โพสต์นี้อาจจะมาสายนิดนึงนะครับ Milan-San Remo ก็จบไปเกือบอาทิตย์นึงแล้วแต่ DT จะพลาดไม่วิเคราะห์ก็กะไรอยู่เพราะเป็นถึงสนามระดับ Monument รายการแรกของปี มาย้อนรอยการแข่งขันกันดีกว่า
ย้อนรอยการแข่ง
Milan-San Remo ปีนี้บรรดาโปรก็เดินเกมไม่ต่างจากทุกปี ปล่อยเบรคอเวย์หนีไปก่อน รวบจับให้ได้ก่อน 30 กิโลเมตรสุดท้าย peloton ก็เข้มงวดเหลือเกินกับคนที่ยอมปล่อยให้หนีไปได้เพราะไม่ใช่ม้ามืดที่น่ากลัวสักคน เบรคอเวย์ประกอบด้วย Nathan Haas (Garmin), Martin Tjallingii (Belkin), Marc de Maar (United Health Care) และ Jan Bartar (NetApp-Endura) สภาพอากาศนั้นฝนตกตั้งแต่เริ่มจนจบการแข่งขัน โชคยังดีที่ไม่เจอพายุหิมะและลูกเห็บเหมือนปีที่แล้ว
เส้นทางการแข่งนั้นปีนี้นั้น “ง่าย” กว่าปีก่อนๆ เพราะผู้จัดแข่งตัดเขาสำคัญสองลูกออกไปเอื้อประโยชน์ให้สปรินเตอร์ไม่โดนขาแรงยิงทิ้ง ในขณะที่สิงห์คลาสสิคก็หมดสิทธิ์หนีเช่นกันเพราะกลุ่มนักปั่นอยู่ด้วยกันเกือบครบ ไม่โดนทิ้งบนเนินหรือเขาชันๆ อย่างที่ควรจะเป็น
ตลอดทั้งการแข่งขันเป็นทีม Katusha และ Cannondale ที่คุมความเร็วมาโดยตลอด โดยเฉพาะ Cannondale ที่ต้องรับหน้าที่หนักกว่าทีมอื่นๆ ในฐานะที่ Peter Sagan เป็นตัวเต็งระดับ 5 ดาว ทุกทีมคาดหวังให้ Cannondale ทำงาน และไม่มีใครอยากจะช่วยสักเท่าไร ไฮไลท์ของเกมอยู่ที่ 24 กิโลเมตรหน้าเส้นชัยซึ่งตรงกับเนินชัน Cipressa พอดี Vincenzo Nibali ตัดสินใจระเบิดกลุ่มยิงหนี แต่ก็ไม่มีการตอบสนองจาก peloton แม้แต่ Fabian Cancellara และ Philippe Gilbert ก็ไม่ออกตาม ทั้งคู่ให้สัมภาษณ์ทีหลังว่าเขารู้ว่ามีทีมสปรินเตอร์มาด้วยเยอะเกินไป ถึงหนีไปก็โดนจับทันทีในขณะที่ Nibali บ่นให้หลังว่า “นักปั่นสมัยนี้มันปอดแหกกันหมดแล้วหรือ?”
Nibali ทำเวลาห่างได้ราว 49 วินาที แต่ด้วยอากาศที่แย่ หนาวเย็น และลมต้านค่อนข้างแรง Sky, Cannondale, Katusha, OPQS ก็ร่วมมือกันรวบเจ้าฉลามอิตาเลียนได้ในที่สุดบนเนิน Poggio จังหวะขึ้นเนินลูกนี้ปกติจะเป็นที่ของ Cancellara ให้ออกยิงหนีคู่แข่ง แต่ปีนี้กลับเป็น Gregory Rask เพื่อนร่วมทีม Trek ที่เปิดเกมหนีออกไปก่อน Enrico Battaglin (Bardiani) พยายามไล่ตาม ทั้งคู่โดนจับ Philippe Gilbert (BMC) และ Daniele Bennati (Tinkoff-Saxo) เปิด Counter-attack แต่เป็นจริงอย่างที่ Cancellara พูด… สนามนี้เรามีสปรินเตอร์เกาะมาด้วยเยอะเกินไป ทุกการโจมตีโดน Cannondale, OPQS และ Lotto ช่วยกันไล่เก็บ
(วิดีโอไฮไลท์จาก InCycling)
เข้าถึงกิโลเมตรสุดท้ายหน้าเส้นชัยคู่หู BMC Gilbert และ Van Avermaert พยายามโจมตีกลุ่มอีกครั้งแต่ความพยายามก็ไม่เป็นผลเมื่อ Luca Paolini จาก Katusha นำขบวนไล่เก็บทุกคน ถึง 300 เมตรหน้าเส้น Sacha Modolo (Lampre) เปิดสปรินต์ Cavendish พยายามตาม แต่ด้วยแรงขาที่กรอบล้าไปกับสายฝนและระยะทางกว่า 294 กิโลเมตร เส้นชัยมันออยู่ห่างเกินเอื้อมสำหรับ Manx Missile
Alexander Kristoff พุ่งทะยานออกมาจากกลางกลุ่ม ขึ้นสปรินต์ตามล้อของ Cavendish ในจังหวะที่ Cavendish และ Modolo แรงตก เข้าเส้นชัยนำหน้า Fabian Cancellara กว่าสองคนรถ Ben Swift จากทีม Sky ปิดโพเดียมด้วยอันดับสาม
ข้อสังเกต
1. Kristoff ไม่ใช่ม้ามืดแบบที่คุณคิด
ปีที่แล้วแชมป์รายการ Gerald Ciolek เป็นม้ามืดของจริงเพราะไม่มีใครรู้จักเขาเลยแถมยังมากับทีมดิวิชัน 2 ที่เราไม่เคยเห็นอีกด้วย แต่ Kristoff ไม่เหมือนกันครับ เขาอาจจะไม่ใช่สปรินเตอร์ชื่อดังอย่าง Cavendish แต่ก็เป็นขาแรงที่พัฒนาฟอร์มอย่างต่อเนื่อง ขึ้นมาเอาชนะรุ่นพี่ชาวนอร์เวย์อย่าง Thor Hushovd (BMC) และ Edvald Boassan Hagen (Sky) ได้หลายสนาม (จริงๆ เคยอยู่กับ BMC ในปี 2010-2011) เขาเคยเป็นแชมป์เสือหมอบนอร์เวย์ตั้งแต่อายุ 19 และได้เหรียญทองแดงในการแข่งเสือหมอบโอลิมปิกที่ลอนดอนปี 2012 เคยได้ที่ 4 Tour of Flanders (2013) อันดับ 8 Milan-San Remo (2013) และ อันดับ 9 ที่ Paris-Roubaix (2013)!
สไตล์การปั่นของ Kristoff จะเรียกว่าคล้ายๆ กับ Hushovd และ Boonen ก็น่าจะได้ครับ เป็นสปรินเตอร์ที่ตัวใหญ่ ทำให้ปั่นสนามคลาสสิคได้ดีมาก (อึด ทนต่อแรงกระแทกและอากาศแย่ๆ) อาจจะไม่รอบด้านอย่าง Sagan แต่ชัยชนะครั้งนี้สมศักดิ์ศรีไม่มีข้อกังขาแน่นอน
2. Cancellara พลาดอีกครั้ง
ใน 4 ปีที่ผ่านมา Fabian Cancellara จบ Milan-San Remo ด้วยอันดับ 2 เขาพยายามไล่ล่าชัยชนะที่เคยทำได้ในปี 2008 แต่ก็ล้มเหลวทุกครั้ง ปีนี้เขาเลือกที่จะไม่โจมตีกลุ่มบนเนิน Poggio เหมือนทุกๆ ปีครับ แต่เลือกที่จะรอสปรินต์! ดูเผินๆ ทีแรกเหมือนจะเป็นแผนฆ่าตัวตาย เพราะ Cancellara จะสปรินต์สู้คนอื่นได้อย่างไร แต่มาดูกันจริงๆ มันน่าจะเป็นแผนที่ดีที่สุดสำหรับทีม Trek ในสนามนี้เลยก็ว่าได้
Cancellara รู้ดีว่าในช่วงสุดท้ายของการแข่งมีสปรินเตอร์เหลืออยู่เยอะมาก เขาเลยส่ง Rask ยิงหนี (ซึ่งทำให้ Griepel หลุดกลุ่ม) และบังคบให้ทีมอื่นต้องเสียกำลังพลไล่ตามเก็บ แล้วพนันทุกอย่างไว้ที่การสปรินต์เพราะเขารู้ดีว่าตัวเองเหลือพลังเยอะและอึดกว่าสปรินเตอร์คนอื่นๆ ซึ่งก็ได้ผลจริงๆ เพราะสปรินต์ชนะขาแรงอย่าง Cavendish, Sagan และ Modolo ถึงจะแพ้ให้กับ Kristoff แต่ก็ดีกว่าการพยายามออกหนีกลุ่มแล้วมีคนตามหมกล้อมาทุบหัวหน้าเส้นชัยเหมือนในปี 2012 ที่พ่ายให้กับ Simon Gerrans (ซึ่งไม่ช่วยผลัดบังลมเลยตลอดทาง!) อย่างไรก็ดีถึง Fabian จะได้ที่สองมันก็แสดงให้เห็นถึงฟอร์มร้อนแรงพร้อมลุยสนามคลาสสิครายการถัดไปครับ
