ถึงจะไม่ใช่ตัวเต็งอันดับหนึ่งของรายการ แต่ปีเตอร์ ซากาน (Bora-Hansgrohe) ก็พิสูจน์ตัวเองอีกครั้งว่าเขาคือหนึ่งในนักปั่นที่เยี่ยมยอดที่สุดในยุคนี้ด้วยการคว้าแชมป์สนามคลาสสิค Paris-Roubaix ประจำปี 2018 ได้สำเร็จ
ซากานออกโจมตีกลุ่มตัวเต็งที่ 53 กิโลเมตรสุดท้าย แล้วเร่งความเร็วขึ้นไปทันกลุ่มเบรคอเวย์ ซึ่งช่วงสุดท้ายเหลือเพียงซิลเวน ดิลิเย่ (AG2R) ที่หลุดไปด้วยกัน แต่สุดท้ายแชมป์โลกปิดเกมในเวโลโดรม ออกสปรินต์แซงดิลิเย่ คว้าแชมป์ระดับ Monument ได้เป็นรายการที่สองต่อจาก Tour of Flanders ที่เขาเคยชนะในปี 2016
แชมป์ Tour of Flanders คนล่าสุด นิกี้ เทิร์ปสตร้า (Quickstep Floors) ตามเข้าเส้นชัยมาเป็นอันดับสาม ตามหลังคู่ซากานและดิลิเย่ +57 วินาที ซึ่งน่าผิดหวังสำหรับทีม Quickstep ที่พลาดแชมป์ Roubaix ติดต่อกันเป็นปีที่ 4 ถึงแม้ฤดูกาลนี้จะกวาดแชมป์สนามคลาสสิคได้เกือบครบทุกรายการ
เทิร์ปสตร้ากระชากหนีออกมาจากกลุ่มไล่ ซึงข้างหลังเหลือเพียงเกร็ก แวน เอเวอร์มาร์ท (BMC) ที่ชิงสปรินต์แซงแยสเปอร์ สตอยเว็น (Trek-Segafredo) และ เซป ฟานมาร์ค (EF Education First Drapac เพื่อคว้าอันดับสี่ ขณะเดียวกัน เทย์เลอร์ ฟินนิย์ อดีตแชมป์ Roubaix เยาวชนจบเกมได้ด้วยผลงานระดับ Top 10 คว้าอันดับ 8
ด้วยชัยชนะครั้งนี้ ซากานเป็นนักปั่นชาวสโลวาเกียคนแรกที่ได้แชมป์ Paris-Roubaix และเป็นแชมป์โลกคนแรกในรอบ 37 ปีที่ใส่เสื้อสีรุ้งชนะสนาม Roubaix (ต่อจากเบอร์นาร์ด อินอลท์ ชาวฝรั่งเศสที่ทำได้ในปี 1981 – 9 ปีก่อนซากานจะเกิด)
ผลการแข่งขัน
วิดีโอไฮไลท์
ไม่ใช่แค่แรงดีหนีกลุ่มจนชนะ ซากานยังเป็นช่างจักรยานฝีมือดีด้วย จะทำยังไงเมื่อคอสเต็มคุณหลวมที่ 30 กิโลเมตรสุดท้าย โดยที่คุณนำกลุ่มอยู่ด้วยความเร็ว 40-50 กิโลเมตรต่อชั่วโมงบนถึนนหินสะเทือนๆ? ซากานเลือกไม่จอดเปลี่ยนรถ แต่ขอประแจช่างมาซ่อมเอง!
ตบท้ายด้วยวิดีโอไฮไลท์แบบ onboard camera จาก Velon พาเข้าไปชมสถานการณ์การแข่งขันกันแบบถึงเนื้อถึงตัวครับ
นักปั่นคิดยังไง?
