โปรเสือหมอบ vs มือสมัครเล่นต่างกันอย่างไร?

วันนี้มาดูกันว่าโปรเสือหมอบมีอะไรต่างกับนักปั่นสามัญชนอย่างพวกเราบ้างครับ ไม่ว่าจะเป็นความเร็วเฉลี่ย  – พลังงานที่ใช้ – ระยะทางที่ปั่น – อุปกรณ์ และอื่นๆ อีกมากมาย!

วันนี้ผมได้ข้อมูลน่าสนใจมาจากนิตยสาร Bicycling Magazine ซึ่งเป็นรวมสถิติจากการแข่ง Tour de France ปี 2011 เปรียบเทียบความต่างหลายๆ อย่างระหว่างโปรเสือหมอบกับนักปั่นธรรมดาๆ อย่างพวกเราครับ

 

ความเร็วและพลังที่ใช้ (Watts)

ความเร็วเฉลี่ยบนทางราบ:  27-32 km/h (คนธรรมดา) | 40-45 km/h (โปร)

ความเร็วเฉลี่ยบนทางภูเขา: 14-16 km/h (คนธรรมดา) | 33-40 km/h (โปร)

พลังงานเฉลี่ย: 170-220 watts (คนธรรมดา) | 405-450 watts  (โปร)

ระยะทางที่ปั่นต่อสัปดาห์: 120-200 km (คนธรรมดา) | 700-800 km (โปร)

ในทางขึ้นเขา โปรอาจจะทำความเร็วเฉลี่ยได้กว่า 30-35 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นอยู่กับความชัน

บางครั้งเราดูในทีวีเห็นโปรแข่งกันเหมือนเขาจะไม่ได้ปั่นกันเร็วอะไรมากมาย แต่ใครเคยดูของจริง เลยเป็นนักแข่งก็จะรู้ว่ามันเร็วกว่าที่เราคิด การปั่นเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ใน peloton มีคนช่วยผลัดกันเวียนขึ้นนำบังลมได้ เหนื่อยก็ลงมาพัก การที่เราปั่นอยู่ใน (drafting) กลุ่มนักปั่นแทบไม่ต้องกระทบลมเลย ลมเป็นอุปสรรคที่สำคัญที่สุดในการปั่นจักรยาน มีคนช่วยบังลมซ้ายขวาหน้าหลังทำให้โปรสามารถทำความเร็วได้สูงมากโดยที่ไม่ต้องออกแรกมากจนเกินควร คนธรรมดาส่วนใหญ่เวลาออกไปปั่นก็น่าจะกรุ๊ปละไม่เกินสิบยี่สิบคน

และส่วนใหญ่จำเป็นต้องขี่แถวตอนเรียงเดี่ยวหรือเรียงคู่เพราะไม่ได้ปั่นบนถนนปิดเหมือนโปร จึงค่อนข้างลำบากที่จะทำความเร็วสูงให้ได้ระยะทางไกลๆ ใครที่ชอบดูการแข่งจักรยานน่าจะเคยเห็นบางทีกลุ่มหนี หนีไปได้เป็นสิบยี่สิบนาที แต่ทำไมกลุ่มหลัก (peloton) ตามทัน ก็น่าจะหายข้องใจครับ ขี่กันหลายคน ช่วยกันบังลม ช่วยกันทำความเร็วย่อมไปได้เร็วกกว่ากลุ่มหนีที่มีแค่ สี่ถึงห้าคนแน่นอน

Tyler Farrar ซ้อมสปรินต์ ที่ความเร็วกว่า 78 กิโลเมตรต่อชั่วโมง! ในจังหวะสปรินต์ โปรสามารถออกแรงได้กว่า 1600 watts 

 

อาหาร น้ำ การพักผ่อน

พลังงาน  (Calorie) ที่บริโภคต่อการออกปั่นหนึ่งครั้ง: 200-450 (คนธรรมดา) | 4,000-5000 (โปร)

จำนวนขวดน้ำที่ดื่มในการปั่น 3 ชั่วโมง: 2-3 ขวด (คนธรรมดา) | 4-20 ขวด (โปร)

ชั่วโมงการนอนหลับต่อสัปดาห์​: 40-50 (คนธรรมดา) | 70! (โปร)

ในการแข่ง Tour de France แต่ละเสตจซึ่งระยะทางประมาณ 170-210 กิโลเมตรโดยเฉลี่ย นักปั่นบางคนอาจจะเผาพลาญพลังงานได้มากถึง 8,000 แคลอรี และอาจจะดื่มน้ำ 1-4 ขวดในการปั่นหนึ่งชั่วโมง ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิประเทศครับ ในเรื่องการนอนหลับพักผ่อนนั้น โปรจำเป็นต้องนอนเยอะๆ ในการแข่งยาวๆ อย่าง tour de france เพื่อให้กล้ามเนื้อได้ซ่อมแซมและคลายตัว โดยเฉลี่ยแล้วโปรจำเป็นต้องนอน 2 ชั่วโมงต่อการปั่น 1 ชั่วโมง ส่วนใหญ่จะแข่งวันละประมาณ 5-6 ชั่วโมงครับ

bp4

อุปกรณ์

ราคาเสือหมอบ (ทั้งคัน): 30,000-150,000 (คนธรรมดา) | 250,000-450,000 หรือมากกว่า (โปร)

จำนวนครั้งที่เปลี่ยนโซ่โดยเฉลี่ย: 1-2 ครั้งต่อปี (คนธรรมดา) | 4-5 ครั้งต่อปี (โปร)

ถ้าเทียบกันเรื่องราคาเสือหมอบคงไม่แฟร์เท่าไร เพราะสามัญชนคนธรรมดาต้องซื้อจักรยานด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง ส่วนโปรหนึ่งคนมีจักรยานใช้ประมาณ 4-5 คัน ใช้ซ้อมที่บ้านหนึ่งคัน ที่เหลือใช้แข่ง + รถ Time trial โปรไม่ต้องซื้อจักรยานเองเพราะมีสปอนเซอร์จัดหาอุปกรณ์ให้ ข้อต่างอีกหนึ่งข้อคือเสือหมอบของโปรต้องมีน้ำหนักมากกว่าหรือเท่ากับ 6.8 กิโลกรัม (ตามกฏของ UCI – เพื่อความปลอดภัย) ในขณะที่คนธรรมดาที่ไมไ่ด้แข่งในรายการ UCI สามารถปั่นรถหนักเท่าไรก็ได้ครับ ส่วนใหญ่จะออกไปทางหนักเสียมากกว่า เพราะในบรรดาอุปกรณ์เสือหมอบ ยิ่งน้ำหนักเบาจะยิ่งแพงขึ้นตามลำดับ

 

สรุป

ก็เป็นข้อมูลที่อ่านได้สนุกๆ นะครับ ชีวิตของโปรจักรยานนั้นไม่ได้สนุกอย่างที่หลายๆ คนคิด ผมเชื่อว่าโปรส่วนใหญ่ถ้าไม่รักจะปั่นจริงคงไม่เลือกอาชีพนี้ การแข่งจักรยานเสือหมอบเขาว่ากันว่าเป็นกีฬาที่หนักที่สุดที่สุดในโลก จริงหรือเปล่าไม่รู้ แต่มันต้องใช้กำลังกายและกำลังใจมหาศาล ต้องซ้อมตลอดทั้งปี ไม่เกี่ยงว่าจะอากาศเป็นอย่างไร จะร้อน ฝน เย็น หนาว ต้องออกแข่งถึงเกือบสิบเดือนต่อปี เวลาพักผ่อนส่วนใหญ่คือบนรถทีมและโรงแรม ไม่ได้อยู่บ้านกับลูกกับครอบครัวเหมือนนักกีฬาอื่นๆ เงินรายได้นั้นก็ไมไ่ด้มากมาย ยกเว้นนักปั่นมีชื่อที่ชนะรายการใหญ่ๆ อย่าง Rodriguez, Gilbert, Cavendish เรียกได้ว่าทำงานหรือธุรกิจอย่างอื่นก็อาจจะมีเงินเหลือใช้มากกว่าเป็นโปรจักรยานเสียอีก ไหนจะต้องเสี่ยงบาดเจ็บจากอุบัติเหตความเร็วสูง ถ้าเป็นหัวหน้าทีมก็มีแรงกดดันจากเพื่อนร่วมทีมและสปอนเซอร์ให้ทำผลงานได้ดีสมชื่อและเงินค่าตัว ฟังดูแล้วถ้าไม่รักจริงก็คงไม่เลือกมาเป็นนักปั่นอาชีพ เป็นนักฟุตบอลในลีกดิวิชันสองยังรายได้ดีกว่าเสียอีก

By เทียนไท สังขพันธานนท์

คูน คือผู้ก่อตั้งดั๊กกิ้งไทเกอร์ และอยากใช้เว็บไซต์นี้ช่วยให้คนไทยอยากขี่จักรยานกันเยอะๆ!

7 comments

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *