พรีวิว: 2014 Paris-Nice

Paris-Nice (พารี-นีซ) ((การออกเสียงชื่อสนามแข่งต้องออกด้วยสำเนียงของประเทศต้นกำเนิด กรณีนี้ – ฝรั่งเศส)) สนามแข่งสเตจเรซระดับ World Tour หรือดิวิชัน 1 สนามที่สองประจำปีนี้ เป็นหนึ่งในสนามแข่งที่ทรงเกียรติอายุกว่า 71 ปี และเป็นหนึ่งในสนามที่บรรดาโปรขับเคี่ยวกันได้ดุเดือดที่สุดในช่วงต้นปีครับ นั่นก็เพราะมันเป็นสนามที่เหล่าสิงห์คลาสสิคจะใช้เค้นฟอร์มรอบสุดท้ายก่อนจะออกประเดิมกันในซีรีย์คลาสสิคอย่าง Tour of Flanders และ Paris-Roubaix ในเดือนหน้า ส่วนบรรดาตัวเต็ง GC ก็จะใช้เป็นที่วัดฟอร์มให้พร้อมลงแข่ง Giro d’Italia และ Tour de France นอกจากนี้ยังเป็นสเตจเรซรายการแรกของปีที่เราจะได้เจอสเตจภูเขากันแบบจริงจัง ไม่ใช่ทางเรียบบแบนเหมือนในสนามตะวันออกกลาง หรือ “เนิน” สั้นๆ ในออสเตรเลีย

เส้นทาง Paris-Nice ปีนี้ 8 วัน 8 สเตจ
เส้นทาง Paris-Nice ปีนี้ 8 วัน 8 สเตจ

ด้วยตัวเต็งระดับ 5 ดาวอย่าง Vincenzo Nibali (Astana), Philippe Gilbert (BMC), Sylvain Chavanel (IAM), Carlos Betancur (AG2R), Rui Costa แชมป์โลก (Lampre) และ Tejay Vangarderen (BMC) สนามนี้จึงไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง แถมบ้านเรามีถ่ายทอดสดทุกวันอีกด้วย

 

เส้นทาง

ในปีนี้ผู้จัดแข่ง ASO เขาล้มกระดาน โละทุกอย่างที่เป็นตัวกำหนดอัตลักษณ์ของสนามนี้ตัดทิ้งแม้กระทั่งสเตจ Time Trial ขึ้นเขา Col d’Eze ที่เป็นไฮไลท์ของรายการ เปลี่ยนมาจัดโปรไฟล์และเส้นทางใหม่ทั้งหมด โดยรวมแล้วปีนี้ไม่มีทั้ง time trial และสเตจที่มีเส้นชัยบนยอดเขา แต่มี time bonus ให้ top 10 ของทุกสเตจ หมายความว่าตัวเต็งต้องออกบู๊กันทุกครั้งที่มีโอกาส จะรอให้ไปชิงกันบนเขาอย่างแต่ก่อนไม่ได้ ทำให้สนามแข่งน่าจะมีพลวัตรขับเคี่ยวน่าลุ้นกว่าเดิมครับ แข่งกันทั้งหมด 8 วันมีทั้งเส้นทางแบบโรลลิง เขาชัน และสเตจทางราบสำหรับผู้เชี่ยวชาญทุกรูปแบบ

 

ตัวเต็ง

1. Vincenzo Nibali (Astana) ★★★★½

Nibali

หนึ่งในนักปั่นสาย GC ที่รอบด้านและแข็งแกร่งที่สุดใน peloton ขณะนี้ ด้วยสไตล์การปั่นเน้นโจมตี ไม่รอ ไม่หมก และไม่ตามใคร แถมยังลงเขาได้อย่างรวดเร็วทำให้เป็นคู่แข่งที่ต่อกรได้ยากที่สุดคนนึง ปกติ Nibali จะเลือกไปแข่ง Tierran-Adriatico แทนสนามนี้ (วันแข่งชนกัน) แต่ปีนี้ Nibali มีแผนจะลงแข่ง Milan-Sanremo ด้วย ลง Paris-Nice ก็จะเหลือเวลาพักมากกว่า Nibali มาพร้อมกับทีมที่แกร่งใช้ได้ มีลูกมืออย่าง Lieuwe Westra, Enrico Gasparotto และ Jacob Fulsang ก็น่าจะช่วยให้คุมเกมของทีมอื่นได้ระดับหนึ่ง ตอนนี้เรายังไม่รู้ว่าฟอร์ม Nibali เป็นอย่างไรบ้าง ใน Tour of Oman ทีผ่่านมาก็ได้อันดับ 12 ต้องรอดูกันว่าเขาจะฟอร์มร้อนแรงเหมือนใน Tierran ที่เขาคว้าแชมป์ปีก่อนหรือเปล่า

2. Rui Costa (Lampre-Merida) ★★★½

Costa

ผู้เชี่ยวชาญสนามสเตจเรซแบบอาทิตย์เดียวจบ ปีนี้ Costa ขึ้นมาเป็นระดับหัวหน้าทีมพร้อมกับความกดดันในฐานะแชมป์โลกเสือหมอบคนปัจจุบัน Costa ต้องการที่จะพิสูจน์ตัวเองในฐานะผู้นำทีมในรายการระดับแกรนด์ทัวร์และสนาม Pairs-Nice ก็น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นทีดีครับ DT ไม่คิดว่าเขาจะคว้าแชมป์รายการได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องสเตจวินนั้นไม่น่าจะยากเกินความสามารถ เป็นอีกหนึ่งคนที่เรายังไม่รู้ฟอร์มในฤดูกาลนี้ แต่อาทิตย์ก่อนก็ได้อันดับ 3 ใน Volta ao Algarve คู่แข่งไม่ควรเผลอ

3. Geraint Thomas (Sky) ★★★

Thomas

สำหรับทีม Sky มีการเปลี่ยนแผนครั้งใหญ่ก่อนวันแข่งไม่กี่วัน เพราะว่า Ritchie Porte แชมป์เก่าที่ตั้งใจจะลงแข่งรายการนี้โดนโยกตัวให้ไปลง Tierran-Adriatico แทน Chris Froome (บาดเจ็บที่หลัง) ทำให้ตำแหน่งหัวหน้าทีมตกไปอยู่กับ Geraint Thomas แทน Geraint หรือ “G” มีฐานการปั่นมาจากสนามลู่แต่พัฒนามาเป็นนักปั่นแบบ all-rounder ฝีมือดีคนหนึ่งของทีมครับ ดูจากหน่วยก้านคู่แข่งแล้วน่าจะไม่ง่ายเท่าไร แต่ Sky ส่งลูกมือระดับ A Team ทั้ง Vasil Kiryienka, Edvald Boassan Hagen, Xabier Zandio และ David Lopez – ทีม Tour de France ของปีที่แล้วมาทั้งหมด ก็น่าจะช่วยให้พอมีลุ้นได้ระดับหนึ่ง

4. Carlos Betancur (AG2R) ★★★

Vuelta Betancur

ดาวดังสายไต่เขาชาวโคลอมเบียที่เดบิวต์ผลงานด้วยแชมป์เยาวชนใน Giro ปีที่แล้ว เส้นทางเหมาะกับ Betancur ใช้ได้ และอาทิตย์ก่อนเขาก็พึ่งจะคว้าแชมป์รายการ Valenced Drome Classic มาด้วย ฟอร์มน่ากำลังจะขึ้นครับ น่าจับตาดูในสเตจภูเขา

