ถ้าใครติดตามข่าววงการโปรเสือหมอบสักหน่อยจะรู้ว่า Alessandro Petacchi เสือเฒ่าสปรินเตอร์วัย 39 เขาประกาจอำลาวงการแบบฉับพลัน ขอรีไทร์จากทีม Lampre ทันที (“with immediate effect”) ซึ่งทาง Ducking Tiger ก็รายงานข่าวนี้ไปแล้ว แต่ในสองสามวันที่ผ่านมามีข่าวออกมาว่า Petacchi ไม่ได้รีไทร์ “เพื่อไปอยู่กับครอบครัว” อย่างที่เขาอ้าง แท้จริงแล้วเตรียมดอดไปอยู่กับ OPQS เพื่อช่วยเป็น leadout ให้ Mark Cavendish เรื่องมันเป็นยังไง ไปดูกัน [vc_row el_position=”first”] [vc_column] [vc_column_text el_position=”first last”]
โปรย้ายทีม – เรื่องชวนปวดหัว
ข่าวที่ว่า Petacchi จะย้ายไปอยู่กับทีม Omega Pharma-Quickstep นั้นเริ่มมาจากหนังสือพิมพ์กีฬาอิตาเลียนชื่อดัง La Gazetta dello Sport รายงานเมื่อไม่กี่วันมานี้ครับ ว่า Petacchi เตรียมการเข้าอยู่กับทีม OPQS เรียบร้อย ถึงขั้นที่ว่าช่างเทคนิคเขาเตรียมรถ Specialized ให้สรรพเสร็จ ซึ่งในที่สุดทาง Omega Pharma ก็ออกมายืนยันว่าเขาสนใจที่จะเซ็นต์สัญญากับ Petacchi จริง ตามทีี่รายงานในเว็บ Cyclingnews
“We’d be interested in signing Petacchi but it’s not clear if he can join our team. We held some explorative talks but they went no further,” Alessandro Tegner, the Omega Pharma-Quick Step press officer, told Cyclingnews.
ทำไม OPQS ถึงอยากได้ Petacchi ? อันดับแรก สำหรับคนที่ไม่รู้จัก Petacchi แกคือ Mark Cavendish ในช่วงสิบปีที่แล้วครับ เป็นสปรินเตอร์ที่แรงที่สุด ก่อนจะมี Sagan, Griepel, Cavendish ครองเสื้อเจ้าความเร็วจากทุกแกรนด์ทัวร์มาแล้ว และชนะ Milan-Sanremo รายการคลาสสิคสำหรับสปรินเตอร์ ตอนนี้ก็ยังแรงอยู่ แต่ไม่มีแรงปลายเท้าสู้เด็กๆ ไม่ได้ ความเจ๋งคือแกเลือกไลน์สปรินต์ได้เทพมากๆ เพราะประสบการณ์เยอะ แหวกกลุ่มเข้าตำแหน่งได้ ซึ่งมีประโยชน์มากถ้าจะมาเป็น leadout man ให้ Mark Cavendish ช่วยส่งเจ๊ เส้นชัยได้ง่ายๆ ในขณะเดียวกัน OPQS ก็ค่อนข้างไม่พอใจกับ lead out train ในทีม เพราะประสบการณ์นำขบวนสปรินต์ของลูกทีมยังน้อยและช่วยเจ๊ ไม่ค่อยได้ครับ
กฏเจ้าปัญหา
ปัญหามีอยู่ว่าสิ่งที่ Petacchi ทำ มันไม่ค่อยน่าอภิรมย์เท่าไร การที่บอกมาออกว่าขอเลิกปั่นแขวนคลีตเพื่อกลับไปอยู่กับครอบครัว แต่อีกอาทิตย์ถัดไปดันจะกลับไปอยู่กับทีมที่ทุนหนากว่า ทีม Lampre ต้นสังกัดเก่าคงไม่พอใจมากๆ ครับ เพราะเหมือนกับว่าโดนหักหน้า เสียสปรินเตอร์ประจำทีมไปดื้อๆ และ Petacchi เองก็เหมือนกำลังพยายามใช้ช่องโหว่ของกฏ UCI ย้ายไปอยู่กับทีมที่น่าจะให้ค่าตัวเยอะกว่า
กฏของสหพันธ์จักรยานนานาชาติ UCI นั้นมีอยู่ว่า ห้ามไม่ให้โปรย้ายทีมจนกว่าจะถึงช่วง “transfer period” หรือช่วงที่อนุญาติให้มีการเซ็นต์สัญญาซื้อขายตัวนักกีฬาได้ เวลานั้นคือหลังวันที่ 1 สิงหาคมของทุกปี
Rule 2.15.120 “A UCI ProTeam or licence applicant may only recruit riders during the transfer period. For the purposes of this article «recruit» shall be deemed to mean concluding a contract with a rider to ride for the UCI ProTeam or licence applicant’s team.”
แต่ในขณะเดียวกัน Petacchi ไม่ได้ทำผิดกฏอะไร เพราะ กฏข้อ 2.15.121 บอกว่านักกีฬาที่ไม่มีสัญญา (ลาออกแล้ว หรือไม่ได้สังกัดทีมใดๆ อยู่) สามารถเซ็นต์สัญญากับทีมใหม่ได้ตลอดเวลา ไม่จำกัดเฉพาะช่วงย้ายทีม
Riders ‘with no contractual links to a team may be recruited outside the applicable transfer period.”
แต่ปัญหาคืออะไรครับ? ถ้านักปั่นและทีมใหญ่ทำแบบนี้ได้ มันจะเป็นการส่งเสริมให้ทีมทุนหนาอื่นๆ ดอดไปกระซิบบอกนักกีฬาจากทีมคู่แข่งที่ตนสนใจให้ลาออกแล้วมาอยู่กับเรา อาจจะเสนอค่าตัวให้มากกว่าหรืออะไรก็ตาม ซึ่งเป็นเรื่องไม่ดีเพราะจะทำให้ทีมที่ถูกฉกตัวนักแข่งไปต้องเสียศูนย์ ต้องปรับกลยุทธ์การแข่งใหม่ ไหนจะเสียค่าฝึกซ้อมและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ใช้ไปกับนักกีฬาคนนั้นโดยไม่ได้คืนมาสักบาท ทีมเล็กๆ ที่ไม่มีทุนซื้อนักกีฬาตัวเอ้จะเสียเปรียบมากๆ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงมีกฏให้ซื้อขายตัวนักกีฬาได้แค่หลังเดือนสิงหา ซึ่งเป็นช่วงท้ายฤดูกาล หมดการแข่งสนามใหญ่ๆ ไปแล้วครับ
ล่าสุด Cyclingnews รายงานว่า UCI ไม่อนุญาติให้ Petacchi เซ็นต์สัญญากับ OPQS อย่างน้อยก็ในตอนนี้ เพราะมันเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ถ้าอนุญาติเคสนี้ ทีมอื่นๆ ต้องเอาอย่างแน่ๆ ถึงจะเป็นช่องโหว่ในกฏ แต่นักปั่นทุกคนที่จะเปลี่ยนทีม หรือเซ็นต์สัญญากับทีมใหม่ต้องได้รับการคอนเฟิร์มจาก UCI ก่อนครับ ซึ่งผมว่าเป็นการตัดสินใจที่ดีครับ เป็นการแสดงตัวอย่างให้เห็นว่าถึงแม้กฏจะมีช่องโหว่ แต่โดยพฤตินัยแล้วเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม
ในทางกลับกัน ถ้าไม่มองโลกในแง่ร้ายจนเกินไป Petacchi เองอาจจะไม่ได้มีเจตนาไม่ดีก็ได้ OPQS อาจจะเห็นว่า Petacchi รีไทร์พอดี เลยเข้าไปทาบทาม (ฝ่าย PR ของ OPQS บอกอย่างงั้น) และ Petacchi เองก็เห็นว่าอาจจะยังพอแข่งต่อได้ ไม่ต้องเครียดคอยเก็บชัยชนะในฐานะสปรินเตอร์ แต่ไปทำหน้าที่สอนรุ่นน้องสปรินต์…น่าจะมีประโยชน์กว่า ก็เป็นได้
อย่างไรก็ดี ผมไม่ค่อยจะเชื่อครับ เพราะว่า การที่เสือเฒ่าแกมาบอกว่าขอ รีไทร์ แบบ “ทันที” และที่สำคัญเป็นการรีไทร์ก่อนแข่ง Giro และ TDF ด้วย มันค่อนข้างเห็นเจตนาว่าอาจจะลาออกก่อนเพื่อเข้าไปเตรียมลากให้ Cavendish ใน Giro เลยหรือเปล่า?
สรุป
เห็นได้ชัดว่าการย้ายซื้อขายตัวนักปั่นในวงการโปรเสือหมอบยังมีข้อจำกัดอยู่ค่อนข้างเยอะต่างกับกีฬาดังอย่างเบสบอลและฟุตบอลครับ แต่ผมว่ามันเป็นระบบที่ยังใช้ได้ดีระดับหนึ่งเพราะการล๊อคตัวนักปั่นไว้เกือบตลอดทั้งปี อย่างน้อยก็ช่วยให้ทีมวางแผนการแข่งขันได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องพะวงว่าจะเสียนักกีฬาคนไหนไปหรือเปล่า และทีมเล็กๆ ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนฉกนักกีฬาไปครับ ไว้พอหมดฤดูกาลช่วงปลายปีค่อยมาเจรจากันอีกที อย่างไรก็ดี มันยังมีข้อจำกัดตรงที่ว่า ถ้าบางทีมไม่ต้องการนักกีฬาอาจจะเพราะเจอจับโด้้ป บาดเจ็บ หรือไม่โชว์ผลงาน อยากจะซื้อขายแลกเปลี่ยน ตรงนี้มันยังไม่มีกฏรองรับ ต้องรอช่วง transfer period อย่างเดียว และนักปั่นเองก็อาจจะไม่พอใจกับระบบหรือสภาพแวดลอมของทีมนั้นๆ ก็เป็นได้ บล๊อกเกอร์วงการโปรเสือหมอบอย่าง inrng เสนอว่า ในความเป็นจริงแล้ว UCI อาจจะอนุญาติให้ทีมกับนักกีฬาเจรจาซื้อขายระหว่างฤดูกาลได้ ถ้าทั้งสองฝ่ายเห็นชอบตรงกัน พร้อมจ่ายค่าธรรมเนียม หรือค่าใช้จ่ายส่วนต่างระหว่างฤดูกาล แฟร์ทั้งคู่ ทีมหนึ่งได้นักปั่นใหม่ อีกทีมก็อาจจะอยากเปลี่ยนเอาคนอื่นมาแข่งแทนอยู่แล้ว น่าจะเป็นอีกทางออกที่ดีครับ
[/vc_column_text] [/vc_column] [/vc_row] [vc_row el_position=”last”] [vc_column] [vc_button title=”News source: Cyclingnews” href=”http://www.cyclingnews.com/” color=”btn-success” size=”wpb_regularsize” icon=”none” target=”_self” el_position=”first”] [vc_separator el_position=”last”] [/vc_column] [/vc_row]