หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ผมเข้ามาร่วมสังฆกรรมกับกิจกรรมกับคนบ้าจักรยานอีกกว่า 28,000 คนใน Rapha Festive ก็คือผมมีโอกาสปั่นจักรยานน้อยมาก อาทิตย์ละไม่เกิน 250 กิโลเมตร เมื่อมีโอกาสจะได้ปั่นเป็นระยะทางเยอะๆ เทียบกับคนอื่นย่อมเป็นโอกาสดี
ในฐานะคนทำเว็บไซต์จักรยาน การที่เราชั่วโมงบินน้อยมันทำให้ผมเคลือบแคลงใจตัวตลอดมา เราเป็น “ผู้เชี่ยวชาญ” ระดับหนึ่งในเรื่องของจักรยานและการแข่งขัน เราสามารถวิเคราะห์เกมได้ พากย์ได้ บรรยายได้ แต่ก็ยังไม่ใช่ที่สุด ผมไม่ใช่อดีตโปรที่เกษียณอายุแล้วมารับบทบาทเป็นนักพากย์ชื่อดังในช่องยูโรสปอร์ทอย่าง Sean Kelly เป็นแค่คนรักการปั่นและการแข่งขัน ที่อาจจะศึกษาเรื่องนี้เยอะกว่าชาวบ้าน
ทฤษฏีมี แต่ปฏิบัติยังไม่ได้
แน่นอนว่านักพากย์บอลหรือกีฬาอื่นๆ ที่ฝีมือดีก็อาจจะไม่จำเป็นต้องเป็นมืออาชีพเก่า เพราะคนที่เคยแข่งก็ใช่ว่าจะพูดเก่งหรือบรรยายเกมให้คนดูเข้าใจได้ง่ายๆ ขอแค่พากย์สนุก ได้อารมณ์ ชี้ตัวนักแข่งได้ อธิบายการแข่งขันได้เข้าใจ ก็ถือว่าเป็นนักพากย์ที่ดีแล้ว
แต่สิ่งที่ผมอยากได้คือทั้งภาคทฤษฏีและภาคปฏบัติ
เพราะฉะนั้นแล้วการบังคับตัวเองให้ต้องออกปั่นเป็นระยะทางไกลๆ ต่อๆ กันหลายวันจึงน่าจะเป็นบททดสอบที่ดีที่สุด อย่างน้อยเราจะได้มีเวลาทำความเข้าใจร่างกาย และสำรวจเทคนิคการปั่นให้ถี่ถ้วนกว่าเดิม การปั่นจักรยานใครๆ อาจจะมองว่าง่าย ก็แค่ขึ้นรถแล้วปั่นไปข้างหน้า? อาจจะจริงครับ แต่การปั่นให้ดีและปั่นให้ถูกนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
รอบขาเป็นยังไง ควงได้เรียบมั้ย? ท่าปั่นเกร็งหรือเปล่า? จังหวะหายใจ การออกแรง การบังคับรถ กล้ามเนื้อที่ใช้ ทักษะพวกนี้ถ้าไม่ปั่น และไม่สังเกตคุณก็จะไม่มีทางพัฒนาตัวเองได้เลย
ผมรู้สึกอิจฉาเสมอเมื่อได้เห็นท่าปั่นของคนเก่งๆ มากประสบการณ์ มันดูนิ่งและมีพลังครับ ไม่เหมือนเราที่ยังมะงอกมะแงก ส่ายนู่น เอนนี่
เส้นทางวันที่สองนี้ผมกับน้องกอล์ฟกำหนดไว้ที่ 80 กิโลเมตร จากมหาสารคามไปเกือบถึงจังหวัดร้อยเอ็ด ไปกลับก็ได้ระยะตามกำหนดพอดีๆ แต่สิ่งที่เราไม่ได้ขอ และคิดไม่ถึงก็คือ “ลม” ครับ ปรกติแล้วปั่นแถวชานเมืองเราอาจจะเจอแค่ลมต้านหรือลมส่ง เจออย่างแรกก็เหนื่อยหน่อย เจออย่างหลังก็สบายไป ทำความเร็วได้
แต่ลมที่แย่ที่สุดคือ “ลมข้าง” อย่างไม่ต้องสงสัย เป็นเหตุผลที่ทำไมนักแข่งมืออาชีพถึงเกลียดลมประเภทนี้ที่สุด เวลาเจอลมตีข้างนั้นเราจะเหนื่อยเป็นพิเศษ เพราะคันหน้าบังลมให้เราแทบไม่ได้เลย นอกจากจะออกแรงปั่นต้านลมไปข้างหน้าแล้ว ยังต้องคอยบังคับรถไม่ให้เบี้ยวอีกด้วย ยิ่งลมแรงเท่าไรยิ่งเปลืองพลัง!
Mark Cavendish บอกว่าเขาออกแรงสปรินต์ขึ้นไปหมกกลุ่มในสเตจ 13 Tour de France ปีนี้มากกว่าที่เขาใช้สปรินต์เข้าเส้นชัยเสียอีก! ถ้าใครจำได้สเตจนั้นเป็นสเตจที่ทุกคนเดาว่าจะ “น่าเบื่อ” เพราะเป็นทางราบตลอดเส้นทาง แต่พอลมข้างเริ่มพัดเท่านั้น ทีม Omega-Pharma ก็ระเบิดพลังโชว์ความเทพสไตล์ Belgian ที่โตมากับลมตีข้างทันที
Peloton แตกกระจาย! Belkin และ Saxo ขึ้นมารับงานต่อ Valverde เสียเวลา GC ร่วม 10 นาที ในขณะที่ Marcel Kittel หลุดกลุ่มไปอยู่ท้าย เป็นหนึ่งในสเตจที่สนุกที่สุดใน Tour ก็ว่าได้
แต่วันนี้เจอเองกับตัว ไม่ยักกะสนุกเหมือนในทีวี…
อีกหนึ่งทริป อีกหนึ่งบทเรียน
แล้วเจอกันพรุ่งนี้ครับ :)
//
Challenge is inherently demanding. There would be no point if it isn’t.
The most challenging aspect of Rapha Festive is perhaps not the physical part. If you ride regularly, your legs might hurt after a few hours on the bike, your might even get a bit of fever riding in the cold.
Those can be treated. The pain doesn’t last.
The real demon of this challenge is not sore muscles nor long distance, neither is harsh weather. It’s your mind.
If you think about it, getting on a bike for a few hours is not most people’s definition of ‘fun’. It can be quite boring indeed, especially if you have to ride alone.
We make excuses all the time.
“Oh it’s soooo cold out there!”
“Let’s skip it for today, my legs still hurt”
“The party is coming up, let’s bunch up the KMs for tomorrow”
On and on it goes.
You also know deep inside you will regret those decision later.
This is exactly why we adore hardmen of the peloton. They push on when everybody else is quitting.
For today’s ride, in order to keep the distance a little more agreeable, I urged our local pro to make it ‘just’ 80KMs…half what he usually trains. The ride is from Maha Sarakham, where we based, to Roi-Et the province nearby. There is virtually nothing to see or admire along the way, it’s miles and miles of rice paddy. Well, not until mother nature decided to quench our boredom by throwing 50kph crosswind, that literally blew us off the path.
Crosswind is not something we get to experience very often in Thailand, but comes Winter, it can be quite brutal in the North Eastern part (perhaps not Flandrian’s definition of brutal). Just right around where we live. Glad we didn’t bring deep section rim!
For a 9 to 5 man like myself, I’m quite glad I took on the challenge. It might just be the 2nd day, but I knew something inside is getting just a little bit stronger.
[/vc_column_text] [/vc_column] [/vc_row]
รูปสวย ขอแบ่งปันนะครับ
ร้อยเอ็ดบ้านผม
ใช้กล้องอะไรถ่ายครับ