นี่คือเสือหมอบแอโรรุ่นล่าสุดจาก BMC

BMC เป็นผู้ผลิตจักรยานรายแรกๆ ที่เปิดตัวจักรยานเสือหมอบทรงแอโรไดนามิก เฟรมรุ่นแรก BMC Timemachine Road (TMR) ออกมาตั้งแต่ปี 2012 และก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีในตลาด (โดยเฉพาะในประเทศไทย)

แต่ก็ยังมีจุดอ่อนที่ต้องปรับปรุงหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นความสะท้าน และระบบเบรกแบบซ่อนในเฟรมที่ทำงานได้ไม่ดีนัก จนนักกีฬาทีม BMC แทบจะไม่เหลียวหยิบมาใช้

เมื่อโดนฟีดแบคขนาดนี้ BMC เลยกลับมาใหม่กับ TMR01 สำหรับปี 2018 ครับ ซึ่งเคลมว่าทั้งลู่ลมกว่าเดิม ปั่นสบายกว่าเดิม และซ่อมบำรุงง่ายกว่าเดิมด้วย จะมีอะไรใหม่บ้างลองมาดูกัน

 

Smart integration

จุดเด่นแรกที่เห็นได้ก่อนอย่างอื่นเลยเป็นชุดขากระติกและกล่องอุปกรณ์ที่ทำออกมาเป็นชิ้นเดียวแนบไปกับตัวเฟรม ซึ่งดูต่างจากเสือหมอบแอโรทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด วิศวกรของ BMC กล่าวว่าจักรยานแอโรทั่วไปนั้นก็ลู่ลมดีอยู่แล้ว แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้ทดสอบแบบ “ใช้งานจริง” นั่นคือมีกระติกน้ำติดตั้งเข้าไปด้วย ใน TMR01 รุ่นใหม่เลยหาทางออกแบบให้จุดยึดกระติกน้ำลู่ลมกว่าเดิมด้วยการออกแบบให้รับกับตัวเฟรมไปเลย

ด้านล่างจุดยึดกระติกก็มีกล่อง storage สำหรับเก็บของแทนการใช้กระเป๋าติดหลักอาน ซึ่งก็แน่นอนว่าลดความแอโรลงด้วย BMC เรียกชุดยึดกระติกกับกล่องเก็บของว่า Aero Module

BMC เคลมว่าจักรยาน TMR01 ที่มีกระติกน้ำใน aero module จะลู่ลมกว่าจักรยานเปล่าๆ ที่ไม่ติดตั้งอะไรเลย

อย่างไรก็ดีส่วนที่เป็น storage box นั้นผิดกฏ UCI ซึ่งคนที่ลงแข่งสนามประเภทนี้ก็ต้องถอดกล่องเก็บของออกก่อนถึงจะใช้ได้ ทั้งเฟรมเซ็ตและ completed bike จะมากับ aero module

 

ICS AERO COCKPIT

เช่นเดียวกับแบรนด์อื่นๆ ที่เปิดตัวเสือหมอบแอโรในเดือนนี้ BMC TMR01 มากับค็อกพิทหรือส่วนแฮนด์สเต็มที่ออกแบบมาให้ลู่ลมเป็นพิเศษ BMC เรียกจุดนี้ว่า ICS (integrated cockpit system)

ใช้เป็นครั้งแรกในเฟรม BMC Road Machine ที่เปิดตัวเมื่อสองปีก่อน แต่ปรับให้สติฟฟ์กว่าเดิมและกระจายแรงสะเทือนดีกว่าเดิม พร้อมแฮนด์แอโรที่ออกแบบให้เข้ารูปกับตัวสเต็ม ทั้งแฮนด์และสเต็มแยกชิ้นกัน เลือกไซส์ได้ตามความเหมาะสม

แหวนรองคอใช้ดีไซน์แบบพัซเซิลล็อก ไม่ต้องถอดรื้อสายเบรคไฮดรอลิคเวลาจะถอดหรือเพิ่มแหวนรอง และด้านในสเต็มมีพื้นที่สำหรับเก็บสายหากใครอยากลดแหวนรองคอให้เตี้ยลงกว่าเดิมโดยไม่ต้องรื้อตัดสายใหม่

 

Disc cover

นอกจาก ICS Cockpit แล้ววิศวกรของ BMC ยังเก็บรายละเอียดแอโรไดนามิกบริเวณใบดิสก์เบรกด้วยการออกแบบตะเกียบให้บังคาลิปเปอร์เพื่อที่ลมจะได้ไหลผ่านได้สมูทไม่มีอะไรขวาง

ตะเกียบรองรับยางกว้าสูงสุด 28mm

 

แอโรแค่ไหน?

BMC ไม่ทดสอบรถตัวเองเทียบกับแบรนด์คู่แข่งแต่ใช้วิธีเทียบกับเฟรม all around ของตัวเองนั่นคือ BMC Teammachine SLR01 และทดสอบด้วยการให้นักปั่นสามคนปั่นเทสต์ในเวโลโดรมเทียบกันว่าเสือหมอบแอโร TMR ประหยัดพลังได้กว่า SLR กี่วัตต์

  • BMC ทดสอบที่ความเร็ว 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ต่างจากแบรนด์อื่นๆ ที่เทสต์ที่ 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมงด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นความเร็วที่คนส่วนใหญ่ปั่นได้จริง
  • นักปั่นสามคนที่ทดสอบมีทั้งโปรจากทีม BMC Racing Team และคนธรรมดา จักรยานของทั้งสามคนใช้สเป็คเดียวกันทั้งหมด ล้อความสูงเท่ากันและยางรุ่นเดียวกัน
  • ผลโชว์ว่านักปั่นที่ตัวใหญ่ที่สุดในการทดสอบ (ไมเคิล ชาร์จากทีม BMC) ประหยัดวัตต์มากที่สุดที่ 12 วัตต์เมื่อใช้ TMR ในขณะที่อีกสองคนประหยัดไปคนละ 6 และ 8 วัตต์
  • หรือประหยัดพลังไป 3%, หรือได้ความเร็วเพิ่มมา 1.5 kph หรือประหยัดเวลา 2 นาทีที่ระยะทาง 40 กิโลเมตร

นอกจากการทดสอบในเวโลโดรมแล้ว BMC ก็มีค่าทดสอบในอุโมงค์ลมมาให้ดูด้วย

จักรยานทั้งสองรุ่นใช้สเป็คเดียวกัน BMC กล่าวว่าที่มุมกระทบ 0 องศา (หน้าตรง) TMR ประหยัดพลังได้ 11.5 วัตต์เทียบกับ SLR ที่ความเร็ว 45kph แต่ถ้าลมกระทบที่มุมกว้างกว่าเดิมเช่น 15 องศา (เหมือนโดนลมข้าง) ก็จะประหยัดได้มากถึง 18.4 วัตต์

 

สติฟฟ์กว่าเดิม

นอกจากความลู่ลมที่ทำได้ดีกว่าเดิมแล้ว BMC ยังกล่าวว่าเฟรม TMR นั้นมีค่าการตอบสนองแรงและความสามารถในการกระจายแรงสะเทือนเทียบเท่ากับเฟรม SLR ถึงแม้จะใช้ท่อรูปทรงแอโรกว่าด้วย

 

 

โมเดล, ราคา, วันวางจำหน่าย

BMC TMR 01 มีให้เลือกสามรุ่น One, Two และ Three

Timemachine Road 01 One

 

ในรุ่น TMR 01 One ตัวท็อปจะมากับชุดขับ Dura-Ace Di2 Disc ล้อ DT Swiss ARC 1100 Dicut, เวอร์ชัน TMR 01 Two มากับชุดขับ SRAM Red eTap HRD และล้อ DT Swiss Arc 1400 Dicut, รุ่นน้องสุด TMR 01 Three มากับชุดขับ Shimano Ultegra Di2

Timemachine Road 01 Two
Timemachine Road 01 Three

เฟรม, ค็อกพิท และชุด aero module จะเหมือนกันหมดทั้งสามรุ่น แต่ถ้าอยากได้แค่เฟรมเซ็ตก็มีขายแยกเช่นกัน จะมากับ เฟรม,ตะเกียบ, aero module, ICS Bar / Stem, ผ้าพันดแฮนด์, และเบาะ มีให้เลือกตั้งแต่ไซส์ 48,51,54,56,58 และ 61cm

Frame Module

เริ่มวางจำหน่ายกันยายนนี้

Timemachine Road 01 ONE: $12,999
Timemachine Road 01 TWO: $10,999
Timemachine Road 01 THREE: $8,499
Timemachine Road 01 MODULE: $4,499

 

Gallery

Bmc-Switzerland.com

 

By เทียนไท สังขพันธานนท์

คูน คือผู้ก่อตั้งดั๊กกิ้งไทเกอร์ และอยากใช้เว็บไซต์นี้ช่วยให้คนไทยอยากขี่จักรยานกันเยอะๆ!

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *