โปรทัวร์ใน 5 นาที: คริส ฟรูมล้มกระดาน Giro d’Italia

โอเค เราคงต้องเริ่มโปรทัวร์ใน 5 นาทีวันนี้ด้วยประโยค

“ได้ดูสเตจเมื่อคืนหรือเปล่า?”

 

เกิดอะไรขึ้นในสเตจ 19?

เรารู้ว่าคริส ฟรูม (Sky) เป็นตัวเต็งรายการแกรนด์ทัวร์เสมอในทุกครั้งที่เขาลงแข่ง นอกจากจะเป็นนักปั่นที่ผลงานดีที่สุดในสนาม Giro d’Italia แล้ว เขายังอยู่ในทีมที่แข็งแกร่งที่สุดด้วย และถึงจะเป็นแชมป์รายการ Tour de France และ Vuelta a Espana คนล่าสุด แต่เชื่อว่าไม่มีใครคาดเดาได้ว่าเขาจะทำอะไรแบบเมื่อคืนได้สำเร็จ

ฟรูมเริ่มสเตจ 19 ด้วยอันดับสี่ในตารางเวลารวม ตามหลังผู้นำเวลารวม ไซมอน เยทส์อยู่ถึง +3:22 นาที แต่ด้วยการโจมตีบนทางขึ้นเขาลูกที่สอง Colle delle Fenistre ที่ห่างเส้นชัยไป 80 กิโลเมตร ฟรูมฉีกหนีกลุ่มคู่แข่งได้สำเร็จ

ฟรูมทิ้งห่างคู่แข่งทุกคนทีละนิดตลอดระยะทางที่เหลือ ข้ามเขาชันอีกสองลูกจนเข้าเส้นชัยคว้าแชมป์สเตจก่อนอันดับสองสามนาทีเต็ม พร้อมคว้าเสื้อผู้นำเวลารวม ด้านหลังเขาเป็นทอม ดูโมลาน (Sunweb), ทิโบต์ พินอท์ และเพื่อนร่วมทีม เซบาสเตียน ไรเคนแบค (FDJ), และสองนักปั่นที่แย่งชิงตำแหน่ง Best Young Rider ริชาร์ด คาราพาซ (Movistar) กับมิกูเอล โลเปซ (Astana) ที่เป็นกลุ่มสองที่ตามเข้าเส้นชัย โดยดูมลานถูกทุกคนแซงออกไปช่วงห้าสิบเมตรสุดท้าย ส่วนไซมอน เยทส์ผู้นำเวลารวมนั้นพังยับเยิน หลุดยาวตามเข้าเส้นชัย 38 นาทีให้หลัง หลุดจากอันดับ Top 10 ไปโดยปริยาย

ก่อนเริ่มสเตจ ฟรูมมีเวลาตามหลังทอม ดูโมลาน +2:54 นาที หลังจบสเตจฟรูมเร็วกว่าดูโมลาน 3:23 นาที ทำให้กลับขึ้นมานำดูโมลานที่ +40 วินาที พินอท์ขึ้นมาเป็นอันดับสาม ตามหลังฟรูม +4:17 นาที แทนที่โดเมนิโค พอซโซวิโว่ (Bahrain-Merida) ที่หลุดกลุ่มไปร่วมแปดนาที

นอกจากฟรูมจะได้แชมป์สเตจแล้ว เขายังได้เสื้อเจ้าภูเขาแทนไซมอน เยทส์ด้วยจากที่ขึ้นถึงยอดเขาสูงชันเป็นคนแรกสามจุด โดยเฉพาะบนยอดเขา Finestre ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของการแข่งขัน Giro d’Italia ปีนี้ ให้คะแนนเจ้าภูเขามากถึงสองเท่า ฟรูมนำเสื้อเจ้าภูเขาที่ 123 คะแนน มากกว่าเยทส์อันดับสอง 32 คะแนน

เกิดอะไรขึ้นจริงๆ ในสเตจ 19?

ต้องบอกว่าการโจมตีระยะไกลที่นอกจากจะทำให้ผู้โจมตีได้แชมป์สเตจแล้ว ยังพลิกเกมจากคนที่แทบหมดโอกาสแชมป์รายการมาเป็นว่าที่แชมป์นี่เป็นการปั่นระดับตำนานครับ เป็นสิ่งที่อัลเบอร์โต้ คอนทาดอร์พยายามทำหลายครั้งแต่ไม่ค่อยจะสำเร็จ (สำเร็จครั้งเดียวใน Vuelta 2012 แต่ก็ไม่ใช่ขนาดโซโล่ข้ามเขาสามลูกแบบนี้) ทั้งฟรูมและทีมบอกว่าเป็นผลงานชัยชนะที่ดีที่สุดของทีมตั้งแต่เคยตั้งทีมมา

ไม่ใช่แค่ขึ้นเขาได้เร็วอย่างเดียว จาก 3 นาทีที่เขาเข้าเส้นชัยก่อนอันดับสอง กว่าครึ่งมาจากการลงเขาอย่างรวดเร็วกว่าคู่แข่ง ข้อมูลจาก Velon ทำให้เรารู้ว่าฟรูมใช้เวลาลงเขาลูกที่สองสั้นกว่ากลุ่มห้าคนของดูโมลานถึง 45 วินาที และแทบไม่เสียเวลาในจังหวะทางราบระหว่างเขาเลย

เรารู้มาตลอดว่า Sky เป็นทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในแกรนด์ทัวร์ ซึ่งฟรูมก็ใช้ประโยชน์เต็มที่ทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ต่างออกไปที่เขาต้องปิดเกมด้วยตัวคนเดียวกับระยะทาง 80 กิโลเมตรที่เหลือ จริงว่า Sky เดินเกมรุกหนักมากบนทางขึ้นเขา Finestre จนไซมอน เยทส์ (Mitchelton-Scott) หลุดกลุ่มเป็นคนแรก แต่การจะหนีห่างนักไต่เขาที่แกร่งที่สุดในรายการทั้งห้าคนไม่ใช่เรื่องง่าย

ชัยชนะครั้งนี้น่าจะเปลี่ยนความรู้สึกของหลายๆ คนที่มีต่อคริส ฟรูม จากที่ถูกมองว่าเป็นคนที่ขี่ได้จืดน่าเบื่อ ตามเพื่อนร่วมทีมตลอด มองแต่หน้าจอดูค่าวัตต์ ต่อให้จะไม่ชอบสไตล์การปั่นของเขาแค่ไหนก็ต้องยอมรับว่าชัยชนะวันนี้ของฟรูม แทบไม่ต่างกับนักปั่นระดับตำนานในสมัยก่อน ส่วนจะเป็นชัยชนะที่เชื่อถือได้หรือเปล่านั้น (ยิ่งมีคดีอยู่ด้วย) ก็คงต้องดูกันต่อไป

ถึงจะขึ้นนำเวลารวมแล้ว แต่การป้องกันเสื้อก็คงไม่ง่ายเท่าไร เพราะสเตจ 20 คืนนี้ก็ยากยิ่งกว่าเมื่อวานเสียอีกครับ นักปั่นต้องขึ้นเขาสูงชันสามลูกติดต่อกันกับระยะทาง 214 กิโลเมตร ดูโมลานได้แต่หวังว่าฟรูมจะใช้พลังจนหมด แล้วหาโอกาสลดระยะห่าง 40 วินาทีนั้นให้ได้ แต่ว่าตามตรงดูโมลานเองก็หมดตัวเหมือนกันเมื่อวานนี้ ส่วนพินอท์ที่ตาม 4 นาทีกว่าคงหมดโอกาสลุ้นแชมป์แล้ว เกมสุดท้ายอยู่ที่ฟรูมกับดูโมลานครับ

การที่เยทส์หลุดกรอบร่วงไปไม่ใช่เรื่องเกินความคาดหมาย เขาเริ่มแสดงให้เห็นในสเตจ 18 ก่อนหน้านี้ว่าเริ่ม overreach แล้วจากที่เล่นเกมรุกหนักตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา (ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับว่าเขาคงไม่มีทางชนะถ้าไม่แข่งแบบนั้น เพราะมีสเตจ TT ค้ำคออยู่)​ แล้วดูเหมือนจะไม่ฟื้นตัวจากสเตจ TT เลย ซึ่งเดาว่าเขาต้องจัดหนักยิ่งกว่าคู่แข่งคนอื่นๆ เพราะเป็นทักษะที่เขาไม่ได้เชี่ยวชาญนัก

ขณะเดียวกัน โลเปซก็รักษาเสื้อผู้นำ Best Young Rider ไว้ได้ดี การปั่นของเขาเมื่อคืนนี้ทำให้มีโอกาสลุ้นโพเดี้ยมเพราะเจ้าตัวกระโดดขึ้นมาเป็นอันดับสี่ แต่ยังตามหลังพินอท์ 40 วินาที ซึ่งก็ไม่น่าจะยากเกินไปถ้ากะจังหวะโจมตีได้ถูกต้อง อันดับโพเดี้ยมก็น่าลุ้นไม่แพ้กันครับ

ทีม Sky เองคงจะป้องกันเสื้อชมพูตัวนี้สุดชีวิต เพราะอย่าลืมว่า Giro คือแกรนด์ทัวร์เดียวที่ Sky ไม่เคยพิชิตได้เลย ไม่ว่าจะเป็นวิกกินส์ พอร์ท แลนด้า เฮนาว หรืออูราน ผลงานที่ดีที่สุดทำได้แค่อันดับสองตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา ต่อให้ฟรูมจะมีโอกาสเสียแชมป์เพราะผลคดีใช้ Sabultamol เกินปริมาณ แต่ชัยชนะครั้งนี้ทีมไม่ยอมเสียแน่นอน

 

ฟรูม: “มันเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่ผมเคยทำ”

ฟรูมอธิบายกลยุทธ์หลังแข่ง:

“ในจังหวะที่ทุกอย่างมืดแปดด้าน คุณต้องใช้วิธีการที่บ้าคลั่ง”

“ผมว่าเป็นการปั่นที่ดีที่สุดในชีวิตเลย มันมาจากการตัดสินใจกับทีมคืนก่อนครับ คือถ้าผมจะต้องรอจนเขาลูกสุดท้าย ผมไม่มีทางเอาคืนสามนาทีได้แน่นอน เราตกลงกันว่าจะจัดหนักบน Colle delle Finestre”

“มันเสี่ยงครับที่จะโจมตีไกลขนาดนั้น แต่ก็เป็นอะไรที่เราคำนวนไว้บ้าง เราวิเคราะห์ความเป็นไปได้ทุกรูปแบบในสเตจนี้ ถ้าผู้ช่วยตัวเต็งเริ่มหมดแรง หัวหน้าทีมก็ต้องสู้ด้วยตัวเอง ต้องปั่นด้วยแรงเท่าผมถึงจะตามทัน เราเลยเดินเกมรุกตั้งแต่เริ่ม ทีมเราเร่งความเร็วที่ตีนเขาเพื่อตัดแรงคู่แข่งและเป็นแท่นยิงให้ผม”

“มีรายละเอียดเยอะในสเตจแบบนี้ครับ ต้องวางแผนกันละเอียดมากทั้งเรื่องการเติมเสบียง แผนของนักปั่นแต่ละคนในทีมว่าใครจะทำอะไรตรงไหนบ้าง และเราทำได้ครบทุกอย่างตามที่วางแผนไว้”

“มันเยี่ยมมากเลยที่ปั่นได้แบบนี้ นี่คือการแข่งขัน มันคือเหตุผลของการลงแข่งแกรนด์ทัวร์ Giro เป็นรายการที่เดาอะไรไม่ได้ บางครั้งเกมก็พลิกกลับแบบไร้เหตุผล เหมือนกับสนามคลาสสิค ใน Tour de France มันต่างออกไป คนที่เก่งที่สุดทุกคนลงแข่งรายการนั้น มันมีรูปแบบและแพทเทิร์นในการชนะ แต่ใน Giro อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้”​

“การแข่งยังไม่จบครับ เรายังไม่ยินดีกับชัยชนะ เราเห็นกับตาว่าเกิดอะไรขึ้นได้บ้างในระยะเวลาสั้นๆ ผมรู้สึกดีขึ้นเรื่อยๆ ตลอดการแข่งขัน เริ่มรู้สึกถึงฟอร์มของตัวเองในช่วงบล็อกสุดท้ายนี้”​

 

นิโคลาส พอร์ทาล (โค้ชทีม Sky): “ไม่มีแผนอะไรมาก มันอยู่ที่แรงล้วนๆ”

“มันเยี่ยมยอดครับ เราอาจจะลืมไปว่าเขาคือคริส ฟรูม คนที่เคยชนะ คินทานา คอนทาดอร์ และนิบาลี แล้วทั้งสามคนนี้ก็เคยทำผลงานด้วยการโจมตีหลุดโลกมาแล้วทั้งนั้น แน่นอนว่าเรายังเชื่อทุกนาทีว่าฟรูมจะกลับมานำรายการได้ สื่อบ่นเรามาตลอดสองอาทิตย์ว่าคุณจะชนะได้ยังไง ตามหลังเยอะขนาดนั้น?”