3. Cavendish แกร่งกว่าที่เห็น
เชื่อไหมครับว่า Mark Cavendish เหลือเพื่อนร่วมทีมแค่สองคนในช่วง 30 กิโลเมตรสุดท้าย? ทีม OPQS ยกเอาขุนพลหัวลากระดับโลกมาช่วย Cav แต่ Petacchi, Renshaw และ Kwiatkowski ต่างถอนตัวจากการแข่งขันกลางทาง (คาดว่าเพราะอากาศหนาวเย็น ไม่สบาย) Cav เลยเหลือแค่แชมป์โลก Cyclorcross — Zdnek Stybar เป็นตัวช่วยในจังหวะสุดท้ายของเกมการแข่ง ถึง Cavendish จะเป็นคนที่ดูจะชนะไม่ได้ถ้าไม่มีเพื่อนช่วย แต่ความเป็นจริงนั้นกลับกัน Cavendish คือหนึ่งในนักปั่นที่แกร่งมากๆ คนหนึ่ง ด้วยพื้นหลังที่โตมาในเกาะ Isle of Man (ที่ฝนตกลมแรงตลอดเวลา) เขาเลยทนอากาศแย่ๆ ได้ดีกว่าสปรินเตอร์หลายๆ คน ดูอย่างตอนที่เขาได้แชมป์เสือหมอบอังกฤษปีที่แล้ว ก็ออกเบรคอเวย์มาคู่กับ David Millar ท่ามกลางสายฝนหลายสิบกิโลและสปรินต์จนชนะ
Cav ออกสปรินต์คนเดียวในกลุ่มตัวเต็ง 26 คนและจบการแข่งด้วยอันดับ 5 คิดดูว่าถ้าหัวลากมากันครบ แรงแกเหลือจะได้ที่เท่าไร!?
4. เกิดอะไรขึ้นกับ Sagan?
DT พรีวิวให้ Peter Sagan (Cannondale) ได้ 5 ดาว และเป็นคนที่มีลุ้นชนะที่สุด แต่เกิดอะไรขึ้นเมื่อ Sagan ทำได้แค่เพียงอันดับ 10 เท่านั้น? ทางด้านแทคติคแล้ว Cannondale เดินเกมได้สมบูรณ์แบบตั้งแต่ต้นจนจบ เป็น Sagan เองที่ไม่เหลือแรงสานต่องานของทีม เขาให้สัมภาษณ์ทีหลังว่าร่างกายไม่เต็มร้อยเพราะเจอฝนตลอดการแข่ง ช่วงท้ายก็ไม่เหลือแรงแล้ว เป็นที่น่าเสียดาย แต่ก็สะท้อนให้เห็นถึงสัจธรรมของสนามแข่งวันเดียวจบคืออะไรก็เกิดขึ้นได้จริงๆ ไม่ว่าคุณจะซ้อมมาดีขนาดไหนก็ตาม
5. Sky ติดโพเดียม!?
Ben Swift แชมป์โลก scratch race สนามลู่วัย 26 ปีจากทีม Sky เอาชนะขาแรงคลาสสิคร่างยักษ์ได้อย่างน่าชื่นชม ปี 2013 Swift ต้องเจอปัญหามากมายทั้งอาการบาดเจ็บ อุบัติเหตุ และผลงานโดยรวมที่ไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไร อันดับ 3 ใน San Remo ของ Swift ยืนยันว่า Sky มีนักปั่นคลาสสิคฝีมือดีอยู่หลายคนครับ Ian Stanard พึ่งจะได้แชมป์ Omloop ไปเมื่อต้นเดือน Swift ก็มาขึ้นโพเดียมรายการระดับ Monument แสดงว่าการเตรียมความพร้อมของทีมที่อยากจะพิชิตสนามแข่งวันเดียวให้ได้เหมือนที่ทีมเป็นเจ้าพ่อรายการแข่งสเตจเรซน่าจะเริ่มได้ผลแล้ว
6. BMC….
BMC ไม่ติดแม้กระทั่ง Top 10 ในรายการ San Remo ทั้งๆ ที่มีสองนักปั่นที่แกร่งที่สุดการแข่งอยู่จนถึงกิโลเมตรสุดท้าย (Philippe Gilbert, Greg Van Avermaert) DT ไม่แน่ใจว่าแผนของ BMC คืออะไร แต่พอเห็นทั้งคู่สปรินต์แยกกันแล้วดูจะไม่ค่อยสามัคคีเท่าไร ถ้า Gilbert หรือ GVA ลีดเอาท์ให้กันเองเหมือนที่ Paolini ลากให้ Kristoff อาจจะมีลุ้นมากกว่าก็เป็นได้ ผลงานยังไม่เข้าตาครับ
The VIPs
Vincenzo Nibali (Astana)
ต้องยกให้เป็น VIP เพราะเป็นคนเดียวที่กล้าลุยหนีเดี่ยวออกมาบนเนิน Cipressa ถึงแม้จะไม่สำเร็จแต่ก็แสดงให้เห็นถึงความกล้ากว่าอีกหลายๆ คน Nibali มาบ่นทีหลังว่าเขาคุยกับ Sagan, Cancellara ให้ช่วยกันหนี ทั้งคู่ตกลง แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครมาด้วย ชัยชนะสนาม Monument ในบ้านเกิดเลยยังเป็นได้แค่ความฝันของ Vincenzo ต่อไปครับ
Luca Paolini (Katusha)
ถ้าไม่มีคนนี้ Kristoff ไม่ชนะแน่นอน Paolini เป็นผู้เชี่ยวชาญสนาม San Remo ก็ว่าได้ด้วยผลงานอันดับ 3 ในปี 2003 และ 2006 จังหวะลงจากเนิน Poggio, Paolini ขึ้นมาลากกลุ่มด้วยความเร็วสูง มี Kristoff หมกอยู่ข้างหลัง ตัดแรงคู่แข่งคนอื่นได้ชะงัด และช่วยลาก Kristoff จนถึงทางตรงสุดท้ายเคลียร์ให้ทุกโค้งเหมาะสมแล้วที่จะเป็น Very Important Person ในรายการนี้ครับ
Alessandro de Marchi (Cannondale)
อีกหนึ่งคนที่น่าชื่นชม De Marchi เป็นคนชงเกมให้ Cannondale ในช่วง 30 กิโลเมตรสุดท้าย ลากไล่เก็บเบรคอเวย์ทุกคนจนอยู่โดยที่ Sagan ไม่ต้องทำอะไรเลย น่าเสียดายที่ Sagan ปิดเกมให้ Cannondale ไม่ได้
ส่งท้าย
เป็นสนามที่สนุกและน่าตื่นเต้นใช้ได้ครับ ปีนี้สภาพอากาศไม่แย่มาก มีการหนี การรุกรับกันพอสมควรในช่วงปลายการแข่ง น่าเสียดายว่าตัวเต็งไม่ค่อยกล้าลุยกันเท่าไร แต่ก็เข้าใจได้เพราะกลุ่ม peloton เหลือสปรินเตอร์ค่อนข้างเยอะ อย่างไรก็ดีปีนี้คงเป็นปีสุดท้ายที่เราจะได้เห็นสปรินเตอร์ชนะ San Remo เพราะปีหน้าผู้จัดแข่งเขาจะเพิ่มเขา 2 ลูก (ที่ตัดออกในปีนี้) เข้ามานักไต่เขาอย่าง Nibali คงมีโอกาสลุ้นมากกว่าเดิม
ปัญหาของรายการนี้คือสำหรับคนดูแล้ว ดูแค่ 1 ชั่วโมงสุดท้ายก็พอ เพราะแอคชันมันอยู่ตอนปลายการแข่งจริงๆ ไม่เหมือนสนามอย่าง Roubaix ที่สนุกแทบทุกช่วงครับ
8/10
ผลการแข่ง 2014 Milan-San Remo
1 Alexander Kristoff (Nor) Team Katusha 6:55:56
2 Fabian Cancellara (Swi) Trek Factory Racing
3 Ben Swift (GBr) Team Sky
4 Juan-Jose Lobato (Spa) Movistar Team
5 Mark Cavendish (GBr) Omega Pharma – Quick-Step
6 Sonny Colbrelli (Ita) Bardiani-CSF
7 Zdeněk Štybar (Cze) Omega Pharma – Quick-Step
8 Sacha Modolo (Ita) Lampre-Merida
9 Gerald Ciolek (Ger) MTN-Qhubeka
10 Peter Sagan (Svk) Cannondale
บรรยายสรุปได้ดีมากครับ