเผยข้อมูลการปั่นของนักปั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลงานระดับท๊อปอย่างการคว้าแชมป์โลกของมิฮาล เควียทคอฟสกีในศึกชิงแชมป์โลกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เหตุผลก็คือข้อมูลเหล่านี้ถ้าทีมอื่นได้ไปก็สามารถนำไปวิเคราะห์โปรไฟล์คู่แข่งและขีดความสามารถของเขา อย่างไรก็ดี ช่วงปีที่ผ่านมานี้หลายๆ ทีมก็พยายามจะเปิดเผยการทำงานเหมือนกัน เพื่อลบข้อสงสัยว่านักปั่นของตัวเองอาจจะใช้ “ตัวช่วย” พิเศษหรือเปล่า ก็โชว์วัตต์ โชว์หัวใจให้เห็นๆ กันไปเลย
ถือเป็นโชคของแฟนๆ ทางบ้านครับ เพราะเราก็จะได้เข้าถึงจริงๆ ว่าศักยภาพของนักปั่นระดับแชมป์โลกนั้นเป็นยังไง ล่าสุดทาง Quarq สปอนเซอร์พาวเวอร์มิเตอร์ของทีม OPQS เปิดเผยข้อมูลการปั่นคว้าแชมป์โลกทั้งหมดของเควียทคอฟสกีให้เราได้ชมกัน ซึ่งสามารถอ่านต้นฉบับภาษาอังกฤษได้ที่ลิงก์นี้ แต่ DT ก็สรุปผลวิเคราะห์ของโค้ชเควียทคอฟสกี มาให้อ่านกัน
ผลงานแชมป์โลกของเควียทคอฟสกีมาจากการกระชากหนีกลุ่มตัวเต็งที่กิโลเมตรสุดท้าย เพื่อไปจับเบรคอเวย์แล้ว โจมตีกลุ่มเบรคอเวย์ รักษาระยะห่างกับกลุ่มตัวเต็งจนเข้าเส้นชัยก่อนทุกคน
ระยะทางแข่ง 253 กิโลเมตร / ระยะเวลาแข่ง 6:31:23 นาที
Stats: 6 ชั่วโมง 20 นาทีแรก
• กำลังวัตต์เฉลี่ย 306 วัตต์
• คิดค่าวัตต์ต่อน้ำหนักตัวได้ 3.54 w/kg
• อัตราการเต้นหัวใจเฉลี่ย 148bpm
• เผาผลาญพลังงานไป 5,490 แคลอรี
โค้ช กอร์ด ฟราเซอร์จาก Quarq วิเคราะห์ว่า ชัยชนะครั้งนี้มาจากความสามัคคีของทีมโปแลนด์ที่ขึ้นมานำกลุ่มไม่ให้เบรคอเวย์หนีห่างเกินไป ประโยชน์ของการปั่นอยู่หน้ากลุ่มตลอดเวลา ถึงแม้จะต้องเหนื่อยจากการปะทะลมคืออะไร?
1. คุมเบรคอเวย์ได้: ก่อนที่โปแลนด์จะเดินเกม เบรคอเวย์นำกลุ่ม peloton อยู่ถึง 15 นาที แต่พอโปแลนด์เร่งขึ้นมาก็เหลือระยะห่างราวๆ 7-8 นาทีเท่านั้น
2. ไม่เปลืองแรงกัปตันทีม: การที่โปแลนด์พากัปตันทีมมาอยู่หน้ากลุ่มทำให้ ทั้งทีมไม่ต้องเปลืองแรงชะลอความเร็ว และเร่งความเร็วในจังหวะที่เข้า และออกจาโค้ง เหมือนคนที่อยู่หลังกลุ่ม (ต้องชะลอตามคันหน้า) คนอยู่หน้าก็สามารถเข้าออกโค้งได้เร็วตามที่ตั้งใจ ทั้งเลือกไลน์เองก็ได้ ซึ่งช่วยประหยัดแรงได้มาก โดยเฉพาะเมื่อต้องแข่งกันร่วม 6 ชั่วโมง
3. สร้างแรงกระตุ้นให้ชนะ: กัปตันที่มีลูกทีมช่วยอย่างแข็งขันนั้นมักจะรู้สึกว่าต้องตอบแทนลูกทีมด้วยการชนะ เป็นผลทางจิตวิทยาที่ดีต่อทุกคนในทีม และทำให้นักปั่นเค้นความสามารถออกมาได้มากกว่าที่เขาคิด
จังหวะตัดสิน (1)
ที่ 7 กิโลเมตรหน้าเส้นชัย เควียทคอฟสกีตัดสินใจกระชากหนีกลุ่ม peloton เป็นจังหวะที่พาเขาคว้าแชมป์โลกด้วย แล้วเขาปั่นยังไง? เรามีข้อมูลครับ
• 34 วินาทีแรกที่เร่งหนีกลุ่ม เควียทคอฟสกีออกแรงเฉลี่ย 436 วัตต์ หรือประมาณ 6.43 w/kg!