“เราไม่ยอมแพ้ ฟรูมเองก็ไม่ยอม ต่อให้จะแกร่งแค่ไหน ในโลกนี้ก็มีแชมป์ไม่กี่คนที่ปั่นแบบนี้ได้ มันไม่ใช่การชนะแค่ 20 วินาที แต่มันคือ 3 นาที 20 วินาทีที่เขาเร็วกว่าดูโมลานวันนี้ ผมก็ยังไม่เข้าใจเต็มที่เหมือนกัน เพราะปกติเราปั่นป้องกันเสื้อ ไม่ได้รุกโจมตีแบบนี้”​

“เราเห็นว่าหลายทีมเริ่มกรอบแล้วเมื่อวาน แต่ทีมเราแข็งแรงขึ้นตามที่คาดไว้ เราตัดสินใจว่าวันนี้คือวันตัดสิน ไม่ชนะก็แพ้กันไปเลย ไม่ได้มีแผนอะไรมากหรอกครับ มันคือเรื่องของแรงล้วนๆ”​

 

เดวิด เบรลส์ฟอร์ด (ผู้อำนวยการทีม Sky): “บางครั้งคุณก็ต้องแข่งแบบโอลด์สคูล”

“ผมภูมิใจมาก เราอยู่ในสองวันที่จะตัดสินการแข่งขัน เราไม่มีอะไรจะเสีย เราไม่ได้อยู่ในโพเดี้ยมด้วยซ้ำ ตามหลังเยทส์เยอะมาก บางครั้งคุณก็ต้องแข่งขันแบบสมัยก่อนนะ ทุ่มสุดตัวกันไปเลย ไม่ต้องเผื่อ ไม่ต้องเหลือ เราใช้เวลาทั้งวันเมื่อวานนี้วิเคราะห์สเตจ ทั้งเรื่องโค้ช โภชนาการ เราตัดสินใจจะเร่งหนีเยทส์บนเขาลูกที่สอง เพราะมันมีโค้งเยอะและทางเป็นลูกรังตามได้ยาก”

“คุณไม่รู้หรอกว่ามันจะสำเร็จหรือเปล่าจนกว่าจะได้ลอง เรารู้ว่าฟรูมฟอร์มดีขึ้นเรื่อยๆ แผนเราตั้งแต่แรกคือให้ฟรูมพัฒนาฟอร์มจนมาพีคในบล็อกการแข่งขันนี้ (หมายถึง 3 สเตจสุดท้าย) แล้วให้เขาโจมตีเพื่อชนะแถวๆ นี้แหละ ต่อให้แผนจะดีแค่ไหน มันก็อยู่ที่ตัวปัจเจกที่จะทำให้แผนนั้นสำเร็จ”

 

ชัยชนะนี้เชื่อถือได้แค่ไหน?

ถึงการปั่นของฟรูมเมื่อคืนจะดูเหลือเชื่อ แต่ก็ใช่ว่าไม่เคยมีใครทำครับ แผนของฟรูมใน Giro นี้คืิอการ “race in to form” หรือค่อยๆ กะจังหวะให้ฟอร์มดีขึ้นเรื่อยๆ จนพีคทันจังหวะทำเกมพอดี จะต่างกับการแข่งครั้งก่อนๆ ของเขาที่กะพีคตั้งแต่ช่วงแรกของแกรนด์ทัวร์ คว้าเสื้อผู้นำให้ได้แล้วป้องกันจนวันสุดท้าย แล้วเขาจะเริ่มแผ่วในสัปดาห์ที่สามอย่างเห็นได้ชัด แพทเทิร์นฟรูมจะเป็นแบบนี้ตลอดในทุกครั้งที่เขาชนะ Tour de France

แต่ครั้งนี้ฟรูมทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะเขาต้องป้องกันแชมป์ Tour de France ต่อ ถ้าเขาพีคตั้งแต่ต้น Giro เขาจะกรอบจนไม่เหลือแรงแข่งตูร์แน่นอน แต่ถ้าเป็นอย่างที่เบรลส์ฟอร์ดพูด ฟรูมกะเวลาพีคได้แม่นระดับชั่วโมง ไม่ใช่สัปดาห์หรือวัน แล้วไม่ใช่แค่ฟรูม เพราะเพื่อนร่วมทีมเขาก็ดูจะฟอร์มดีขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเช่นกัน

สมัยก่อนมีนักปั่นหลายคนที่แข่งแบบนี้ เช่นแยน อูลริค, โรเบอร์โต้ เฮราส, ไอเตอร์ กอนซาเลซและอิวาน กอตติ หรือวินเชนโซ นิบาลีในสมัยนี้

แต่ก็นั่นหละครับ ผมว่าเราเรียนรู้กันมามากพอแล้วที่จะไม่เชื่ออะไรง่ายๆ ในการแข่งจักรยาน นโยบายของ DT คือเราจะไม่คอมเมนต์ข่าวลือหรือโจมตีนักปั่นว่าไม่บริสุทธิ์จนกว่าเขาจะถูกจับได้ Innocent until proven guilty. เราถือว่าการแข่งขันจักรยานอาชีพคือรายการบันเทิง ถ้าฟรูมชนะแบบใสสะอาดในรายการนี้ก็ถือว่าเป็นการปั่นระดับตำนาน ถ้าเกิดถูกจับว่าโด้ปขึ้นมาก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเคสที่ชนะด้วยการโกง ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น

 

ไซมอน เยทส์: “ผมเหนื่อยมาก”​

ไซมอน เยทส์ ผู้นำเวลารวมตอนเริ่มสเตจเข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 79 ช้ากว่าฟรูม 38:51 นาทีและหล่นไปอยู่อันดับ 18 ในตารางเวลารวมอธิบายความรู้สึกหลังแข่ง:

“ผมหมดแรงครับ เหนื่อยมาก ผมรู้สึกว่ารางกายไม่ฟื้นเลยตั้งแต่สเตจ Time Trial ผมเล่นเกมโปกเกอร์ สารภาพตามตรง ผมพอเอาตัวรอดได้ในวันก่อน แต่ไม่ใช่วันนี้ มันก็โอเคครับ โอเค มันคือการแข่งขัน น่าเสียดาย แต่ก็ได้เท่านี้”

“ผมเดาไว้ 100% เลยว่า Sky จะต้องรุก ผมไม่เสียใจนะ ไม่มีใครพนันว่าผมจะชนะ Giro ตอนเริ่มแข่ง ผมภูมิใจกับสิ่งที่ทำได้ ผมเสียใจที่รักษามันไว้ไม่ได้ แต่ผมจะกลับมาใหม่ กลับมาลองแข่งให้ชนะสักวันหนึ่ง”

แมท ไวท์ โค้ชทีม Mitchelton กล่าวปิดท้าย: “ตอนคริส ฟรูมอายุ 24 เขาทำอะไรอยู่? เขาไม่ได้นำแกรนด์ทัวร์แน่ๆ ครับ”

 

ทอม ดูโมลาน: “สเตจนี้มันบ้ามาก”

“ผมเดาว่า Sky ต้องรุกบนเขา Finestre…น่าจะเป็นการโจมตีแบบหนักๆ ที่เขารักษาเพซได้จนจบ แล้วก็ทำจริงๆ ผมยังแรงดีนะ แต่ไม่ดีพอจะตามฟรูม ผมว่าผมทำถูกต้องทุกอย่าง แต่ฟรูมแกร่งไป ผมว่าผมปั่นดี แต่ฟรูมปั่นโคตรดี”

“ฟรูมทิ้งผมตอนขึ้นเขา แต่ตอนลงเขาเขาก็เร็วกว่าด้วย ผมตัดสินใจรอไรเคนแบค (เพื่อนร่วมทีมพินอท์) เพราะดูจะเป็นคนที่ยอมช่วยผมผลัดนำ มันอาจจะไม่ใช่การตัดสินใจที่ดีเท่าไร เพราะไรเคนแบคลงเขาช้ามาก แต่มันก็พูดง่ายเวลาเรามาดูย้อนหลังครับ”​

“ส่วนคนอื่นเขาก็แข่งของเขาเอง (หมายถึงคาราพาซและโลเปซที่ไม่ช่วยนำ) มันเป็นหน้ที่ผมที่ต้องไล่ ผมอยากให้เขามาช่วยเหมือนกัน แต่ก็เข้าใจได้ ต่อจากนี้มันจะยากมากที่จะกลับมานำ”​

 

พินอท์: “ผมว่าฟรูมโจมตีได้บ้ามาก”​

“ผมพอใจกับผลงานนะ มันเป็นสเตจที่บ้ามาก Sky รุกหนักมากแล้วทุกคนก็ไปต่อไม่ถูกเลย ตัวเต็งทุกคนไม่เหลือผู้ช่วยยกเว้นผม ผมดีใจที่เซป (ไรเคนแบค) ยังอยู่กับผมตอนฟรูมโจมตี”

“ผมปั่นกับดูโมลานได้ แต่คนอื่นเขาไม่ช่วย ผมไม่ชอบการแข่งแบบนี้ที่มีกั๊กกัน แต่ถึงจุดหนึ่งคุณก็ต้องคิดถึงโพเดี้ยมนะ ฟรูมแกร่งเกินเราไปมากวันนี้ ไม่ต้้องสงสัยเลยว่าใครแกร่งสุดในรายการนี้ ดูจากชื่อที่หนึ่งกับที่สองในอันดับเวลารวมตอนนี้ก็ชัดเจนแล้ว”

 

พอซโซวิโว: “ฟรูมเหมือนปีศาจ”

โดเมนิโค พอซโซวิโว (Bahrain-Merida) เข้าเส้นชัยหลังฟรูม 8:29 นาที และหล่นจากอันดับสามไปอยู่อันดับหก เขากล่าว:

“การปั่นของฟรูมวันนี้เหมือนปีศาจ ผมมองดูวัตต์ตัวเองแล้วยังช้ากว่าเขาแปดนาทีแสดงว่าเขาต้องแข็งแกร่งมากๆ สุดยอดครับ”​

 

อารูถอนตัวจากการแข่งขัน

ฟาบิโอ้ อารู (UAE) ตัดสินใจถอนตัวจากการแข่งขันหลังจากที่อันดับเวลาไม่เป็นไปตามที่คาด

“ผมต้องกลับไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยปกติ ผมอยากปั่นต่อให้จบเพื่อเคารพและให้เกียรติทีม แต่ผมทำไม่ได้จริงๆ ต้องขอโทษเพื่อนร่วมทีมทุกคน ครอบครัว และสปอนเซอร์ด้วยครับ ผมไม่อยากจะดราม่าอะไร มันคือการแข่งขัน ถึงมันจะน่าเจ็บปวด แต่การมีแพ้ มีชนะแบบนี้มันก็เป็นสิ่งที่งดงามครับ ผมจะกลับไปรีเซ็ตตัวเองแล้วตั้งเป้าใหม่สำหรับฤดูกาลนี้ มันคือสิ่งที่คุณต้องทำในห้วงเวลาที่ท้าทายแบบนี้”

 

แน่นอนว่าก็มีนักปั่นที่ไม่เชื่อในสิ่งที่ฟรูมทำได้เหมือนกัน

ไรอัน มูลเลนจาก Trek-Segafredo: “วันนี้ผมปั่นเฉลี่ย 300 วัตต์ยาวหกชั่วโมง แล้วยังเข้าเส้นชัยช้ากว่าแชมป์สเตจ 45 นาที”

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”

และจอร์จ เบนเน็ต กัปตันทีม LottoNL-Jumbo

“ฟรูมหนีรอด? โกหกหรือเปล่า?”

“เหมือนแลนดิสเลยนะ พระเจ้า…”

เบนเน็ตกล่าวถึง Tour de France 2006 ที่ฟลอยด์ แลนดิสนำการแข่งขันจนถึงสเตจ 16 แต่ฟอร์มตกเสียเวลาในสเตจนั้นไปร่วมสิบนาทีและเสียเสื้อเหลืองจนแทบจะหมดโอกาสชนะรายการแล้ว แต่วันรุ่งขึ้นในสเตจ 17 บนเทือกเขาแอลป์ที่เขาสั่งลูกทีม Phonak ลากเพซหนักๆ แล้วหนียาวแบบฟรูมเมื่อคืนนี้จนได้แชมป์สเตจและทำเวลาตีตื้นคืนมาจนตามหลังเสื้อเหลืองแค่สามสิบวินาทีเท่านั้น แน่นอนว่าเขาชนะ Tour de France ปีนั้นแต่ก็ถูกจับโด้ปใน 4 วันให้หลัง…และกลายเป็นคดีโด้ปที่ดังที่สุดในประวัติศาสตร์วงการจักรยานครับ

By เทียนไท สังขพันธานนท์

คูน คือผู้ก่อตั้งดั๊กกิ้งไทเกอร์ และอยากใช้เว็บไซต์นี้ช่วยให้คนไทยอยากขี่จักรยานกันเยอะๆ!

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *