“Everybody think they can win San Remo, it’s only ever a champion who actually does it.” – Oscar Freire, 3 times Milan-San Remo winner
วันเวลา: อาทิตย์ 23 มีนาคม 20:00-23:00
ช่องทางรับชม: www.duckingtiger.com/live DT บรรยายสดทั้งรายการ
สำหรับแฟนๆ การแข่งจักรยานระดับฮาร์ดคอร์นั้น มีคำพูดที่ว่า “ฤดูกาลแข่งยังไม่เริ่มถ้าเรายังไม่ได้ชม Milan-San Remo” จะพูดอย่างนั้นก็ไม่แปลกครับ เพราะสนามนี้คือสนามระดับ Classic Monument หรือ 1 ใน 5 สนามแข่งที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในแต่ละปี ด้วยอายุอานามกว่า 104 ปีกับระยะทางการแข่งที่ยาวที่สุดในรอบปีที่ 294 กิโลเมตร และบัญชีผู้ชนะที่มีชื่อตำนานนักปั่นอย่าง Eddy Merckx, Erik Zabel, และ Fausto Coppi ประทับอยู่ สนามนี้คือความใฝ่ฝันของนักปั่นทุกคนเลยก็ว่าได้ การคว้าแชมป์สนามคลาสสิคนั้นสามารถเปลี่ยนชีวิตคุณได้เลยทีเดียว
Milan-San Remo: สนามคลาสสิคที่นักปั่นทุกคนมีโอกาสคว้าแชมป์?สนามที่ทุกคนมีโอกาส…จริงหรือ?
ขอเน้นที่คำว่า “ความใฝ่ฝันของนักปั่นทุกคน” ครับ เพราะเอกลักษณ์ของ Milan-San Remo ก็คือความเปิดกว้างของมันที่ให้โอกาสตั้งแต่สปรินเตอร์ยันนักไต่เขาไปจนถึงผู้เชี่ยวชาญ Time Trial ความยากคือเส้นทางที่ค่อนข้างยาวเกือบ 300 กิโลเมตร มีภูเขาตัดกำลังในช่วงกลางและช่วงสุดท้าย ไม่ชันมาก แต่ก็พอจะทอนคนกำลังในช่วงที่การแข่งเข้มข้นถึงจุดสูงสุด นักไต่เขาและสิงห์คลาสสิคสามารถอาศัยจังหวะเนินชันหลบหนีไปจนถึงเส้นชันอย่างที่ Fabian Cancellara แอบหนีเดี่ยวจนได้แชมป์ในปี 2008 แต่ถ้าทีมสปรินเตอร์สามารถไล่จับได้ทันก็อาจจะจบด้วยการสปรินต์กลุ่มเหมือนในปี 2009 ถ้าดูจากอดีตรายชื่อผู้ชนะก็อาจจะคิดว่าสนามนี้ค่อนข้างเอื้อให้สปรินเตอร์ (จนมีชื่อเล่นว่า “Sprinter Classic”) เพราะดูจากผู้ชนะส่วนใหญ่เป็นสปรินเตอร์กันเกือบหมด Erik Zabel คว้าแชมป์ถึง 4 สมัย ในขณะที่ Oscar Friere เก็บไป 3 สมัย แม้แต่ Mario Cippolini สุดเก๋าเกรียนก็ยังเคยได้แชมป์
เส้นทาง

ถึงแม้เส้นทาง San Remo จะยาวเกือบ 300 กิโลเมตร – ยากสำหรับนักแข่ง แต่สำหรับผู้ชมแล้วเปิดมาดูแค่ 40 กิโลเมตรสุดท้ายก็เรียกว่าแทบจะไม่พลาดอะไรเลย เพราะไฮไลท์จริงๆ มันอยู่ที่เนิน 3 ลูกสุดท้ายในช่วงปลายการแข่งครับ ด้วยเหตุนี้ผู้จัดแข่งเขาเลยพยายามจะเพิ่มเนินชันๆ ขึ้นมาอีกลูกในปีนี้ (เพื่อเอาใจนักไต่เขา เช่น Vincenzo Nibali เจ้าถิ่น) เนินที่ว่าคือ Pompeiana (พอมเปญญา) ที่ชันกว่า 13% ยาว 5 กิโลเมตร…
แต่! ดูเหมือนฟ้าฝนจะเข้าข้างเจ้าความเร็วสปรินเตอร์อีกครั้ง เพราะในที่สุดผู้จัดก็ต้องตัดเนินปอมเปญญาออกเพราะจากการที่ฝนตกหนักตลอดในช่วงนี้่ทำให้ทางลงค่อนข้างอันตราย ประกอบกับดินถล่มในบางช่วงทำให้เนินสำคัญอีกลูก Le Maine ก็โดนตัดออกไปอีกเช่นกัน ทำให้ San Remo ปีนี้น่าจะเปิดโอกาสให้สปรินเตอร์ขาแรงกันสุดๆ เลยก็ว่าได้

ดูจากรูปโปรไฟล์แล้วการแข่งขันน่าจะดุเดือดจริงๆ ที่ช่วง 27 กิโลเมตรสุดท้ายบนทางขึ้นเนิน Cipressa (ซิเพรสซา) ยาว 5.6 กิโลเมตร ชันเฉลี่ย 4.1% ไม่ได้ยากมากแต่ก็น่าจะชันพอให้สิงห์คลาสสิคอย่าง Cancellara, Sagan, Giblert เปิดเกมยกหนี peloton สลัดสปรินเตอร์ให้หลุด ยิ่งถ้าฝนตกหนักตามพยากรณ์อากาศเนินลูกนี้จะเป็นจุดหนีที่ดีมากๆ เพราะ peloton ต้องลดความเร็วในจังหวะลงเนินพอสมควร

ลงจาก Cipressa มาเราก็จะเจอเนินชันลูกสุดท้าย Pogio (พอกจิโอ) ความยาว 3.7 กิโลเมตร ชันเฉลี่ย 3.7% เป็นโอกาสสุดท้ายให้นักปั่นที่ไม่ใช่สปรินเตอร์ทำความเร็วหนีคู่แข่ง ความยากของพอกจิโอไม่ใช่ความชันครับ แต่เป็นจังหวะลงเขาที่โค้งเยอะ และถนนไม่ดี มีแหกโค้งให้เห็นกันทุกปี จบลูกนี้ก็เป็นทางตรงดิ่ง 3 กิโลเมตรเข้าเส้นชัยที่เมืองซานเรโม
ตัวเต็ง: มวยยกแรกระหว่าง Cancellara และ Sagan
1. Peter Sagan (Cannondale) ★★★★★
ตั้งแต่ Peter Sagan โด่งดังขึ้นมาในช่วง 2-3 ปีที่แล้ว มิลาน ซานเรโมเรียกได้ว่าเป็นสนามที่เข้าทาง Sagan ที่สุดเลยก็ว่าได้เพราะเป็นสนามที่ Sagan รับมือคู่แข่งได้ทุกรูปแบบ ใครจะยกหนีเขาก็หนีตามได้แล้วไปเชือดสปรินต์ที่หน้าเส้นชัยไม่มีปัญหา (กรณีนี้คนหนีมักจะไม่ใช่สปรินเตอร์ เพราะขาแรงจะรอลุ้นที่การสปรินต์มากกว่าเบรคอเวย์ ทำให้ Sagan เหนือกว่ามาก) หรือถ้าจะเป็นการสปรินต์กลุ่ม สปรินเตอร์แบบเพียวๆ เช่น Cavendish เองก็คงโดนตัดแรงจากเนินสองลูกสุดท้ายที่กลุ่มน่าปีนด้วยความเร็วสูงไปไม่น้อย Sagan ก็ได้เปรียบอยู่ดี ไหนจะทักษะการลงเขาและการบังคับรถท่ามกลางอากาศแย่ๆ ที่เหนือกว่าใครๆ ใน peloton

ในปี 2012 Sagan เป็นนักปั่นที่ฟอร์มดีที่สุดในสนามซาเรโม แต่ก็ต้องปล่อยให้ Vincenzo Nibali หัวหน้าทีมหนีไปตามหน้าที่ Nibali หมดแรงไม่สามารถหนีคู่แข่งได้ในที่สุด แต่ Sagan ถึงจะตามมาในกลุ่มที่ 2 ก็ยังสปรินต์เอาชนะคนอื่นได้ ในปี 2013 Sagan ยกหนีกลุ่มที่เนินพอกจิโอ แต่ดันมี Gerald Ciolek ม้ามืดที่เขาไม่รู้ฟอร์ม สปรินต์ชนะไป Sagan ทำได้เพียงอันดับสอง ในปีนี้ซานเรโมเป็นเป้าหมายแรกของ Sagan จากประสบการณ์ผิดพลาดสองครั้งเขาคงไม่ปล่อยให้เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สาม เป็นตัวเต็งที่มีลุ้นที่สุดคนหนึ่งในวันอาทิตย์นี้ครับ
2. Fabian Cancellara (Trek Factory Racing) ★★★★★
คงไม่ต้องมีคำบรรยายมากกับแชมป์เก่าปี 2008 คนนี้ Cancellara คือหนึ่งในนักปั่นที่ peloton เกรงขามที่สุด เวลาที่เขาเดินเครื่องนี้ มีน้อยคนที่จะไล่ตามได้ทัน หาก Cancellara ต้องเจอ Sagan ในช่วงสุดท้าย เขาเองอาจจะเสียเปรียบเรื่องการสปรินต์ แต่ถ้าแอบบุกหนีไปได้ก่อน Sagan เองก็อาจจะตามไม่ไหวถ้าไม่มีใครช่วยไล่ ปีนี้ฟอร์ม Cancellara อาจจะดูเอือยๆ ช้าๆ แต่จะเป็นคนที่ประมาทไม่ได้ทีเดียวครับ

3. Cavendish, Griepel, Degenkolb
นอกจากสิงห์คลาสสิคแล้ว ตัวเต็งหลักๆ ก็ไม่พ้นสปรินเตอร์ พอ Cavendish (แชมป์ปี 2009) และ Griepel ทราบข่าวว่าผู้จัดแข่งตัดเขาออกไปสองลูกเขาก็เปลี่ยนใจมาลงแข่งทันที จากที่ Cavendish บอกตอนแรกว่าถ้าเจอเขาโหดๆ แบบนี้ก็คงไม่กลับมาแข่งสนามนี้อีกแล้ว ในสนาม Tirreno ที่ผ่านมา Cavendish ดูจะสามารถเกาะกลุ่มใหญ่ในสเตจ 6 ที่ทีม Cannondale ของ Sagan ยกเครื่องทิ้งห่าง Marcel Kittel ได้ พอจะบ่งบอกได้ว่าเขาน่าจะขึ้นเนินได้ไม่ยากนัก ที่สำคัญทีม Omega Pharma-Quickstep ส่งตัวช่วยขาแรงมาทั้งทีมรวมถึง Alessandro Petacchi แชมป์เก่าที่น่าจะช่วยป้องกัน Cavendish และพาลากไปจนุคงเส้นชัยได้ถ้าสภาพอากาศเป็นใจ

Andre Griepel ★★★ เองนั้นเป็นคนที่ปั่นสนามคลาสสิคได้ค่อนข้างดีอยู่แล้ว แต่มักจะแรงตกในช่วงที่สำคัญ ทีม Lotto นั้นฟอร์มใช้ได้แต่น่าจะเสียเปรียบ OPQS อยู่พอสมควร
John Degenkolb ★★★★ (Giant-Shimano) มาลงสนามนี้แทน Marcel Kittel และเป็นเป้าหมายแรกของปี Degenkolb (เดเกนโคลบ์) เป็นสปรินเตอร์ที่ขึ้นเนินได้ดีครับ และปีนี้เขาก็ฟอร์มดีมากคว้าแชมป์สปรินต์ 3 สเตจซ้อนในรายการ Tour Mediteranean และได้แชมป์สเตจใน Paris-Nice รวมๆ แล้ว Degenkolb น่าจะลุ้นขึ้นกว่า Griepel อาจจะแพ้ Cavendish ในการสปรินต์ซึ่งๆ หน้า แต่ถ้ามีปล่อยให้หนีไปได้กับ Sagan หรือ Cancellara นั้นจะเป็นคนที่ปล่อยเผลอไม่ได้เลยทีเดียว
ม้ามืด
ด้วยความที่มันเป็นสนามคลาสสิค แข่งกันวันเดียวจบ การคาดเดาผู้ชนะนั้นอาจจะมีโอกาสผิดมากกว่าถูก เหมือนปีที่แล้วที่ Gerald Ciolek ขโมยซีนสปรินต์แซงทุกคน มันคือสเน่ห์ของสนามคลาสสิคก็ว่าได้ที่ม้ามืดมีโอกาสชนะพอๆ กับตัวเต็งระดับห้าดาว
Lampre-Merida ★★★ ส่ง Sacha Modolo, Filippo Pozatto (แชมป์เก่า), Damiano Cunego, Diego Ulissi มาลุย ทีมนี้รวมๆ แล้วแกร่งทีเดียวครับ มีไพ่ให้เล่นหลายใบ Ulissi เองสปรินต์ได้ ขึ้นเขาได้ ฟอร์มกำลังดี Pozatto ดีกรีแชมป์เก่าเกาะกลุ่มเบรคอเวย์ได้ตลอด ส่วน Modolo เป็นเพียวสปรินเตอร์ที่เคยเอาชนะ Cavendish มาแล้ว
GreenEdge ★★★★ เองก็ไม่ธรรมดา มีแชมป์เก่ามาลงถึงสองคน Matt Goss และ Simon Gerrans แต่เอซของทีมน่าจะเป็นเจ้า Michale Matthews ที่กำลังฟอร์มร้อนแรง เป็นนักปั่นสไตล์คล้ายๆ Gerrans ผสม Goss ขึ้นเนินดีมาก แต่แรงสปรินต์ปลายดีกว่า Gerrans แทคติคทีมนี้เล่นได้คล้ายๆ Lampre ครับ จะปล่อยตัวแรงหนีบนพอกจิโอ หรือจะตั้งขบวนสปรินต์ให้ตัวเต็งคนใดคนหนึ่งที่หน้าเส้นชัยก็ได้

กรณีบเรคอเวย์ช่วงสุดท้าย คนที่ลุ้นขึ้นมี Philippe Gilbert (BMC ★★★★), Vincenzo Nibali (Astana ★★★), Roman Kreuziger (Saxo-Tinkoff ★★★), Alexander Kristoff (Katusha ★★★), Ian Stanard + Edvald Boassan Hagen (Sky ★★★★) และ Gerald Ciolek (MTN ★★★)
พยากรณ์อากาศ
รายการนี้เป็นสนามที่สภาพอากาศมีผลต่อผลการแข่งขันค่อนข้างมาก ดูจากปีที่แล้วได้ครับที่พายุหิมะโหมกระหน่ำจนต้องหยุดแข่งกันชั่วคราว นักปั่นต้องเจอทั้งลูกเห็บ ฝนและลมกรรโชกแรงจนต้องถอนตัวจากการแข่งไปกว่าครึ่ง ส่วนใหญ่แล้วสปรินเตอร์จะไม่ค่อยถูกฉโลกกับอากาศแย่ๆ ตอนนี้พยากรณ์ล่าสุดวันอาทิตย์นี้ที่ซานเรโม คือฝนตกประปราย กระแสลมประมาณ 18 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 14-15 องศา ถ้าไม่นับฝนก็ถือว่าเป็นอากาศที่เหมาะกับการแข่งมากๆ ลมก็ไม่แรงจนเกินไป ค่อนข้างจะช่วยสปรินเตอร์ทีเดียวครับ อย่างไรก็ดีช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิในยุโรปอากาศค่อนข้างแปรปรวน ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจันที่ทั้งนักปั่นและคนดูจะต้องลุ้นกันในวันจริง!
บรรยายสด
รายการนี้ DT บรรยายสด พร้อมห้องแชทและลิงก์วิดีโอออนไลน์ เจอกันเหมือนเดิมที่ www.duckingtiger.com/live ตั้งแต่ 20:00 เป็นต้นไป วันอาทิตย์ที่ 23 มีนาคมนี้
แชมป์เก่า
2013 – Gerald Ciolek (Ger) MTN Qhubeka
2012 – Simon Gerrans (Aus) GreenEdge
2011 – Matt Goss (Aus) HTC-Highroad
2010 – Oscar Freire (Spa) Rabobank
2009 – Mark Cavendish (GBr) Columbia-Highroad
2008 – Fabian Cancellara (Sui) CSC
2007 – Oscar Freire (Spa) Rabobank
2006 – Filippo Pozzato (Ita) QuickStep-Innergetic
2005 – Alessandro Petacchi (Ita) Fassa-Bortolo
2004 – Oscar Freire (Spa) Rabobank
2003 – Paolo Bettini (Ita) QuickStep – Davitamon
รายชื่อทีมและตัวเต็ง
• AG2R La Mondiale (Rinaldo NOCENTINI, Davide APPOLLONIO)
• Androni Giocattoli (Franco PELLIZOTTI, Johnny HOOGERLAND)
• Astana Pro Team (Vincenzo NIBALI, Enrico GASPAROTTO)
• Bardiani CSF (Enrico BATTAGLIN, Sonny COLBRELLI)
• Belkin Pro Cycling Team (Bauke MOLLEMA, Lars Petter NORDHAUG)
• BMC Racing Team (Philippe GILBERT, Taylor PHINNEY)
• Cannondale (Peter SAGAN, Moreno MOSER)
• FDJ.FR (Arnaud DEMARE, Arthur VICHOT)
• Garmin Sharp (David MILLAR, Tom Jelte SLAGTER)
• IAM Cycling (Sylvain CHAVANEL, Heinrich HAUSSLER)
• Lampre – Merida (Filippo POZZATO, Diego ULISSI)
• Lotto Belisol (André GREIPEL, Tony GALLOPIN)
• Movistar Team (José Joaquín ROJAS, Adriano MALORI)
• MTN – Qhubeka (Gerald CIOLEK, Linus GERDEMANN)
• Omega Pharma – Quick-Step (Mark CAVENDISH, Alessandro PETACCHI)
• Orica GreenEdge (Simon GERRANS, Michael MATTHEWS)
• Team Europcar (Yukiya ARASHIRO, Bryan COQUARD)
• Team Giant – Shimano (John DEGENKOLB, Simon GESCHKE)
• Team Katusha (Alexander KRISTOFF, Luca PAOLINI)
• Team NetApp – Endura (Jan BARTA, Cesare BENEDETTI)
• Team Sky (Edvald BOASSON HAGEN, Geraint THOMAS)
• Tinkoff Saxo (Daniele BENNATI, Roman KREUZIGER)
• Trek Factory Racing (Fabian CANCELLARA, Fabio FELLINE)
• UnitedHealthcare Pro Cycling (Alessandro BAZZANA, Martijn MAASKANT)
• Yellow Fluo (Mauro FINETTO, Matteo RABOTTINI)
อ่านพรีวิวยังมันได้ซะขนาดนี้ วันอาทิตย์นี้ไม่พลาดแน่นอนจ้า
เชียร์ ป๋าแคนครับ สไตล์ปั่นแกเชือดแบบเลือดเย็นดี