คงไม่ต้องวิเคราะห์การแข่งขันอะไรกันมากมายในสนามนี้เพราะมันชัดเจนมากว่าซากานแกร่งกว่าคู่แข่งคนอื่นๆ ทั้งหมด นอกจากจะหนีไปจับเบรคอเวย์ที่ห่างออกไป 30 วินาทีได้แล้ว เมื่อจับแล้วยังทิ้งระยะห่างเพิ่มจนบางช่วงห่างกลุ่มไล่ถึงนาทีกว่า แล้วรักษาระยะนี้ไปได้จนถึงเส้นชัยอีก จากบทสัมภาษณ์ของตัวเต็งและแชมป์รายการ เขาวิเคราะห์เกมออกมาได้ชัดเจนครบถ้วนดี ลองอ่านดูสิ่งที่เขาคิดและพูดกันครับ
ซากาน – “ผมอยากจะหนีไปคนเดียว”
“ผมฝันมาตลอดตั้งแต่เป็นเด็กว่าอยากได้แชมป์ Paris-Roubaix สักครั้ง แต่ถ้าใครถามผมว่าจะแลกแชมป์โลกกับแชมป์ Roubaix หรือ Flanders ไหม ผมไม่ยอมแลกครับ แล้วตอนนี้ที่ผมชนะครบทั้งสามรายการมันก็สุดยอดมาก”
“คนอื่นเริ่มโจมตีกันหลายครั้ง แล้วก็หยุด แล้วก็ยิงแล้วก็หยุด ผมคิดว่าถ้าเรายังทำแบบนี้ต่อไป ไม่มีใครเหลือแรงหนีแน่ๆ ผมอยากจะหนีไปคนเดียว เลยตัดสินใจว่าต้องไปตอนนี้แหละ แล้วมันก็เป็นการตัดสินใจที่ดี ตอนจบมันเป็นลมส่งตลอดครับ ช่วยได้เยอะ”
“ถ้ามีคนตามหลังผม 5-6 คนส่วนมากมักจะไม่ช่วยกันไล่นะ ผมชอบที่จะหนีไปคนเดียวด้วยเทมโปนิ่งๆ แล้วพวกเขาก็ต้องขี่ให้เร็วกว่าผมเพื่อมาจับผมทัน ถ้าเขามาจับผมทันผมก็โอเคนะ ยังสปรินต์ได้ ถ้าไม่ทันก็ยิ่งดี! สุดท้ายข้างหลังสู้กันเยอะไปหน่อย มันทอนแรงพวกเขาเอง”
“ปีนี้ผมโชคดีมากที่ไม่ล้ม ไม่เจ็บ ไม่มีปัญหาอะไรๆ เลยเหมือนปีก่อน”
“ช่วงสุดท้ายผมถามดิลิเย่ว่าจะไปด้วยกันไหม เขาบอกว่าจะช่วยผมขึ้นลาก ผมลากมากกว่าในช่วงถนนหิน ผมทิ้งเขาไม่หลุดครับ แต่ก็ยังปิดเกมได้ด้วยการสปรินต์”
เทิร์ปสตร้า – “ซากานแข็งแกร่งเกินไป”
“แน่นอน ผมไม่พอใจหรอกที่ได้ที่สาม จากที่เพิ่งชนะ Flanders มาสัปดาห์ก่อน แต่ถ้าคุณดูการแข่งขันจริงๆ วันนี้ซากานเขาแกร่งเกินทุกคนครับ”
“เราโจมตีกลุ่มกันหลายครั้งในช่วงกลางเกม แต่เราไม่มีคนไล่ตามปีเตอร์ตอนที่เขาออกหนี การโจมตีของเขาทั้งเด็ดขาดและทรงพลัง ถ้าคุณโจมตีแบบนั้นคุณไม่ได้คิดอย่างเดียวนะ ขาต้องแรงจริงด้วย”
“จริงๆ กลุ่มไล่เราทำงานด้วยกันดีนะ แน่นอนว่าทีมอื่นคาดหวังให้ Quickstep ไล่ ผมก็ไม่ได้แคร์หรอกเพราะผมรู้ว่าถ้าผมไม่ทำงานเราจะไม่มีทางจับปีเตอร์ทัน แต่เขาปั่นเร็วมาก มันยากมากที่จะปิดระยะห่าง เขาแข็งแกร่งเกินไป”
“สนามนี้ยาว 260 กิโลเมตรและมันเป็นไปไม่ได้หรอกที่คุณจะมีสมาชิกทีมอยู่หน้ากลุ่มตลอดเวลา เราอยู่หน้ากลุ่มในช่วงต้นแต่บางจังหวะอย่างตอนซากานหนีไปมันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะคุมเกมได้ 100%”
“ก่อนหน้าซากานมีคนโจมตีหลายคนทั้งจิลแบร์ สตีบาร์ และแวนเอเวอร์มาร์ท แต่ซากานจังหวะดีสุดครับ เป็นจังหวะที่ถูกต้อง”
ดิลิเย่ – “ผมไม่คิดว่าผมจะติดทีม Roubaix ด้วยซ้ำ”
ก่อนหน้านี้หลายคนคงไม่รู้จักซิลเวน ดิลิเย่ แชมป์เสือหมอบสวิสจากทีม AG2R ซึ่งไม่น่าแปลกใจเพราะนักปั่นวัย 27 ปีคนนี้ มีผลงานใสสนามลู่มากกว่าในเกมถนน ผลงานที่ดีที่สุดของเขาคือแชมป์สเตจ Giro d’Italia เมื่อปีที่แล้วระหว่างที่อยู่กับ BMC แต่การคว้าแชมป์สนามคลาสสิคเป็นฝันของเขาตลอดมา สิ่งที่ทำให้อันดับสองของเขาน่าทึ่งไม่ใช่เพราะความแกร่งที่ตามซากานได้ตลอดทางพร้อมช่วยขึ้นนำ แต่เพราะปีนี้เขาได้ลงแข่งน้อยมากด้วยอาการบาดเจ็บ และเกือบจะไม่ติดทีม Roubaix ของ AG2R ด้วยซ้ำ
“ผมเพิ่งออกจากค่ายซ้อม 7 วันในสเปน ผมซ้อมมา 41 ชั่วโมง ก่อนหน้านี้ลงแข่ง Strade Bianche แค่รายการเดียว ซึ่งผมล้มเจ็บนิ้วหัก อยู่ก็มีโทรศัพท์จากทีมบอกว่า บินไปฝรั่งเศส แล้วเตรียมช่วยโอลิเวอร์ เนเซ็นใน Paris-Roubaix…แต่ผมโคตรดีใจที่ได้มา”
“ผมได้แรงบันดาลใจจากแมธ เฮย์แมน (อดีตแชมป์ Roubaix 2016) นะ เขาแขนหักห้าสัปดาห์ก่อนแข่ง Roubaix แต่เขาก็ยังเก็บตัวให้ฟิตพอจนมาลงแข่งและชนะได้…ผมเข้าถึงเวโลโดรมเป็นคนแรก ผมอยู่ขอบนอกตลอดเวลา ผมสปรินต์ในจังหวะที่ปีเตอร์อยากสปรินต์ด้วย แต่เขาก็เร็วกว่าผมมาก มันยากที่จะแซงครับ”
“ปีเตอร์ ซากานนี่เหมือนทั้งเทวดาและปีศาจในคนเดียวกันครับ เหมือนเทวดาเพราะเราผลัดกันทำงานตลอด แต่เหมือนปีศาจเพราะคุณรู้ว่ามันยากที่จะสปรินต์ชนะเขาแบบตัวต่อตัว”
“ผมดีใจที่อย่างน้อยผมพาตัวเองไปอยู่ในจุดที่มีโอกาสได้แชมป์ เสียใจที่ไม่ชนะ แต่ผมก็รู้ว่าแพ้ให้กับนักปั่นที่ยอดเยี่ยมที่สุดในยุคนี้ เพราะงั้นก็ช่วยลดความเสียใจได้บ้างอยู่นะ!”
แวน เอเวอร์มาร์ท – “ผมไม่เสียใจ”
“ผมว่าซากานต้องฟอร์มดีมากๆ เลยวันนี้ เพราะเขาคิดหนีไปตั้งแต่ยังห่างเส้นชัยมาก เราห้าหกคนไล่ตามเขาแบบสุดชีวิตแต่เราไล่ปิดระยะห่างไม่ได้เลย มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าใกล้กว่านั้น หลังเซคเตอร์ Carrefour de l’Arbe ที่ระยะห่างมันลดลง ผมนึกว่าเราพอจะไล่ทัน แต่ถึงตรงนั้นทุกคนก็หมดแรงแล้ว แล้วก็เริ่มโจมตีกันเอง ทำให้การไล่ยากขึ้นไปอีก”
“ผมพอใจกับผลงานนะ คุณอาจจะคิดว่าผมรู้สึกพลาดกับฤดูกาลนี้ที่ไม่ชนะเหมือนปีก่อน แต่มันไม่ใช่ครับ ถึงไม่ชนะแต่ผมอยู่ในกลุ่มหน้าในทุกสนามที่ลงแข่ง ผมอยู่ในกลุ่มที่ตัวเต็งเดินเกมชนะ ผมรู้ว่ามันยากที่จะทำให้ได้เหมือนปีที่แล้วอีกครั้งครับ”
Extra Note: ไมเคิล กูแลท์เสียชีวิตระหว่างแข่งขัน
มีเรื่องน่าเศร้าเกิดขึ้นระหว่างการแข่งขัน Paris-Roubaix ปีนี้เมื่อไมเคิล กูลแท์ นักปั่นชาวเบลเยียมวัย 23 ปีจากทีม Verands Willems-Crelan เพื่อนร่วมทีมของเวาท์ แวน อาร์ท จักรยานล้มระหว่างแข่งและหัวใจหยุดเต้น จนถูกส่งไปโรงพยาบาลกะทันหัน แต่แพทย์ก็ช่วยชีวิตไว้ไม่ได้ เสียชีวิตในโรงพยาบาลในที่สุด
