พรีวิว: Liege-Bastonge-Liege

ปี 2014 พึ่งจะผ่านมาได้แป๊ปเดียวฤดูกาลคลาสสิคสนามแข่งวันเดียวสนุกๆ ก็จะจบลงเสียแล้ว Liege-Bastonge-Liege (ออกเสียง: ลิเอจ-บาสโตง-ลิเอจ) เป็นสนามแข่งวันเดียวที่เก่าแก่ที่สุดในบรรดาสนามแข่งระดับ Monument และก็เป็นสนามที่ที่ยากที่สุดในบรรดารายการอาร์เดนส์คลาสสิคเช่นกัน กับเนินเขาสูงชันมากมายกว่าสิบลูกและระยะทางปีนเขาร่วม 4700 เมตร บนระยะทางร่วม 260 กิโล รายการนี้เหมือนเกิดมาเพื่อนักไต่เขาและสิงห์ GC โดยเฉพาะ ในปีนี้ก็มีขาแรงมาลงกันหลายหน้าทั้ง Vincenzo Nibali, Dan Martin, Philippe Gilbert, Rodriguez และ Chris Froome! มาดูกันว่าวันอาทิตย์ที่ 27 เมษายนนี้ใครจะได้แชมป์ไปครอง

 

ความเป็นมา

สนามนี้เริ่มแข่งครั้งแรกในปี 1892 ถ้านับการแข่งปีนี้ก็ถือว่าจัดมา 100 ครั้งแล้ว Liège-Bastogne-Liège (LBL) จัดขึ้นเพื่อโปรโมทหนังสือพิมพ์กีฬาเช่นเดียวกับการแข่งขันจักรยานสนามอื่นๆ ในสมัยนั้น ในฐานะสนามแข่งคลาสสิควันเดียวที่เก่าแก่ที่ Liège-Bastogne-Liège จึงได้รับสมยานามว่า “La Doyenne” หรือ “The Old Lady” (คุณยาย) Eddy Merckx ถือสถิติแชมป์ 5 สมัย ตามด้วยนักปั่นชาวอิตาเลียน Moreno Argentin 4 สมัย นักปั่นร่วมสมัยอย่าง Alejandro Valverde ที่เข้าแข่งวันนี้ด้วยเคยเป็นแชมป์สองสมัยครับ (2006+2008) ถ้าดูจากรายชื่อผู้ชนะทั้งหมด เราจะเห็นว่ามีพวกตัวเต็ง Grand Tour อย่าง Andy Schleck ด้วย นั่นก็เพราะว่าเส้นทางภูเขาสูงชันในรายการนี้เหมาะกับนักไต่เขาและตัวเต็ง GC เป็นอย่างดี

สนามคลาสสิคปีนี้เราได้เห็นสภาพอากาศหนาวเย็นส่งผลกับการแข่งหลายสนาม ในปี 1980 Liège-Bastogne-Liège ก็เจอพายุหิมะเช่นกัน ตำนานเล่าว่า Bernard Hinaultผู้ชนะในปีนั้นต้องตัดนิ้วทิ้งไปเกือบหมดมือจากอาการ Frosbite ผิวหนังและเนื้อเยื่อถูกทำลายจากอาการเย็นจัด ถึงจะเป็นเรื่องโม้มากกว่าเรื่องจริง แต่บางนิ้วก็ใช้งานไม่ได้อีกเลย

เส้นทาง

Liege_Bastogne_Liege_2014_profile

ดูจากภาพโปรไฟล์แล้วเดาได้เลยว่าโปรเหนื่อยแน่ๆ เพราะเนินเขาเยอะ ชันและระยะทางที่ไกลพอๆ กับ Paris-Roubaix ถึงเขาจะเยอะแต่เกมการแข่งค่อนข้างจะซ้ำเดิมทุกๆ ปีครับ โดยมากทีมจะเริ่มเปิดเกมกันที่ตีนเนิน Côte de la Redoute (ยาว 2 กิโลเมตร ชันเฉลี่ย 8.9%) ที่กิโลเมตร 221 จุดนี้จะเป็นตัวบอกว่าใครมีแรงเหลือมาเกาะกลุ่มตัวเต็งในช่วงสุดท้ายได้บ้าง

จากนั้นกลุ่ม peloton น่าจะกลับมารวมตัวกันอีกครั้งที่เนิน Côte de La Roche-aux-Faucons (ชื่ออ่านยากสักหน่อย) ซึ่งเป็นจุดที่ตัวเต็งอย่าง Vinokurov และ Kolobnev ยิงหนีกลุ่มในปี 2010 เช่นเดียวกับที่ Gilbert ยิงเพื่อคว้าแชมป์ในปี 2011 ถ้ายังไล่มาจับกันได้ก็ต้องไปดวลกันที่หน้าเส้นชัยซึ่งเป็นทางขึ้นเนิน 1.5 กิโลเมตรกับความชันเฉลี่ยราว 5% ถ้าใครจำได้ปีที่แล้ว Rodriguez หนีมาได้คนเดียว แต่ก็โดน Dan Martin ที่มาพร้อมกับ Valverde ไล่จับ แซงหนี และคว้าแชมป์รายการไปได้สำเร็จ เรียกได้ว่ายากตั้งแต่ต้นจนจบรายการเลยทีเดียวเพราะนักปั่นต้องเซฟแรงเก็บไว้ซัดกันตอนท้ายในกรณีที่มีติ่งหนีตามมาด้วย

 

ใครมีลุ้น?

Dan Martin แชมป์เก่าเฉือนเอาชนะ Joaquim Rodriguez ที่กิโลเมตรสุดท้ายในปีที่แล้ว

✮✮✮✮✮ Alejandro Valverde (Movistar) เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา Valverde นั้นฟอร์มดีชัดเจนและอย่าลืมว่าเขาเป็นแชมป์รายการนี้มาสองครั้งแล้วในปี 2006 และ 2008 ถ้าจะชนะอีกรอบก็ไม่แปลกดูจากความใจเย็นและจังหวะโจมตีที่เด็ดขาด สนามอาร์เดนส์ไม่ต่างอะไรกับสวนหลังบ้านของ Valverde ซึ่ง DT คาดว่าอย่างๆ น้อยๆ ปีนี้ต้องมีติดโพเดียม

✮✮✮✮✮ Dan Martin (Garmin-Sharp) แชมป์เก่าปีที่แล้วมากับทีม Garmin เกรด A ที่พร้อมจะช่วยให้ป้องกันแชมป์ใน Fleche Wallonne Dan Martin เริ่มสตาร์ทเนินลูกสุดท้ายที่หลังกลุ่มแต่ในช่วงสำคัญพลิกขึ้นมาเป็นอันดับสองได้อย่างรวดเร็ว ประสบการณ์การแข่งที่มากขึ้นตามอายุกับฟอร์มที่พร้อมลุยก็น่าจะเห็นเขาทำผลงานได้ดีทีเดียว

✮✮✮✮ Philippe Gilbert (BMC) DT ไม่แน่ใจว่าจะเรตฟอร์ม Gilbert ยังไงดี ในมุมหนึ่งก็ถือว่าแรงใช้ได้เก็บแชมป์มาแล้วสองรายการในปีนี้อย่าง Amstel Gold แต่ว่ารายการนี้เขาเยอะกว่าค่อนข้างมาก ถึง Gilbert จะเคยชนะมาแล้วแต่การจะคว้าแชมป์ซ้ำอีกรอบท่ามกลางนักไต่เขาตัวโหดหลายคนก็น่าจะไม่ใช่เรื่องง่ายสักเท่าไร

Nibali อาจจะเงียบๆ ไปบ้างในปีนี้แต่ก็มีลุ้น
Nibali อาจจะเงียบๆ ไปบ้างในปีนี้แต่ก็มีลุ้น

✮✮✮✮ Vincenzo Nibali (Astana) รายการนี้สำคัญมากสำหรับ Astana เพราะทีมเป็นแชมป์มา 2 ครั้งจากการแข่ง 4 ครั้งล่าสุด เขาเคยติดโพเดียมมาก่อนในรายการนี้และปีนี้ก็เป็นเป้าหมายใหญ่ ถึงปีนี้จะฟอร์มเงียบๆ แต่ล่าสุดได้อันดับ 14 ใน Fleche Wallonne ก็พอจะบอกได้ว่าแรงยังดีครับ อาจจะได้เห็น Nibali ยิงหนีเดี่ยวไกลๆ เพื่อลดความเสี่ยงจากการที่ต้องสปรินต์สู้กับขาไวอย่าง Valverde และ Gilbert เชื่อได้ว่าจะเป็นโจกเกอร์ที่น่าติดตามคนนึง

✮✮✮✮ Michal Kwiatkowski (OPQS) สำหรับขาแรงแซงโค้งวัย 23 จากทีมยักษ์ OPQS รายการนี้อาจจะดูเกินกำลังไปนิดนึง แต่เขาก็พิสูจน์ตัวเองมาตลอดทั้งปีว่าแกร่งพอจะต่อกรกับโปรรุ่นพี่ในสนามที่โหดที่สุดทุกรายการทั้งใน Amstel Gold และ Fleche Wallonne ปีที่แล้ว Kwiatkowski หมดแรงตั้งแต่ 40 กิโลเมตรสุดท้าย ต้องดูกันว่าปีนี้จะทำได้ดีกว่าเดิมหรือเปล่า

✮✮✮ Joaquim Rodriguez (Katusha) คนที่อยากจะชนะรายการนี้ที่สุดคงไม่พ้น Purito Rodriguez ที่ได้อันดับสองมาแล้วสองครั้ง และเป็นอันดับสองแบบเฉียดที่น่าเสียดายที่สุด ปีที่แล้วเขาออกโจมตีที่ 1.2 กิโลเมตรหน้าเส้นชัยแต่ก็โดนเจ้า Dan Martin รวบเก็บเอาชนะไปที่ 300 เมตรสุดท้ายเท่านั้น Rodriguez บาดเจ็บใน Fleche Wallonne หวังว่ารายการนี้เขาจะกลับมาฟอร์มดีทำได้ตามเป้าครับ

 

ม้ามืด

Froome ห่างหายไปนานจากการแข่งขัน ลองดูกันว่าฟอร์มแชมป์ตูร์จะเป็นยังไง
Froome ห่างหายไปนานจากการแข่งขัน ลองดูกันว่าฟอร์มแชมป์ตูร์จะเป็นยังไง

นอกจากขาแรงที่กล่าวมาแล้วยังมีม้ามืดหลายคนที่น่าลุ้นครับ ทั้ง Chris Froome (Sky), Rui Costa + Diego Ulissi(Lampre), พี่น้อง Shelck (Trek), Bauke Molemma (Belkin), Carlos Betancur (AG2R) และ Roman Kreuziger (Tinkoff-Saxo) ส่วนตัวผมอยากดูว่า Froome จะทำได้ขนาดไหนเพราะเขาหายหน้าไปนานจากสนามแข่งเหมือนกันจากอาการเจ็บป่วย ช่วงนี้ Sky แผ่วๆ ลงไปและ Froome เองก็ต้องการการแข่งขันเพื่อกระตุ้นฟอร์มสำหรับ Tour de France ครับ

 

ถ่ายทอดสด

รายการนี้ Eurosport ถ่ายทอดสดวันอาทิตย์ที่ 27 เมษายนตั้งแต่ 19:00-22:00 แต่ DT คงไม่ได้บรรยายครับเพราะต้องไปแข่งที่บ้านโป่งราชบุรี น่าจะกลับเย็น แต่ก็เป็นรายการที่ไม่ควรพลาดครับ! ลิงก์ถ่ายทอดสดที่ www.duckingtiger.com/live

By เทียนไท สังขพันธานนท์

คูน คือผู้ก่อตั้งดั๊กกิ้งไทเกอร์ และอยากใช้เว็บไซต์นี้ช่วยให้คนไทยอยากขี่จักรยานกันเยอะๆ!

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *