โพสต์สุดท้ายของผมกับ Ducking Tiger

“ทุกอย่างมันเริ่มจากการตอบทวีต ทวีตหนึ่งเท่านั้น”

คอนเทนต์รอบนี้ คือบทความอำลา Ducking Tiger ในฐานะนักเขียนของผม นัทคุง ซึ่งไม่แน่ใจว่า ผมเป็นคนแรกนอกจากคูนที่มีบทความขึ้นเว็บรึเปล่า แต่คงเป็นคนแรกที่มีบทความอำลาอย่างเป็นทางการแบบนี้ ซึ่งเหตุผลก็อยู่ท้ายบทความนี่ล่ะครับ

ปี 2012 ผมไปถ่ายรายการทีวีที่ประเทศลาว แล้วมีพาร์ตนึงที่ต้องปั่นจักรยานเสือภูเขาในเมืองหลวงน้ำทา ซึ่งทำให้ผมคิดว่า เออ จักรยานนี่มันสนุกจริงๆ ด้วย หลังจากที่หายไปจากหลังอานตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย พอกลับไทยเลยเริ่มหาจักรยานเสือภูเขามาปั่น บวกกับปีนั้นกระแสจักรยานเริ่มมา แบรดลีย์ วิกกินส์ ได้แชมป์ Tour de France เล่นเอาผมอินกับเสือหมอบมากจนตัดสินใจขายเสือภูเขาอายุไม่กี่เดือนเพื่อกลับมาปั่นเสือหมอบอีกครั้ง

หลังจากนั้นผมก็ได้เจอเว็บชื่อ Ducking Tiger (คิดว่าเจอจากตอนที่ยังโพสต์อยู่ใน ThaiMTB) ซึ่งรายงานข่าวการแข่งจักรยานโปรทัวร์ และมีเรื่องอุปกรณ์ต่างๆ ตอนนั้นเว็บยังเพิ่งตั้งไข่ และเจ้าของเว็บก็เพิ่งกลับมาจากอังกฤษหมาดๆ ผมก็ได้ติดตามเว็บรวมไปถึงฟอลโลว์ทวิตเตอร์ด้วย

อยู่มาวันนึง เจ้าของเว็บก็ทวีตชวนคนไปปั่นจักรยานที่สวนรถไฟ

ปกติผมเป็นคนปั่นคนเดียวมาโดยตลอด และไม่ค่อยสนใจจะปั่นกับใคร แต่วันนั้นผมคิดว่า เออ ได้เจอคนที่สนใจอะไรเหมือนกันบ้างก็ดี เลยตอบทวีตกลับไปว่าขอไปด้วย เลยนัดเจอกันที่ไปรษณีย์สะพานควาย

นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมได้เจอคูนตัวจริง และตามประสาคนเจอกันทีแรก เราก็ไม่ได้คุยอะไรกันลึกมาก แต่มีเรื่องหนึ่งที่คุยคือ ผมเคยเขียนถึงวิกกินส์ลงในหนังสือพิมพ์ไปที และเสนอว่าเอาลงเว็บด้วยไหม นั่นก็กลายเป็นที่มาของงานชิ้นแรกของผมใน Ducking Tiger

หลังจากนั้นเราก็ทักทายกันผ่านทวิต ไปเจอกันที่สวนรถไฟบ้าง แต่ก็ยังไม่ได้สนิทอะไรกันมาก ยังจำได้ว่า Tour de Farm ปีนั้นยังไปกันคนละทางอยู่เลย (ผมไปเดี่ยว คูนไปกับทีม Nich) แต่ก็คุยกันมาเรื่อยๆ และมีอีกคนมาร่วมแจมคือ วี ที่รู้จักกันผ่านทวิตเตอร์เหมือนกัน ไปๆ มาๆ ผมกับวีเลยกลายมาเป็น Contributor ที่ส่งงานเขียนลงเว็บ Ducking Tiger ที่เติบโตอย่างพรวดพราดมากๆ

การสนทนาเราก็เปลี่ยนมาเป็นกรุ๊ป Line แทน และความสนิทสนมก็เพิ่มขึ้นตามระยะทางที่เราปั่นร่วมกัน เราคุยกันสัพเพเหระเรื่องวงการจักรยานบ้าง อะไหล่บ้าง ซึ่งผมก็ต้องยอมรับว่าความรู้ของผมเมื่อเทียบทั้งสองคนนั้น จัดว่าตามหลังอยู่เยอะมากๆ ก็ได้ทั้งสองคนช่วยแนะนำในหลายๆ เรื่อง

ช่วงปี 2016-2017 ผมมีปัญหาเรื่องสภาพจิตใจ เพราะเกิดกลัวจากการที่นักปั่นโดนชนเสียชีวิตหลายครั้ง รวมไปถึงการที่หมอขอให้งดปั่นช่วงหนึ่ง กลายเป็นช่วงที่ผมเหินห่างจากจักรยานมากๆ ทั้งที่เพิ่งซื้อจักรยานใหม่มา ผมไม่สนใจติดตามงานแข่ง ไม่ได้เช็คของใหม่ๆ ในห้องแชตก็ไม่รู้จะคุยอะไร น้ำหนักตัวก็ขึ้นเอาพรวดๆ กลายเป็นช่วงดาวน์อย่างแท้จริง จุดตกต่ำคงเป็นตอนที่ผมไม่มีปัญญาปั่นขึ้นเขาซะโอที่มิยากินั่นล่ะครับ ไปได้แค่ 3 กิโลก็ตายคาที่แล้ว

ดีที่ได้ทั้งสองคนคอยให้กำลังใจ ชักชวนนั่นนี่เสมอ จนเข้าปี 2018 ผมตัดสินใจจะกลับมาปั่นจักรยานอย่างจริงจังอีกครั้ง ทีแรกก็คิดแค่อยากจะลดน้ำหนัก แต่ไปๆ มาๆ ผมก็อยากจะเร็วขึ้น แรงขึ้น เพื่อให้ปั่นได้สนุกขึ้น ก็พยายามทั้งการซ้อม การดูแลรถ และก็ได้ทั้งสองคนนั่นล่ะครับ ชวนไปปั่นนู่นนี่ ไม่อย่างนั้นผมคงได้แค่ปั่นวนไปวนมา ไม่ได้ไปขึ้นเขาลงห้วยหลายๆ ที่ ซึ่งพอพยายามแล้วเห็นผล ขึ้นเขาลูกนั้นลูกนี้ได้สำเร็จ กำลังใจก็มา ผมก็สนุกกับการปั่นเหมือนได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง

ปลายปี เดิมผมมีแพลนจะย้ายมาอยู่ญี่ปุ่นอยู่แล้ว แต่ว่าเพราะการยื่นวีซ่าที่ใช้เวลากว่าที่คิดทำให้ผมยังอยู่เมืองไทย และมีสองอีเวนต์ในต่างประเทศ นั่นคือ Marumori Cycle Festa ที่มิยากิ ญี่ปุ่น ที่ผมได้ไปอยู่แล้ว กับ Hong Kong Cyclothon ที่ผมบอกผ่านเพราะไม่แน่ใจว่าจะติดเรื่องย้ายประเทศรึเปล่า วีเลยเป็นคนได้ไปงานหลัง

แต่พอเรื่องย้ายประเทศเลื่อนไปผมก็อยากไปงานฮ่องกงด้วย แต่พอต้องจ่ายค่าใช้จ่ายเอง ก็เลยชั่งใจหนักหน่อย (ช่วงนั้นใช้เงินเยอะด้วย) แต่พอไป Marumori กับทาง Boxmatch ร่วมกับพี่โป้ง Modern Dog และแฟนพี่โป้ง ซึ่งก็จะไปงานที่ฮ่องกงด้วยเหมือนกัน ผมก็เริ่มใจอ่อน จ่ายเองก็น่าไปล่ะ เพราะชวนกันได้เมามันส์มาก และด้วยฤทธิ์แอลกอฮอลในวันสุดท้ายที่มิยากิ ผมก็กดจองตั๋วเครื่องบินมันตรงนั้นล่ะครับ

รู้ตัวอีกที สัปดาห์ต่อมาผมก็ยืนอยู่ที่ฮ่องกง (อาศัยเกาะวีนอนโรงแรมฟรี) นอกจากงาน Cyclothon แล้ว ตอนบ่ายก็มีงานแข่ง Hammer Series ของโปร ซึ่งมีโปรดังๆ หลายคนมาแข่งด้วย

ด้วยอานิสงส์จาก Boxmatch ทำให้พวกเราได้ไปนั่งดูแข่งในส่วนของ VIP และผมก็ได้เจอคนใส่เสื้อ GCN หรือ Global Cycling Network ช่อง YouTube จักรยานยอดฮิต ด้วยความที่เป็นแฟน เลยเข้าไปทักว่า เราคือ Ducking Tiger จากไทยนะ ชอบช่องคุณมาก และบางที วีก็ช่วยทำซับไตเติ้ลให้รายการด้วย

คนที่ผมเจอคือฝ่ายบริหารของ GCN ซึ่งเธอก็ดีใจที่ได้เจอพวกเรา และบอกว่ากำลังขยายตลาดมาทางเอเชีย และกำลังจะเริ่ม GCN Japan ได้ยินเท่านั้นก็หูผึ่งสิครับ ผมเองก็เลยยื่นนามบัตรและบอกว่า กำลังจะย้ายไปอยู่ญี่ปุ่นนะ มีอะไรให้ช่วยก็บอกได้ ส่วนวีก็บังเอิญไปเจอเจ้าของ GCN ที่หน้าห้องน้ำในห้างแห่งหนึ่งย่านจิมซาจุ่ยเย็นวันนั้น ได้แลกนามบัตรกับเขาอีก ต่างคนต่างบังเอิญ มาคุยกันตอนกลางคืนก็ได้แต่ร้องว่า “อ้าว ผมก็ไปเจอมาเหมือนกัน” (จินตนาการมีมสไปเดอร์แมนชี้หน้ากัน)

นั่นคือการได้พบกับทาง GCN ครั้งแรกของผม จากนั้นผมก็ทำธุระปะปังต่างๆ จนได้ย้ายไปอยู่ที่ญี่ปุ่น ตรงกับที่ช่วงนั้นคูนก็ไปเรียนต่อที่ฮอลแลนด์  ส่วนวีก็ไปเรียนต่อปริญญาเอกที่ญี่ปุ่น กลายเป็นว่า Ducking Tiger เป็นเสือแตกถ้ำ อยู่นอกประเทศไทยกันหมด

พอผมมาอยู่ญี่ปุ่น ทีมงาน GCN ก็เมลมาคุยกับผมเรื่องการเปิด GCN Japan ถามหลายๆ เรื่อง ผมก็แนะนำไปเท่าที่ได้ จนช่องเปิดตัวจริงๆ ผมก็ยังส่งเมลไปแสดงความยินดี

จนวันหนึ่ง ทาง GCN ก็เมลกลับมา ถามว่า ผมสนใจจะทำงานกับทาง GCN ในฐานะ Territory Manager รึเปล่า

ก็เล่นเอาอึ้งสิครับ ใครจะไปนึกว่าจะถูกชวน ผมก็ตอบไปตามตรงว่าสน และผ่านการคุยวิดีโอคอลหลายครั้ง รวมถึงได้เจอทีมงานญี่ปุ่นจริงๆ จังๆ สุดท้าย ผมก็ได้ตำแหน่งนี้ ซึ่งจะเริ่มงานกลางเดือนกันยายนนี่เอง

แต่น่าเสียดายว่า หลังจากคุยกับ GCN แล้ว แม้จะมีความสัมพันธ์อันดีกับ Ducking Tiger มาโดยตลอด แต่ด้วยความที่เป็นสื่อจักรยานเหมือนกัน ทำให้ผมไม่สามารถเขียนงานให้ Ducking Tiger ได้อีกต่อไป เพราะถือเป็น Conflict of Interest และเราก็ไม่รู้ว่าอนาคตจะมีอะไรมากขึ้นไปอีกไหม เลยกลายเป็นที่มาว่าทำไมผมถึงได้เขียนบทลาอย่างเป็นการนี่ล่ะครับ

แม้ผมจะจากหน้าเว็บ Ducking Tiger ไปอย่างน่าเสียดาย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามิตรภาพของพวกเราจะเปลี่ยนไปแต่อย่างใด เพราะมันคนละส่วนกันครับ

ทุกวันนี้ผมยังรู้สึกอยู่เสมอว่า Ducking Tiger ได้เปิดโอกาสให้ผมได้เจอผู้คนที่น่าทึ่งหลายต่อหลายคน ได้มิตรสหายหน้าใหม่มากมาย และเปิดโลกของตัวเองให้กว้างขึ้นไปอีก รวมไปถึงการได้โอกาสเข้ามาทำงานในวงการสื่อจักรยาน จนสุดท้ายก็กลายมาเป็นงานประจำของผมที่ญี่ปุ่นไป เรียกได้ว่า Ducking Tiger และจักรยานพาผมมาได้ไกลกว่าที่จินตนาการไว้มาก

ทุกอย่าง มันเริ่มจากการตัดสินใจ ตอบทวีตในวันนั้น

ขอบคุณคูนและวี กับโอกาสและมิตรภาพที่ดีเสมอมา (ซึ่งเขียนแค่ไหนก็คงไม่เพียงพอ) และนักเขียน Ducking Tiger ท่านอื่นๆ ที่แต่ละคนก็มีความรักจักรยานไม่แพ้กัน และมิตรภาพจากทุกคนในวงการที่ได้เจอ ซึ่งผมคงไล่รายชื่อตรงนี้ไม่หมด และที่สำคัญคือ ท่านผู้อ่านที่คอยติดตาม Ducking Tiger มาโดยตลอด

วันนี้ผมได้ออกเดินทางเพื่อไปผจญภัยที่อื่น แต่ในใจผมจะมีบ้านที่ชื่อว่า Ducking Tiger อยู่เสมอ

อ่านผลงานที่ผ่านมาของ Nut Kun ใน Ducking Tiger ที่ ลิงก์นี้

หรือที่แฟนเพจ Nut Kun และเว็บไซต์ http://nutkun.me/

* * *

By ณัฐพงศ์ ไชยวานิชย์ผล

นัท - สุดยอดแฟนพันธุ์แท้ประเทศญี่ปุ่น ชอบปั่นจักรยาน ฟังเพลง อ่านหนังสือ และเขียนเกี่ยวกับสิ่งที่ชอบ มีผลงานหนังสือกับสำนักพิมพ์แซลมอนมา 3 เล่มแล้วจ้า