5. Tejay Van Garderen (BMC) ★★★★

tejay

ตัวเต็งคนสำคัญของรายการนี้และเป็นคนที่ควรจะทำผลงานให้ได้ดีที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้เพราะเป็นโอกาสในการพิสูจน์ตัวเองว่าแกร่งพอจะนำทัพ BMC ใน Tour de France Tejay เปิดฤดูกาลได้ดีด้วยอันดับ 2 ใน Tour of Oman แต่ปัญหาของ Tejay คือขาดแรงปลายสปรินต์ไม่ได้ ซึ่งอาจจะจำเป็นเวลาที่ต้องดวลกับ GC คนอื่นที่หน้าเส้นชัยในกรณีที่หนีหลุดไปด้วยกันได้ อย่างไรก็ดี BMC เป็นอีกทีมที่เอาตัวโหดมาลงทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น Thor Hushovd, Taylor Phinney, Steve Cummings แชมป์ Tour Med คนล่าสุด และ Greg Van Avermaet สเตจวินไม่น่าจะยากเกินความสามารถของทีมนี้ครับ

 

ม้ามืด

เนื่องจากที่ Paris-Nice เป็นรายการใหญ่ แทบทุกทีมก็เอานักปั่นที่มีลุ้นมาลงหมด นอกจากคนที่ DT ดูข้างต้นแล้วก็มีอีกหลายคนที่น่าจะมีลุ้น Belkin มี Wilco Kelderman และ Lars Petter Nodhaugh สองคู่หูสายไต่เขา FDJ มี Arthur Vichot แชมป์เสือหมอบฝรั่งเศส ส่วน IAM ก็มี Sylvain Chavanel นักปั่นสายโจมตีที่ฟอร์มไม่เคยตก

OPQS ไม่มีตัวเต็ง GC แต่ส่งทีมคลาสสิคมาทั้งหมด Boonen, Terpstra, Steegmans, Stybar, Vandenbergh, Bakelants ที่น่าลุ้นคงเป็นสเตจวินหรือการสปรินต์จาก Boonen และ Gianni Meersman

Chavanel - ม้ามืดจาก IAM ที่เชี่ยวชาญสนามแข่งหนึ่งอาทิตย์เป็นพิเศษ
Chavanel – ม้ามืดจาก IAM ที่เชี่ยวชาญสนามแข่งหนึ่งอาทิตย์เป็นพิเศษ

Europcar เองมี Thomas Voekler, Jerome Cousin และ Cyril Gautier ที่พอมีลุ้น Garmin มี Tom Jelte-Slagter แชมป์ Tour Down Under ปี 2012 ส่วน Trek ส่งพี่น้อง Schleck มานำทีมซึ่งเรายังไม่รู้ฟอร์มของทั้งคู่ และ GreenEdge มี Simon Gerrans ที่ค่อนข้างเชี่ยวชาญเส้นทางแบบนี้

 

สปรินเตอร์

ทีมที่ไม่ได้มีนักปั่น GC เด็ดๆ มักจะมีสปรินเตอร์เป็นตัวชูโรงแทนครับ
Giant-Shimano: John Degenkolb + Koen de Kort ★★★★
FDJ: Nacer Bouhani ★★★★
GreenEdge: Matt Goss + Michale Matthews ★★★★
Garmin: Steel Von Hoff ★★★
Europcar: Bryan Coquard ★★★
OPQS: Tom Boonen + Gianni Meersman ★★★★
Sky: Edvald Boassan Hagen ★★★
ม้ามืด: Moreno Hoffland (Belkin)

John Degenkolb สปรินเตอร์ฝีเท้าดีจาก Giant-Shimano เชี่ยวชาญการสปรินต์ขึ้นเนินเป็นพิเศษ
John Degenkolb สปรินเตอร์ฝีเท้าดีจาก Giant-Shimano เชี่ยวชาญการสปรินต์ขึ้นเนินเป็นพิเศษ

โดยรวมแล้วคนที่มีลุ้นสุดคงเป็น John Degenkolb, Bouhani และ Matt Goss อย่างไม่ต้องสงสัย แต่สปรินเตอร์ตัวรองอย่าง Von Hoff, Meersman, และ Michale Matthews ก็น่าจับตามองไม่แพ้กัน ถึงแม้ Griepel, Kittel และ Cavendish จะไม่มาแต่สเตจสปรินต์ก็น่าจะสนุกไม่น้อย

 

วิเคราะห์เส้นทาง stage-by-stage

สเตจ 1: ดูจากโปรไฟล์คร่าวๆ แล้วเหมือนจะเป็นสเตจสำหรับสปรินเตอร์ แต่ก็มีเนินให้ปีนกันบ้างเล็กน้อย ความยากอยู่ที่ช่วงปลายสเตจซึ่งมีโค้งหักประมาณ​4 โค้ง แต่ 1.2 กิโลสุดท้ายที่เป็นทางตรงทั้งหมดคงทำให้เราได้เห็น drag race ระหว่างขาแรงกันครับ
สเตจ 1: ดูจากโปรไฟล์คร่าวๆ แล้วเหมือนจะเป็นสเตจสำหรับสปรินเตอร์ แต่ก็มีเนินให้ปีนกันบ้างเล็กน้อย ความยากอยู่ที่ช่วงปลายสเตจซึ่งมีโค้งหักประมาณ​4 โค้ง แต่ 1.2 กิโลสุดท้ายที่เป็นทางตรงทั้งหมดคงทำให้เราได้เห็น drag race ระหว่างขาแรงกันครับ
สเตจ 2: อีกหนึ่งสเตจสำหรับสปรินเตอร์ แต่ 2 โลสุดท้ายเป็นเนินชันประมาณ​ 2-3% น่าจะเหมาะกับ Degenkolb หรือ Goss ที่ระเบิดขึ้นเนินซึมๆ ได้ดีกว่าคนอื่น
สเตจ 2: อีกหนึ่งสเตจสำหรับสปรินเตอร์ แต่ 2 โลสุดท้ายเป็นเนินชันประมาณ​ 2-3% น่าจะเหมาะกับ Degenkolb หรือ Goss ที่ระเบิดขึ้นเนินซึมๆ ได้ดีกว่าคนอื่น
สเตจ 3: เหมือนจะเป็นสเตจสปรินต์ แต่ช่วงสุดท้ายยากสุดๆ ด้วยโค้งหักศอก 90 องศา หกโค้งต่อกันและยูเทิร์น 180 องศาอีกหนึ่งครั้ง เพราะฉะนั้นถ้าหลุดกลุ่มหน้ารับรองว่าหมดสิทธิยกหน้าเส้นครับ และเบรคอเวย์ก็อาจจะมีลุ้นด้วยเช่นกัน
สเตจ 3: เหมือนจะเป็นสเตจสปรินต์ แต่ช่วงสุดท้ายยากสุดๆ ด้วยโค้งหักศอก 90 องศา หกโค้งต่อกันและยูเทิร์น 180 องศาอีกหนึ่งครั้ง เพราะฉะนั้นถ้าหลุดกลุ่มหน้ารับรองว่าหมดสิทธิยกหน้าเส้นครับ และเบรคอเวย์ก็อาจจะมีลุ้นด้วยเช่นกัน
สเตจ 4: สเตจเขาสเตจแรกของรายการ  เป็นเขาระดับ Cat 3 เสียส่วนมาก แต่ก็ชันใช่เล่นโดยเฉพาะลูกสุดท้าย Cote du Mont Brouilly ที่ชันกว่า 25% ในบางช่วง! เหมาะกับพวกระเบิดเนินอย่าง Betancur และ Nibali หรือ Costa ครับ วันนี้น่าจะได้ผลอันดับ GC ที่ชัดเจนเป็นครั้งแรก
สเตจ 4: สเตจเขาสเตจแรกของรายการ เป็นเขาระดับ Cat 3 เสียส่วนมาก แต่ก็ชันใช่เล่นโดยเฉพาะลูกสุดท้าย Cote du Mont Brouilly ที่ชันกว่า 25% ในบางช่วง! เหมาะกับพวกระเบิดเนินอย่าง Betancur และ Nibali หรือ Costa ครับ วันนี้น่าจะได้ผลอันดับ GC ที่ชัดเจนเป็นครั้งแรก
สเตจ 5: สวรรค์นักเบรคอเวย์ด้วยเส้นทางขึ้นๆ ลงๆ และทางลงเขาก่อนถึงเส้นชัย ทำให้นึกถึง Chavanel และ Costa ขึ้นมาทันที เขาชนะสเตจลักษณะนี้หลายต่อหลายครั้ง
สเตจ 5: สวรรค์นักเบรคอเวย์ด้วยเส้นทางขึ้นๆ ลงๆ และทางลงเขาก่อนถึงเส้นชัย ทำให้นึกถึง Chavanel และ Costa ขึ้นมาทันที เขาชนะสเตจลักษณะนี้หลายต่อหลายครั้ง
สเตจ 6: สเตจสำคัญสำหรับตัวเต็ง GC เพราะเป็นสเตจเขาโหดๆ อีกแล้ว ลูกสุดท้าย Cat 1 ชัน 5.9% เฉลี่ย 8.2 กิโลเมตร จบด้วยเนินสุดท้ายที่เส้นชัยชันกว่า 7.5% น
สเตจ 6: สเตจสำคัญสำหรับตัวเต็ง GC เพราะเป็นสเตจเขาโหดๆ อีกแล้ว ลูกสุดท้าย Cat 1 ชัน 5.9% เฉลี่ย 8.2 กิโลเมตร จบด้วยเนินสุดท้ายที่เส้นชัยชันกว่า 7.5% น
สเตจ 7: อีกหนึ่งโอกาสสำหรรับศิลปินนักหลบหนี มีเขาคั่นสเตจถึง 5 ลูก ถ้าเลือกจังหวะยกได้ดีและร่วมกันทำงานกับสมาชิกชาวเบรคอเวย์ก็มีสิทธิลุ้นครับ ตัวเต็ง GC น่าจะเก็บแรงไว้สเตจสุดท้าย
สเตจ 7: อีกหนึ่งโอกาสสำหรรับศิลปินนักหลบหนี มีเขาคั่นสเตจถึง 5 ลูก ถ้าเลือกจังหวะยกได้ดีและร่วมกันทำงานกับสมาชิกชาวเบรคอเวย์ก็มีสิทธิลุ้นครับ ตัวเต็ง GC น่าจะเก็บแรงไว้สเตจสุดท้าย
สเตจ 8: สเตจสุดท้ายที่จะชิงเวลาจากคู่แข่งด้วยภูเขาถึง 5 ลูกที่มีแต่ระดับ Cat 1 และ 2 เท่านั้น ลูกสุดท้ายคือไฮไลท์ของงาน Col d'Eze ยาว 4.3km ชัน 6.7% จบด้วยเส้นทางลงเขาที่โหดใช่ย่อยครับ
สเตจ 8: สเตจสุดท้ายที่จะชิงเวลาจากคู่แข่งด้วยภูเขาถึง 5 ลูกที่มีแต่ระดับ Cat 1 และ 2 เท่านั้น ลูกสุดท้ายคือไฮไลท์ของงาน Col d’Eze ยาว 4.3km ชัน 6.7% จบด้วยเส้นทางลงเขาที่โหดใช่ย่อยครับ

 

ถ่ายทอดสด 9-16 มีนาคม

รายการนี้ถ่ายทอดผ่านทางช่อง Eurosport 3 สเตจแรก ส่วน 5 สเตจหลังจะเป็นเทปในวันเดียวกัน (แบ่งเวลาไปถ่ายสด Tierrano-Adriatico) เวลาและลิงก์ถ่ายทอดสดตามนี้

ลิงก์ถ่ายทอดสด www.procyclinglive.com/livestream/

[columns_row width=”half”]

[column]
Stage 1: 21:30
Stage 2: 20:45
Stage 3: 20:45
Stage 4: 22:15
[/column]
[column]
Stage 5: 22:15
Stage 6: 22:15
Stage 7: 22:15
Stage 8: 22:00
[/column]

[/columns_row]

By เทียนไท สังขพันธานนท์

คูน คือผู้ก่อตั้งดั๊กกิ้งไทเกอร์ และอยากใช้เว็บไซต์นี้ช่วยให้คนไทยอยากขี่จักรยานกันเยอะๆ!

1 comment

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *