ในบทสัมภาษณ์ล่าสุดกับ Cyclingnews ประธานบริษัท Pinarello – ฟาอุสโต้ พินาเรลโลกล่าวถึงเทรนด์ดิสก์เบรคในจักรยานแข่งขัน พูดได้น่าสนใจทีเดียวครับ เพราะเขาดูจะยังไม่เชื่อในดิสก์เบรคเท่าไรนัก ถึงแม้จักรยาน Pinarello F8 ของบริษัทจะมีรุ่นดิสก์เบรคก็ตาม
“แบรนด์ใหญ่ๆ พยายามผลักดันจักรยานดิสก์เบรคให้มันเต็มตลาดเพราะเขาอยากให้มันขายได้มากๆ แต่เราไม่เชื่อแบบนั้น ผมว่าจักรยานแข่งขันประสิทธิภาพสูงไม่จำเป็นต้องมีดิสก์เบรคครับ ในอนาคตมันอาจจะใช่ แต่คงไม่ใช่ด้วยระบบเบรคแบบที่เราใช้กันอยู่ ผมไม่รู้หรอกว่ามันจะเป็นแบบไหน”
“ผมว่าคนที่ต้องใช้ดิสก์เบรคคือคนที่น้ำหนักตัวมาก หรือกลัวการลงเขา ดิสก์เบรคจะช่วยพวกเขาได้ แต่มืออาชีพไม่ต้องการหรอก ทีม Sky เรามีนักปั่น 30 คน ถ้าทั้งทีมมาหาผมแล้วบอกว่าทำรถมีดิสก์เบรคให้หน่อย ผมก็คงทำ แต่ก็ไม่มีใครเรียกร้องแบบนั้น ถ้าฝนตก เขาก็ปั่นช้าลงนิดนึง”
“จักรยานเราแพงกว่าคู่แข่ง แต่เราเชื่อว่าเราให้อะไรมากกว่าเช่นกัน เราทำจักรยานที่ดีที่สุดในตลาด แล้วลูกค้าเราก็ชอบจักรยานเรานะ เรารู้ว่าจักรยานเราขายต่อได้ราคาดี เป็นการลงทุนที่ดี ผมเช็คดูราคา Pinarello มือสองในอีเบย์ ก็ยังราคาดีกว่าคู่แข่ง ผมว่าเราคุ้มทุกคนทั้ง Pinarello, ทีม Sky, ดีลเลอร์ ผู้นำเข้า และลูกค้าเรา”
“ผมเห็นคู่แข่งเราไม่พัฒนาเฟรมใหม่ๆ เลยเป็นเวลา 4-5 ปี แต่เราอัปเดตจักรยานถี่กว่านั้น ซึ่งมันทำให้หลายคนไม่พอใจ แต่เราก็พยายามหาสิ่งใหม่ๆ ใส่ลงไปในจักรยานของเรา ลูกค้าเราชอบ เขาชอบเปลี่ยนจักรยานใหม่”
“ทีม Sky ก็เช่นกัน ผมคิดว่าเราคงทำงานกับเขาไปอีก 3-4 ปี เขาอยู่กับเราเพราะร่วมกันเราสร้างจักรยานที่ไมาธรรมดา กับทีม Sky เราหลอกเขาไม่ได้ครับ เขารู้ว่าอะไรดีอะไรไม่ดี เขารู้ว่าจักรยานที่ไม่ดีเป็นยังไง ซึ่งถ้าเราทำจักรยานให้ทีมพอใจได้ ลูกค้าเราก็น่าจะชอบด้วย”
“เราตั้งใจให้จักรยานเราพร้อมจำหน่าย ตอนที่เราเปิดตัวให้ทีมใช้ทันที ไม่อยากให้คนต้องรอ 3-4 เดือน ถ้าเราเห็นของใหม่เราก็อยากได้เลยใช่ไหมหละครับ? เราทำแบบนั้นกับ F8 และ F10 เราก็มีของพร้อมจำหน่ายเลย เราได้กรุ๊ปเซ็ต Dura Ace ใหม่ก่อนใคร ก่อนโปรทีมหลายๆ ทีมด้วย เพราะเราเป็นลูกค้า Shimano รายใหญ่ที่สุดในโลก และสำหรับ SRAM ETAP ด้วยครับ”
“ผมว่าเป็นเรื่องดีที่มีกลุ่มทุนเข้ามาสนับสนุนวงการจักรยาน (เขากล่าวถึงที่บริษัท L Catterton ในเครือ LVMH เข้ามาซื้อหุ้น Pinarello) ผมอยากจะเติบโตมากกว่านี้โดยที่ไม่ขายจิตวิญญาณให้นายทุน มันอาจจะง่ายกว่าที่ผมจะขายบริษัททิ้งแล้วก็ไปพักผ่อนสบายๆ ตลอดชีวิต แต่ผมไม่อยากทำอย่างนั้น ผมยังอยากทำงานนี้ไปอีก 10-15 ปี จักรยานนี้มีชื่อครอบครัวผมแปะอยู่ ผมอยากให้ชื่อของผมอยู่บนจักรยานที่ดีที่สุดในโลกในอีก 100 ปีต่อจากนี้ครับ”
Via: Cyclingnews