• วัตต์สูงสุดในช่วง 34 วินาทีนี้ขึ้นไปสูงถึง 928 วัตต์
• อัตราการเต้นหัวใจเฉลี่ย: 161 ครั้งต่อนาที
• ความเร็วเฉลี่ยที่ใช้ในการจับเบรคอเวย์: 53 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
• รอบขาเฉลี่ย 83 rpm
เมื่อดูจากค่าวัตต์ที่เขาใช้ใน 6 ชั่วโมงแรก (เฉลี่ย 306 วัตต์) แล้วก็ถือว่าไม่ธรรมดา ที่ยังสามารถเร่งออกมาได้ขนาดนี้ พอจับเบรคอเวย์ได้ เควียทคอฟสกีก็พักอยู่ในกลุ่ม แต่ก็รอนานไม่ได้เพราะ peloton ไล่ควบประชิดมาแบบเห็นหลังกันชัดๆ เขาพักได้ประมาณ 1 นาที ก็กระชากหนีเบรคอเวย์ทันที
จังหวะตัดสิน (2)
จังหวะหนีกลุ่มเบรคอเวย์ครั้งนี้ใช้เวลาประมาณ 3 นาที ซึ่งเป็นช่วงที่เขาอยู่ทางลงเนินเขาลูกแรก ก่อนจะขึ้นเนินยุทธศาสตร์ “มิราดอร์” ที่มีช่วงชัน 10% ที่ตีนเนินและยอดเนิน เนินนี้ยาวประมาณ 1 กิโลเมตร
• 1 นาทีแรกของการโจมตี เขาใช้กำลังเฉลี่ย 706 วัตต์
• พลังเฉลี่ยตลอดการโจมตี 3 นาที: 501 วัตต์
• คิดเป็น 7.02 w/kg (น้ำหนัก 68kg)
• หัวใจเต้นเฉลี่ย 179bmp, รอบขาเฉลี่ย 93rpm
เฮือกสุดท้าย
ตลอดระยะเวลาที่เควียทคอฟสกีหนีกลุ่ม เขาไม่เคยนำห่างได้เกิน 15 วินาที ซึ่งช่วงสุดท้ายนั้นโดนกลุ่มอีลีท ขาโหดที่ประกอบด้วยฟิลลิป จิลแบร์, เกร็ก แวนเอเวอร์มาร์ท, โจอาชิม โรดริเกรซ, อเลฮานโดร วาวเวอเด้, และไซมอน เจอร์รานส์ ไล่ปิดระยะ เรียกได้ว่า พักหายใจจังหวะเดียวก็โดนรวบแน่นอน ซึ่งหมายความว่าช่วง 2 กิโลเมตรสุดท้ายนั้น เข้าขัน “หนีตาย” มาดูตัวเลขกัน
• กำลังวัตต์เฉลี่ย 415 วัตต์
• ความเร็วเฉลี่ย 59.9 kph! (ทางตรง!!!)
• หัวใจเต้นเฉลี่ย 179bpm, รอบขาเฉลี่ย 102 rpm
ดูจากการถ่ายทอดสดเราแทบมองไม่ออกว่าเขาปั่นเร็วขนาดไหนในช่วงสุดท้าย เรียกได้ว่าเควียทคอฟสกีทุ่มหมดหน้าตักจริงๆ ชัยชนะครั้งนี้นอกจากจะสะท้อนความแกร่งของเขาในเรื่องกายภาพจากตัวเลขที่เราเห็นแล้ว ยังบอกถึงความใจเด็ดและกล้าได้กล้าเสียของยอดนักปั่นชาวโปแลนด์คนนี้ด้วย เป็นแชมป์ที่เหมาะสมทุกประการ ไร้ข้อกังขาครับ
เรียบเรียงข้อมูลจาก: Quarq Blog
อย่าลืมไป follow Strava ของเควียทคอฟสกีที่
