โปรทัวร์ใน 5 นาที: 14 มีนาคม 2018
เมื่อคืน Tirreno-Adriatico จบแล้ว ทีม Sky นอกจากจะได้แชมป์รายการแล้วยังขึ้นโพเดี้ยมสุดท้ายถึงสองคน แต่กลับเป็นผลการแข่งขันที่ทีมไม่คาดคิด เพราะแชมป์รายการไม่ใช่ตัวเต็งที่ทีมเล็งไว้ตั้งแต่ทีแรก ส่วนคนที่ยืนอันดับสามก็ไม่ใช่หัวหน้าทีมเสียทีเดียว พลิกล็อกกันหลายอย่าง ซึ่งดูจะเป็นเทรนด์ในการแข่งขันสองปีที่ผ่านมานี้ ที่นักปั่นตัวเต็งไม่กี่คนชนะกวาดทุกสนามหมด สะท้อนว่าตัวเต็งจากทีมอื่นๆ หรือเด็กใหม่เริ่มจะมีฝีเท้าเท่าเทียมกันแล้วครับ
Tirreno-Adriatico
แชมป์รายการ: มิฮาล เควียทคอฟสกี้ (Sky)
แชมป์สเตจ 7: โรฮาน เดนนิส (BMC)
เข้าสู่สเตจสุดท้ายเมื่อคืนนี้ แชมป์รายการเป็นตำแหน่งที่ต้องชิงกันด้วยเวลาอันน้อยนิด เมื่อเควียทคอฟสกี้นำเวลารวมแค่สามวินาทีนำหน้าดามิอาโน คารูโซ่ (BMC) แต่เกมก็ไม่ได้จบตามเป้าของทีมอเมริกัน ทำได้เพียงแชมป์สเตจ ซึ่งเป็นผลงานของโรฮาน เดนนิส (BMC) ทำเวลาเร็วที่สุดในระยะทาง 10 กิโลเมตร เร็วกว่าอันดับสอง จอส แวน เอ็ม เด็น (LottoNL) +4 วินาที และเร็วกว่าที่สาม โจนาธาน คาสโตรวิเอโญ่ (Sky) +7 วินาที
ทางฝั่ง GC เควียทคอฟสกี้นอกจากจะรักษาเสื้อผู้นำได้แล้ว ยังจบสเตจยืดเวลารวมนำหน้าคารูโซ่ +21 วินาที เควียทคอฟสกี้จบอันดับ 12 ของสเตจ ช้ากว่าเดนนิสแค่ 20 วินาทีเท่านั้น ที่สำคัญเพื่อนร่วมทีม เกอเรนท์ โทมัส (Sky) ที่อยู่อันดับ 4 ในตารางเวลารวม ปั่นเร็วแซงหน้ามิเคล แลนด้า (Movistar) เลื่อนขึ้นมาเป็นอันดับสาม ทำให้ Sky เก็บโพเดี้ยมสุดท้ายไปถึงสองตำแหน่ง
เควียทคอฟสกี้กล่าว: “Tirreno เป็นสเตจเรซที่ใหญ่ที่สุดที่ผมเคยชนะ แล้วมันก็เป็นรายการที่ยากที่สุดด้วยครับ ผมเชื่อว่าทีม Sky จะสนับสนุนผมได้เต็มที่ในสนาม Milan-San Remo วันเสาร์นี้”
วิดีโอไฮไลท์
ผลการแข่งขัน
4 ข้อสังเกตจาก Tirreno-Adriatico
ทีจ เบนูท (Lotto-Soudal) อาจจะเป็นตัวเต็งสเตจเรซในอนาคต?
เมื่อเปิดดูตารางเวลารวมสุดท้ายแล้วเราจะเห็นว่า คนที่ได้อันดับ 4 overall นั้นไม่ใช่ใคร เป็นทีจ เบนูท แชมป์ Strade Bianche วัย 23 ปี ที่จู่ๆ ก็โผล่ขึ้นมาในตาราง Top 10 เวลารวมทั้งหมดช้ากว่าเควียทคอฟสกี้แค่ 1:06 นาที และช้ากว่าโพเดี้ยมอันดับสาม โทมัสแค่ 34 วินาทีเท่านั้น ขึ้นแซงทั้งมิเคล แลนด้า (Movistar) และริกโอเบอร์โต้ อูราน (EF Drapac)
ถึงเขาจะเคยได้อันดับสองใน Tour of Belgium แต่อันดับ 4 รายการนี้ถือว่าเป็นผลงานสเตจเรซที่ดีที่สุด เบนูทได้ที่สามในสเตจ 3 ซึ่งเป็นเนินชัน และได้ที่ 6 ในสเตจที่เส้นชัยจบบนยอดเขา นอกจากจะไต่เขาได้ดีแล้วยังปั่น Time Trial ได้ดีมากๆ ด้วย ซึ่งเป็นสองสกิลที่จำเป็นสำหรับนักปั่น GC ครับ
เควียทคอฟสกี้ ฟอร์มดี
เช่นเดียวกันกับเบนูท เควียทคอฟสกี้ก็ยังคงเป็นนักปั่นที่รอบด้านเสมอ ทำได้ดีทุกอย่างและแข็งแกร่งพอจะปิดเกม GC ได้ด้วยตัวเองเมื่อโอกาสหลุดรอยมา ต้องบอกว่าเขาลงแข่งรายการนี้ไม่ใช่ในฐานะตัวเต็ง แต่มาเพื่อสร้างฟอร์มลงแข่ง Milan-San Remo แต่เมื่อทั้งฟรูมและโทมัสดวงไม่ดีจักรยานพังจนเสียเวลากันทั้งคู่ เควียทคอฟสกี้ก็ยังปิดงานได้อย่างยอดเยี่ยม ต้องบอกว่า Sky นี่เป็นทีมที่น่าอิจฉาไม่น้อยที่ลงสเตจเรซแต่ละรายการนั้นมีตัวเต็งที่พร้อมคว้าแชมป์ถึง 2-3 คน
คิทเทลเข้าที่แล้ว
ต้นปีนี้เป็นช่วงเวลาที่ไม่ง่ายสำหรับมาร์เซล คิทเทล (Katusha-Alpecin) การย้ายทีมใหม่หมายความว่าต้องปรับจูนกับเพื่อนร่วมทีมและขบวนลีดเอาท์ที่ช่วยเปิดทางให้เขาสปรินต์ใหม่ ซึ่งก็สะท้อนในผลงานการแข่งขันของเขาที่ไม่ชนะรายการไหนๆ เลยในเดือนมกรา-กุมภา
แต่มาสนามนี้ Katusha ดูจะเข้าที่ อย่างที่คิทเทลบอกไว้ล่วงหน้าว่า “ผมไม่รีบ มันแค่เดือนกุมภา” ใน Tirreno คิทเทลคืนฟอร์มการสปรินต์และความมั่นใจ เก็บแชมป์สเตจทางราบได้ทั้งสองสเตจ และลีดเอาท์ของ Katusha ก็ดูทำงานได้ไม่เลวเลย โดยเฉพาะอเล็กซ์ ดาวเซ็ตต์และริค ซาเบล ทีมอาจจะต้องปรับเพิ่มในช่วงกิโลเมตรสุดท้ายที่คิทเทลยังต้องฟรีแลนซ์เกาะล้อทีมอื่นอยู่ แต่ด้วยสกิลของคิทเทลเองก็ดีเกินพอจะการันตีชัยชนะได้เหมือนกัน
ซากาน: “ถ้าผมชนะ San Remo แบบที่เควียทคอฟสกี้ทำ ผมคงไม่ดีใจหรอก”
ยังไม่ทันเริ่มการแข่ง Milan-San Remo สงครามน้ำลายก็เริ่มเสียแล้ว เมื่อนักข่าวสัมภาษณ์ปีเตอร์ ซากานเรื่องที่ว่าใครจะเป็นตัวเต็งใน San Remo เสาร์ที่จะถึงนี้ และเขากล่าวถึงวิธีเอาชนะของเควียทคอฟสกี้ที่ตามประกบล้อเขาแล้วขึ้นสปรินต์ที่จังหวะสุดท้าย
ซากานโจมตีกลุ่มที่เนิน Poggio ที่ 3 กิโลเมตรสุดท้าย มีเควียทคอฟสกี้ (Sky) และอลาฟิลลิป (Quickstep) ที่ไล่ประกบมา แต่ทั้งคู่ไม่ได้ช่วยขึ้นนำ
“ถ้าคุณดูวิธีที่เควียทคอฟสกี้ชนะปีที่แล้ว…ถ้าผมชนะแบบนั้น ผมคงไม่ดีใจ คือทุกคนก็มีวิธีแข่งที่ต่างกันไปนะ ผมชอบโชว์ให้แฟนๆ ดู ไม่สำคัญหรอกว่าจะแพ้หรือชนะ”
“ผมก็ไม่รู้หรอกว่าจะชนะได้ยังไง ผมอาจจะฉลาดกว่าปีที่แล้ว แต่ผมจะตัดสินใจในสนามแข่ง ไม่ใช่ตอนนี้”
ที่มา: Cyclingweekly
เควียทคอฟสกี้ตอบซากาน: “บางทีเราชนะด้วยการฉลาดที่สุด ไม่ใช่แข็งแกร่งที่สุด”
แน่นอนว่าเมื่อซากานตั้งธงมาแบบนั้นแล้ว มีหรือนักข่าวจะไม่ไปถามผู้ถูกกล่าวหา เควียทคอฟสกี้ตอบกลับว่า “ผมรู้ว่ามันเป็นยังไงที่ต้องแข่งเวลาใส่เสื้อสีรุ้ง (เขาเคยเป็นแชมป์โลกในปี 2014) มันคือเกม”
“นักปั่นหลายคนแข่งแบบกดดันเขา สมัยผมผมก็โดนเหมือนกัน มันเป็นเกมการแข่งครับ ก็เหมือนกันนั่นหละ ซากานกำลังเล่นเกมจิตวิทยา คุณไม่ได้ชนะเพราะเร็วที่สุดแกร่งที่สุดเสมอไป คุณต้องปั่นได้ฉลาดที่สุดด้วย”
“ปี 2016 ที่ผมหนีบนเนิน Poggio แล้วโดนรวบก็ไม่เห็นจะมีใครบ่น สุดท้ายมันขึ้นอยู่กับว่าคุณเดินเกมถูกต้องหรือเปล่า”
“ผมว่าตัวเต็งปีนี้ก็คือปีเตอร์นั่นแหละ ผมเห็นฟอร์มเขาในสเตจ 6 ที่เขาไล่กลับเข้ากลุ่มแล้วมาสปรินต์ ฟอร์มแบบนี้ไม่มีทางที่จะไม่พร้อมชนะ ส่วนผมเองอยากแข่งโดยไม่มีแรงกดดัน ผมอยากอยู่ในจังหวะตัดสินอีกครั้ง เหมือนที่ทำได้ตลอดสองปีที่ผ่านมา”
ที่มา: Cyclingweekly
ส่วนใครที่ไม่เก็ตว่าซากานไม่พอใจอะไร ลองดูวิดีโอไฮไลท์ 10 กิโลเมตรสุดท้าย Milan-San Remo ปีที่แล้ว
เวาท์ แวน อาร์ทปั่น 363 วัตต์ตลอด 5 ชั่วโมงใน Strade Bianche
ไม่ใช่โปรทุกคนที่จะเปิดเผยข้อมูลการปั่นของตัวเอง ส่วนใหญ่ก็เพราะเกรงว่าคู่แข่งจะอ่านฟอร์มออกแล้วนำไปหาข้อได้เปรียบในสนามแข่ง แต่ไม่ใช่เวาท์ แวน อาร์ท แชมป์โลกไซโคลครอส เมื่อเขาโพสต์ไฟล์การปั่น Strade Bianche ที่เขาได้อันดับสามใน Strava
ด้วยเส้นทางที่หนาว เปียกและเลอะโคลนตลอด 186 กิโลเมตร และระยะ elevation กว่า 3,536 เมตร Strade Bianche 2018 เป็นหนึ่งในสนามแข่งที่ยากที่สุดในปีนี้อย่างไม่ต้องสงสัย แล้วมันยิ่งสะท้อนชัดในตัวเลข ว่าการจะได้โพเดี้ยมสนามนี้มันยากขนาดไหน
แวน อาร์ทออกโจมตีกลุ่มคู่กับโรเมน บาเดต์ (AG2R) ที่คว้าอันดับสอง ที่ 42.5 กิโลเมตรสุดท้าย แต่โดนทีจ เบนูท (Lotto-Soudal) ชิงหนีไปคว้าแชมป์ ดูจากไฟล์ของแวน อาร์ท เขาปั่นด้วยค่าวัตต์เฉลี่ย (normalized) ที่ 363 วัตต์ ตลอดการแข่งขัน 5 ชั่วโมง 10 นาที และอุณหภูมิเฉลี่ยแค่ 4 องศาเซลเซียส
ไปดูไฟล์ของแวน อาร์ทได้ที่ ลิงก์นี้