Giro d’Italia เป็นสนามที่เราได้เห็นดาวรุ่งนักปั่นที่โชว์ฟอร์มเกินความคาดหมายของใครหลายๆ เพราะการทำผลงานดีเยี่ยมจนตกเป็นเป้าสายตาในสนามแข่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกย่อมมีผลต่ออนาคตของม้ามืดพวกนี้ครับ
ปีนี้ก็เช่นกัน ในสเตจ 1 กับการปั่นจับเวลาบุคคลที่เมือง Apeldoorn ที่เนเธอร์แลนด์ เราอาจจะจำได้ว่าทอม ดูโมลาน์ได้แชมป์สเตจ ระยะทาง 9 กิโลเมตร แต่เราอาจจะสังเกตเห็นว่าอันดับสองของสเตจ – พริมอซ โรจ์ลิค นักปั่นชาวสโลวีเนีย วัย 26 ปีจาก LottoNL-Jumbo นั้นทำเวลาช้ากว่าดูโมลาน์แค่ 0.02 วินาทีเท่านั้น (!)
ม้ามืด TT คนใหม่?
การปั่น Time Trial ระยะสั้นไม่ใช่ทักษะที่ฝึกกันง่ายๆ ถ้าทำผลงานดีแค่สเตจเดียวอาจจะไม่ได้น่าสนใจขนาดนั้น แต่เมื่อวานนี้ในสเตจ 9 Time Trial ระยะทาง 40 กิโลเมตรในเมือง Chianti, โรจ์กลิค คอนเฟิร์มฟอร์มการปั่นจับเวลา ด้วยการคว้าแชมป์สเตจ ทำเวลาดีกว่าตัวเต็งระดับเฟเบียน แคนเชอลารา (Trek-Segafredo) และตัวเต็ง GC ชื่อดังทุกคน รวมถึงดูโมลาน์ที่เชี่ยวชาญการปั่นจับเวลากว่าใครๆ
แน่นอนว่าโรจ์กลิคโชคดี ตรงที่เขาได้ลงสนามก่อนที่ฝนจะตกซึ่งทำให้ตัวเต็งที่ปล่อยตัวเป็นอันดับท้ายๆ ต้องปั่นกันอย่างระวัง ทำเวลามากไม่ได้ แต่ถึงกระนั้น เขาก็ทำเวลาได้ดีกว่าอดีตแชมป์ Hour Record – แมทธิอัส แบรนด์ลี (IAM Cycling), แคนเชอลารา (Trek) และแอนเดรย์ อามาดอร์ (Movistar) ซึ่งแต่ละคนขึ้นชื่อเรื่องความเก๋าเกมในสเตจ TT มาแต่ไหนแต่ไร
และผลงานเมื่อคืนนี้ก็เป็นการคอนเฟิร์มว่าอันดับสองในสเตจ TT ครั้งแรกของโรจ์กลิคไม่ใช่ความฟลุ๊ก เขาปั่นจับเวลาได้ดีทั้งระยะสั้นและระยะยาว
แชมป์โลก Ski Jumping?
DT ลองสืบประวัติโรจ์กลิคดูก็พบว่าเป็นนักปั่นที่แปลกทีเดียว เพราะประวัติของเขานั้นไม่ใช่นักปั่นอาชีพตั้งแต่เด็กเหมือนคนอื่นๆ แต่เขาโตมาจากการเป็นนักกีฬาสกีกระโดดไกล (Ski Jumping) และทำได้ดีถึงขนาดที่เป็นแชมป์โลก Ski Jumping ระดับเยาวชนในปี 2007! เพิ่งจะมาเป็นโปรจักรยานได้แค่ 5 ปีเท่านั้น
ถึงจะปั่นมาไม่นานแต่ก็เป็นการเติบโตที่รวดเร็วมาก เขาเริ่มลงแข่งให้ทีม Adria Mobil ในปี 2013 และเริ่มมีผลงานรายการระดับคอนติเนนตัล ไม่ว่าจะเป็นแชมป์สเตจภูเขาใน Coppi e Bartali (รายการชื่อดังในอิตาลี) และ Tour Azerbaijan พร้อมแชมป์รายการ Tour of Slovenia ซึ่งทำให้ไปเตะตาแมวมองทีม LottoNL-Jumbo จนได้เข้ามาอยู่กับทีมเมื่อต้นปี 2016 นี้เท่านั้น ซึ่งตอนนี้ก็ลงแข่ง Giro เป็นครั้งแรก (!!) และมีหน้าที่ปั่นช่วยเหลือสตีเฟน ครอยชิวิค หัวหน้าทีม แต่เจ้าตัวกลับคว้าแชมป์สเตจได้ก่อนตัวเต็งในทีมเสียอีก
ที่น่าประทับใจยิ่งกว่าคือโรจ์กลิคเองมีประสบการณ์การปั่น Time Trial ระดับสูงสุดน้อยมาก เขาไม่เคยแข่งสเตจ TT ที่ไกลกว่า 10 กิโลเมตรมาก่อนในชีวิตทั้งในระดับสมัครเล่นและระดับอาชีพ และในสเตจ 9 เมื่อคืนนี้ ผิดกับตัวเต็งคนอื่นๆ ที่ออกปั่นรีคอนเช็คเส้นทางก่อนแข่งจริง โรจ์กลิคเลือกที่จะนั่งอยู่ในรถเซอร์วิสเพื่อเช็คเส้นทาง เป็นการเตรียมตัวที่จัดว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับตัวเต็งคนอื่นๆ ที่ปั่นจริงเพื่อเช็คว่าแต่ละโค้ง แต่ละช่วงต้องออกแรงยังไงให้ได้เวลาดีที่สุด
จริงๆ แล้วนักปั่นชาวสโลวีเนียมีไม่มากในระดับดิวิชัน 1 แต่โรจ์กลิคก็กลายเป็นชาวสโลวีเนียคนที่สามที่ได้แชมป์สเตจใน Giro ซึ่งในอดีตมีลูคา เมซเกค (Giant-Alpecin) ในปี 2014 และแยน โพแลงค์ (Lampre-Merida) ในปี 2015
ก็น่าสนใจว่าต่อจากนี้เขาจะพัฒนาไปในทิศทางไหน จะกลายเป็นม้ามืด Time Trial คนใหม่ของวงการหรือเปล่า? DT คิดว่าเป็นคนที่น่าสนใจมากครับ เพราะจากประสบการณ์การปั่นและแข่งที่น้อยมากแต่สามารถทำผลงานเทียบกับรุ่นพี่ได้ดีขนาดนี้ น่าจะมีศักยภาพเยอะทีเดียว
Reference: Cyclingnews, Wikipedia
* * *