โปรทัวร์ใน 5 นาที: 23 กุมภาพันธ์ 2018
อัปเดตวงการวันนี้มีข่าวที่น่าสนใจหลายอย่างครับ นอกจากผลการแข่งขันและวิดีโอไฮไลท์ Abu Dhabi Tour แล้วยังมีโคว้ทเด็ดๆ จากนักปั่นชื่อดัง และข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับยอดขายเสือหมอบดิสก์เบรกด้วย
Abu Dhabi Tour
แชมป์สเตจ 2: เอเลีย วิวิอานี (Quickstep)
ผู้นำเวลารวม: เอเลีย วิวิอานี (Quickstep)
สปรินเตอร์ที่ฟอร์มร้อนแรงที่สุดในต้นปีนี้ดูจะไม่พ้นเอเลีย วิวิอานี (Quickstep Floors) ที่คว้าชัยชนะจากการสปรินต์ต่อเนื่องติดต่อกันมาถึง 5 ครั้ง นับเป็นสปรินเตอร์ที่มีผลงานเยอะที่สุดในโลกตั้งแต่เปิดฤดูกาลมา และเมื่อคืนก็เป็นอีกครั้งที่เขาคว้าชันชนะได้สำเร็จในสนาม Abu Dhabi Tour
วิวิอานีพุ่งแซงแดนนี แวน พ็อพเพล (LottoNL-Jumbo) และพาสคาล แอคเคอร์แมน (Bora-Hansgrohe) พร้อมขึ้นนำเวลารวม
น่าสนใจว่าเด็กใหม่ของ Sky คริสทอฟ ฮาลวอร์เซ็น วัย 21 ปีได้อันดับสี่ เร็วกว่าคาเล็บ ยวน (Mitchelton-Scott) อันดับ 5
ถึงจะได้แชมป์สเตจ แต่วิวิอานีเองก็เกือบไม่ได้ขึ้นสปรินต์แล้ว เมื่อเปโลตองเจอกระแสลมข้างรุนแรงช่วงกลางสเตจ จนกลุ่มเปโลตองแตกระส่ำ ตัวเต็งหลายคนหลุดไปอยู่ด้านหลัง แต่ทีม Quickstep ช่วยพาเขากลับเข้ากลุ่มหน้าได้สำเร็จ
วิวิอานีกล่าวหลังแข่ง “ผมอยากชนะมากครับวันนี้ จากที่แพ้ในสเตจ 1 พอชนะแล้วแบบนี้ก็ไม่มีแรงกดดันแล้ว เราแค่ต้องพยายามอีกครั้งในสเตจพรุ่งนี้ ก่อนที่ปล่อยให้นักปั่น GC เขาออกโรงกันในสเตจ 4 และ 5 (เป็นสเตจ Time Trial และเส้นชัยบนเขา)
น่าสนใสว่าวิวิอานีนั้นเทคโอเวอร์ขบวนลีดเอาท์ของ Quickstep มาแทนที่มาร์เซล คิทเทลได้อย่างสมบูรณ์แบบแทบไม่มีรอยต่อหรือช่วงเวลาปรับตัวกันเลย ในขณะที่คิทเทลนั้นวันนี้ทำได้เพียงอันดับ 81 และยังบอกว่าต้องปรับตัวกับทีมใหม่อีกพอสมควร
กลับกันมันก็สะท้อนว่าลีดเอาท์ของ Quickstep นั้นสมบูรณ์แบบขนาดไหน ขนาดที่ว่านักปั่นใหม่ในทีมสามารถไว้ใจลีดเอาท์ได้ 100% ถึงจะทำงานด้วยกันได้ไม่กี่เดือน
ทอม โบเน็นรับงานใหม่เป็นที่ปรึกษาทีม Lotto-Soudal
ถึงจะอำลาวงการไปแล้วแต่ทอม โบเน็น หนึ่งในนักปั่นที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก ก็ยังไม่จากลาการแข่งขันจักรยาน เมื่อคืนเขาประกาศรับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาและ brand ambassador ให้กับ Captains of Cycling Projects ซึ่งเป็นส่วนระดมทุนของทีม Lotto-Soudal
โบเน็นจะทำหน้าที่สานสัมพันธ์และดึงดูดนักลงทุนต่างๆ ให้เข้ามาสนับสนุนทีมและวงการจักรยานมากขึ้น ขณะเดียวกันเขาก็จะช่วยให้คำปรึกษาทีม Lotto-Soudal ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นทีมคู่แข่งอันดับหนึ่งของ Quickstep เพราะเป็นทีมจากเบลเยียมเหมือนกัน
“ผมคงไม่ได้ไปจี้นักปั่นเป็นรายบุคคลหรอกครับ แต่ผมสามารถแบ่งปันความรู้ความสามารถและประสบการณ์หลายๆ อย่างให้นักปั่นในทีมได้” โบเน็นกล่าว
Sram และ Shimano รายงานว่ายอดขายเสือหมอบดิสก์เบรกสูงกว่าเสือหมอบริมเบรกแล้ว
เสือหมอบดิสก์เบรกขายดีขนาดไหน? มันจะมาแทนเสือหมอบริมเบรกหรือเปล่า? คำถามนี้ Ducking Tiger ได้รับบ่อยมากจากทั้งห้างร้านจักรยานและนักปั่นเองที่อยากรู้ว่าจักรยานคันต่อไปควรจะใช้ระบบห้ามล้อแบบไหนดี? ทาง Cyclingnews ได้ไปสัมภาษณ์บริษัทผู้ผลิตอะไหล่จักรยานชื่อดังและได้ตัวเลขที่น่าสนใจตามนี้ครับ
- Specialized จะผลักดันจักรยานเสือหมอบให้เป็นดิสก์เบรกทั้งหมด อย่างตอนนี้เสือหมอบแอโร Specialized Venge ViAS ก็ขายเฉพาะเวอร์ชันดิสก์เบรก เสือหมอบเอนดูรานซ์ Roubaix ก็รองรับแต่ระบบดิสก์เช่นกัน
- Sean Estes ตัวแทนของ Specialized กล่าวว่า “เราจะหยุดขายจักรยานคอมพลีทไบค์แบบริมเบรกครับ เสือหมอบริมเบรกจะมีแต่เฟรมเซ็ตเท่านั้น”
- Dave Lawrence จาก Shimano กล่าวว่ายอดขายอะไหล่ดิสก์เบรกมากกว่าริมเบรกแล้วในปี 2018 ทั้งฝั่งตลาดบนและตลาดล่าง และผลิตชุดดิสก์เบรคไฮดรอลิค Ultegra / Dura-Ace ไม่ทัน เพราะความต้องการสูงมาก
- Michael Zellman จาก SRAM ให้ตัวเลขชัดเจนว่าในปี 2017 ยอดขายดิสก์เบรกคิดเป็น 67% ของยอดขายสินค้าเสือหมอบทั้งหมดของ SRAM เทียบกับ 44% ในปี 2016 และถ้าเจาะลึกถึงยอดขายเฉพาะเบรกของที่ขายให้กับคู่ค้า OEM ดิสก์เบรกคิดเป็น 87% ของยอดขายเบรก SRAM ทั้งหมดเลยทีเดียว
- Giant เองก็มีแนวทางคล้าย Specialized เสือหมอบแข่งขันแอโรรุ่นล่าสุดอย่าง Propel มีให้เลือกแค่ดิสก์เบรกเท่านั้น โดยประกาศว่าจะลดสัดส่วนจักรยานคอมพลีทไบค์ริมเบรก จากเดิม 62% ให้เหลือแค่ 60% ในปี 2019 (อีก 40% เป็นดิสก์เบรก)
- Cannondale ก็เช่นกัน ในไลน์อัปเสือหมอบ จักรยาน 32 รุ่นมากับดิสก์เบรก ส่วนริมเบรกมีแค่ 20 รุ่น
ที่มา: Cyclingnews
เฟอร์นันโด กาวิเรีย: “ความฝันของผมมันอยู่สูงเกินกำลังที่มีตอนนี้”
ไม่ใช่แค่เอเลีย วิวิอานี ที่ประสบความสำเร็จในช่วงต้นฤดูกาล เพื่อนร่วมทีม Quickstep เฟอร์นันโด กาวิเรีย สปรินเตอร์ขาแรงจากโคลอมเบียก็มียอดชัยชนะเยอะถึง 4 ครั้ง และปีนี้เขาอยากจะลองแข่งสนามคลาสสิคทั้ง Tour of Flanders และ Paris-Roubaix
“สนามคลาสสิคพวกนี้ มันเป็นความฝันของผมครับ ตอนนี้ผมรู้ว่าความฝันของผมมันใหญ่เกินกำลังที่มี ผมจะลงแข่งเพื่อเรียนรู้และช่วยเหลือเพื่อนร่วมทีมก่อน ปีที่แล้วผมลงแข่งสนามคลาสสิคมันทำให้ผมรู้ว่าผมอยากชนะรายการแบบนี้ แล้ว Quickstep ก็เป็นทีมที่ดีที่สุดที่จะเรียนรู้เทคนิคการแข่งในสนามคลาสสิค ผมอยากชนะให้ได้ในอนาคต”
แต่เป้าหมายใหญ่สุดของเขาในต้นปีนี้เป็นรายการ Milan-San Remo “ผมเชื่อว่าผมชนะได้นะ ผมเคยเกือบชนะแล้วถึงสองครั้ง ครั้งแรกผมล้มหน้าเส้นชัย แต่ผมอยู่ในตำแหน่งที่สมบูรณ์แบบมาก ส่วนปีที่แล้วผมได้แค่ที่ 5 มันก็ไม่เลว แต่ผมไม่พอใจ มันเป็นสนามที่ผมอยากชนะเยอะกว่ารายการไหนๆ ตอนนี้
โค้ชของทีมก็ดูจะเชื่อใจกาวิเรีย ผู้อำนวยการทีม Quickstep Rik Van Slyke กล่าวว่า “กาวิเรียมีคุณสมบัติทุกอย่างที่จะเป็นแชมป์ Flanders และ Roubaix เขาสามารถชนะรายการคลาสสิคได้ทุกสนาม ถ้าเขามีประสบการณ์มากกว่านี้ ผมว่าเขาต้องเป็นแชมป์เปียนที่ผลงานเยอะมากครับ”
ที่มา: Velonews
วิกกินส์: “ทีมเราอยากอยู่ห่างๆ Tour de France”
ต่อเนื่องจากบทสัมภาษณ์ของเซอร์แบรดลีย์ วิกกินส์ ที่คุยกับสื่อในงานเปิดตัวทีม Wiggins เมื่อวานนี้ อดีตแชมป์ Tour de France ให้มุมมองต่อวงการจักรยานอาชีพได้อย่างน่าสนใจ
“เราไม่อยากลงแข่ง Tour de France ครับ คือถ้าคุณดูทีมดิวิชัน 2 และ 3 นะ แทบทุกคนพูดว่าเราอยากจะไปแข่ง Tour de France ในอีก 5 ปี! แต่นั่นไม่ใช่เป้าหมายของเรา เราอยากอยู่ห่าง Tour de France ที่สุด เราอยากพัฒนาเด็กของเราให้เต็มศักยภาพ ในวิธีการที่มันสนับสนุนพวกเขา 100% ด้วยอุปกรณ์ที่ดีและโปรแกรมแข่งที่เหมาะกับพวกเขา”
“หลายๆ อย่างในวงการจักรยานเปลี่ยนไปมากในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาครับ ตอนนี้ไม่มีใครทำทีมเล็กๆ แบบเราแล้ว จะมีก็แค่ทีมของ Axel Merckx (ลูกชายของ Eddy Merckx ที่ทำทีมพัฒนาเยาวชน Hagens Berman Axeon ในสหรัฐอเมริกา) คือทุกคนอยากจะได้แชมป์ Tour de France กันหมด แต่เราอยากต่างจากนั้น”
“อัตลักษณ์ของทีมเราคือการรีแลกซ์และสนุกกับการแข่งขัน แต่ไม่ใช่ทำตัวเอื่อยเฉื่อยเหลาะแหละนะ เราทำทุกอย่างเหมือนมืออาชีพ แต่สนุกกับมันด้วย ผมเชื่อว่านักปั่นที่สนุกจะทำผลงานได้ดีเสมอ ผมเคยอยู่ในทีม Tour de France ที่เพื่อนร่วมทีมทุกคนเครียดและเศร้าหมอง ไม่มีใครอยากแข่งให้กับใครในทีม”
“ผมชอบบรรยากาศของทีมระดับ U23 เพราะมันปราศจากซึ่งเกมการเมือง และเรื่องโด้ปต่างๆ เราโฟกัสให้กับการแข่งได้เต็มที่ ในลีกโปรทัวร์ นักปั่นทุกคนเขา “มาถึง” ความฝันของเขาแล้ว แต่ผมชอบสภาวะที่อยู่ในช่วงไล่ล่าความฝันเหมือนเด็กๆ ในทีมตอนนี้ ผมนึกถึงสมัยที่ตัวเองยังต้องคิดว่าจะไปสมัครอยู่กับทีมไหนดี”
“แล้วทีมเราไม่ได้จะบ้าแข่งอย่างเดียว เราอยากมีสัมพันธ์ที่ดีกับแฟนๆ ด้วย เราไม่อยากซ่อนตัวเองอยู่หลังฉากกั้นหรืหลบอยู่ในรถบัสทีม ไม่คุยกับใคร ไม่ออกมาเจอใคร หรือปล่อยให้ฝั่ง PR เขาคุยอยู่อย่างเดียว เราอยากคุยกับแฟนๆ อย่างในงานวันนี้ก็ไม่มีการแบ่งแยก กีดกั้น ทุกคนเข้าถึงนักปั่นเราได้”
“จักรยานมันซีเรียสเกินไปครับสมัยนี้ ทุกคนคลั่งอยู่แต่กับผลการแข่งขันและพาวเวอร์มิเตอร์ สกินสูทและหมวกแอโร ผมอยากพาวงการแข่งขันกลับไปเหมือนสมัยก่อนที่คุณสามารถเดินเข้าไปคุยกับแชมป์ Tour de France ได้หลังเขาแข่งจบเสตจ สมัยนี้คุณเข้าใกล้ไม่ได้แล้วเพราะพวกเขาดังเกินไป เก่งเกินไป ต้องถูกปกป้องตลอดเวลา”
ที่มา: Cyclingnews