รีวิว: SRAM Red eTap

ในบรรดาอะไหล่จักรยานทั้งหมด กรุ๊ปเซ็ตเป็นของที่ทำให้ดียากครับ เพราะมันสัมพันธ์กับการทำงานของจักรยานหลายส่วน และเป็นจุดที่เราใช้งานตลอดเวลา ความผิดพลาดในการผลิตหรือติดตั้งเพียงเล็กน้อยก็มีผลต่อการใช้งานแบบรู้สึกได้

SRAM Red eTap วางตลาดช่วงกลางปี 2015 จุดเด่นคือเป็นชุดขับที่ทำงานด้วยไฟฟ้าและเป็นระบบไร้สายทั้งชุด เป็นกรุ๊ปเซ็ตไร้สายรุ่นแรกของโลก

โจทย์ของ SRAM ไม่ง่าย เพราะออกชุดขับไฟฟ้าหลังคู่แข่งอย่าง Shimano และ Campagnolo นั่นหมายความว่าต้องคิดค้นระบบการเปลี่ยนเกียร์ในแบบที่ไม่ซ้ำกับคู่แข่ง แต่ก็ต้องไม่แหวกแนวเกินจนผู้ใช้ปรับตัวยากด้วย SRAM กล่าวว่า ตอนที่ค้นสิทธิบัตรการเปลี่ยนเกียร์ด้วยระบบไฟฟ้า พอปรินต์สิทธิบัตรที่มีทั้งหมดออกมา ได้กระดาษหนึ่งกองที่หนัก 20 กิโลกรัมและสูงเกือบหนึ่งเมตร เรียกได้ว่าจะออกแบบระบบใหม่ไม่ให้ไปซ้ำกับของคนอื่นนั้นไม่ง่ายเลย

แต่กระนั้นการมาทีหลังก็มีข้อดีของมันครับ การเปิดตัวหลังคู่แข่งทำให้ SRAM มองเห็นจุดอ่อนของระบบเกียร์ไฟฟ้าในตลาดทั้งหมด เช่นระบบ Di2 ของ Shimano ที่ปุ่มเปลี่ยนเกียร์อยู่ชิดกันเกินไปจนผู้ใช้เปลี่ยนผิดบ่อยๆ หรือระบบ EPS ของ Campagnolo ที่รวนง่ายอะไหล่ชิ้นสำคัญอย่างแบตเตอรีมีปัญหาบ่อยเป็นต้น

ถึงกรุ๊ป eTap จะวางตลาดมาเกือบ 3 ปีแล้วแต่ผมเพิ่งมีโอกาสได้ใช้ เพราะงั้นจะขอเล่าในมุมของคนเพิ่งเคยใช้ระบบ eTap หลังจากที่อยู่กับ Shimano Di2 มาหลายปีครับ

ติดตั้ง

ด้วยความที่มันเป็นกรุ๊ปเซ็ตรุ่นสูงสุดของ SRAM บรรจุภัณฑ์ก็จะดูดีพรีเมียมสักหน่อยครับ ตรงนี้ชนะ Shimano/ Campagnolo ขาดลอย อย่างน้อยๆ มันก็ทำให้รู้ว่าผู้ผลิตใส่ใจในรายละเอียดที่คู่แข่งมองข้าม

จะเห็นว่ากล่องนี้มันมีแค่ 6 ชิ้น เพราะมันเป็น “ชุดอัปเกรด” ไม่ใช่กรุ๊ปเซ็ตเต็มชุด มีแค่ชิฟเตอร์ สับจาน ตีนผี แท่นชาร์จ และตัวอัปเกรดเฟิร์มแวร์ครับ

และถึงจะออกชุดขับไฟฟ้ามาช้ากว่าคนอื่น แต่ SRAM ก็ทำสิ่งที่ค่ายอื่นทำไม่ได้เช่นกัน นั่นคือการทำชุดขับแบบไร้สาย 100% ทำให้มันเป็นกรุ๊ปที่ติดตั้งง่ายที่สุดในตลาดด้วย

ชุดขับเคลื่อนจะทำงานได้ดี ลื่นไหล ไม่ฝืด เปลี่ยนเกียร์ได้คล่องทันใจก็อยู่ที่การเซ็ตอัปและปรับจูนเบื้องต้น การที่ไม่ต้องเดินสายอะไรเลย แม้แต่สายไฟที่เชื่อมระหว่างชิฟเตอร์และแบตเตอรี ช่วยลดระยะเวลาและความผิดพลาดที่เกิดจากการติดตั้งได้ไม่น้อย โดยเฉพาะกับคนใช้เฟรมจักรยานแอโรหรือรถ Time Trial ที่มักจะซ่อนสายเยอะกว่าเฟรมทั่วๆ ไป ไม่ต้องติดตั้งกล่องจังก์ชันหรือแบตเตอรีก้อนใหญ่ซ่อนไว้ในเฟรมให้วุ่นวาย

เห็นแบบนี้อาจจะสงสัยว่า แล้วจะต้องแคร์ด้วยหรือที่มันติดตั้งง่าย? เพราะคนส่วนใหญ่ติดตั้งกรุ๊ปเซ็ตแค่ทีเดียวแล้วก็ใช้กันยาวๆ ก็จริงครับ แต่คนที่มีจักรยานเยอะ อยากลองเปลี่ยนเฟรมบ่อยๆ การใช้กรุ๊ปไร้สายแบบ eTap จะสะดวกกว่า ถ้าให้ช่างติดตั้งให้ก็จะประหยัดเวลาและความหงุดหงิดใจของช่างได้เยอะด้วย

จุดเด่นที่สุดคือ มันสามารถใช้กับเฟรมเก่าๆ ที่ไม่ได้รองรับระบบ Di2/EPS ได้เลย เพราะไม่ต้องการรูเดินสายไฟกับรูยึดห้อยแบตเตอรี เหมาะกับคนที่อยากอัปเกรดชุดขับให้จักรยานคันเก่าครับ

น้ำหนัก

สับจาน (รวมแบต) – 162g
สับจาน (ไม่รวมแบต) – 138g
ตีนผี (รวมแบต) – 235g
ตีนผี (ไม่รวมแบค) – 211g
ชิฟเตอร์ (ข้างละ) – 131g
แบตเตอรีสำหรับตีนผี/สับจาน (ชิ้นละ)– 24g

Sram Red eTap ทั้งชุด (BB30) หนัก 1,992 กรัม หนักกว่า Sram Red ประมาณ 80 กรัม แต่เบากว่า Shimano Dura-Ace Di2 9150 ประมาณ 50 กรัม นั่นหมายความเป็นกรุ๊ปเซ็ตไฟฟ้ารุ่นเดียวในตลาดที่น้ำหนักน้อยกว่า 2 กิโลกรัม

 

ราคา

SRAM Red eTap (ชุดอัปเกรด): ~62,000 บาท
SRAM Red eTap (เต็มชุด): ~92,000 บาท
Shimano Dura-Ace Di2 9150: ~98,000 บาท
Campagnolo Super Record EPS: ~120,000 บาท

(ราคา SRAM เป็นราคาตั้ง, ราคา Shimano/ Campagnolo เป็นราคาตลาดโดยประมาณ)

ถ้าดูราคากรุ๊ปเซ็ตรุ่นท็อปจาก 3 ค่ายหลัก SRAM Red eTap จะเป็นกรุ๊ปที่ทำงานด้วยระบบไฟฟ้าที่ราคาต่ำที่สุดในตลาดตอนนี้ (เทียบรุ่นท็อปด้วยกันเอง ไม่นับ Shimano Ultegra Di2 ครับ)

ใช้งานเป็นยังไง?

เริ่มที่ฮู้ดก่อน ฮู้ด eTap ไม่ใหญ่ไม่เล็กเกินไป ใกล้เคียงกับ Shimano Di2 และเล็กกว่าฮู้ด Shimano mechanical เล็กน้อย จับทีแรกไม่ค่อยคุ้นครับ แต่ใช้ไปสักพักแล้วสบายมือดีมาก ไม่ได้ต้องปรับอะไรมากนอกจากเลื่อนระยะรีชก้ามเบรคให้ชิดเข้ามานิดนึง แต่ข้อติคือส่วนยางหุ้มฮู้ด ฟีลลิงผิวสัมผัสยังไม่ดีเท่าของ Shimano Dura-Ace

ด้านการเปลี่ยนเกียร์ สำหรับคนที่ไม่รู้จักระบบ eTap วิธีการเปลี่ยนเกียร์ต่างไปจากชุดขับทั้งหมดในตลาดครับ การเปลี่ยนเกียร์เฟืองหลังและจานหน้าจะไม่ได้แยกด้วยชิฟเตอร์ซ้ายและขวา

แตะชิฟเตอร์ซ้าย = ลดเกียร์ (เบา)
แตะชิฟเตอร์ขวา = เพิ่มเกียร์ (หนัก)
แตะชิฟเตอร์ค้าง = เปลี่ยนเกียร์ต่อเนื่อง (ถ้ากดชิฟเตอร์อีกข้างจะเปลี่ยนจานหน้าพร้อมกันได้ด้วย)
แตะสองข้างพร้อมกัน = เปลี่ยนจานหน้า

เวลากดเปลี่ยนเกียร์ ไม่ต้องกดปุ่มลึกมาก ใช้แรงไม่เยอะ แต่ก็ไม่เบามือจนพลาดแตะแล้วเกียร์จะเปลี่ยนเอง ตัวปุ่มกดมีพื้นผิวเป็นลายเส้น และฟีดแบคจากการกดปุ่มชัดเจน ไม่มีอาการกดแล้วไม่รู้ว่ากดแล้วแน่นอน

โดยรวมเป็นระบบที่เป็นธรรมชาติมาก ฟีลเหมือนเปลี่ยนเกียร์รถแข่งที่ใช้ Paddle Shift ปั่นทีเดียวก็ชินแล้ว จะมีปัญหาก็แค่เวลากลับไปใช้เกียร์ Shimano/ Campy / Sram Red (mechanical) คุณจะงงแน่นอนครับ

ข้อดีอีกอย่างคือ ชิฟเตอร์หนึ่งข้างมีปุ่มให้กดแค่ปุ่มเดียว ไม่ต้องกลัวกดพลาด อย่างใน Di2 ในรุ่นก่อนๆ ปุ่มมันอยู่ชิดกันจนบางทีเปลี่ยนเกียร์ที่เราไม่ได้ตั้งใจ (Di2 เจนใหม่ปุ่มมีฟีดแบคที่ดีขึ้นและกดพลาดยากขึ้น) ปัญหานี้คนไทยจะไม่ค่อยเจอครับ แต่ต่างชาติที่ปั่นในเมืองหนาวแล้วต้องใส่ถุงมือแบบเต็มนิ้วจะบ่นให้ฟังบ่อยๆ

SRAM eTap รองรับ ANT+ เชื่อมต่อชุดเกียร์เข้ากับคอมพิวเตอร์จักรยานบางยี่ห้อได้ ใช้ได้กับ Garmin เกือบทุกรุ่น, Wahoo, แต่ยังไม่รองรับ Xplova สามารถตั้งให้ Garmin โชว์เกียร์ที่เรากำลังใช้ตอนนี้และสถานะแบตเตอรีได้ครับ

สับจานหน้ามากับระบบ YAW ของ SRAM นั่นคือถ้าติดตั้งได้ถูกต้องคุณจะไม่เจอปัญหาโซ่สีสับจานต่อให้จะใช้เกียร์เยื้องกันแค่ไหนก็ตาม เพราะโครงสับจานมันจะหันตามเชนไลน์ครับ

แบตเตอรี

SRAM eTap ใช้แบตเตอรี 4 ก้อน ชิฟเตอร์ใช้แบต CR2032 ข้างละก้อน แบตอยู่ได้นานประมาณ 2 ปี ส่วนตีนผีและสับจานใช้แบตของ SRAM เอง SRAM บอกว่าแบตอยู่ได้ 60 ชั่วโมง ผมใช้จริง ปั่นสัปดาห์ละ 8-10 ชั่วโมง ต้องชาร์จประมาณเดือนละหน ถ้าเปลี่ยนเกียร์บ่อยแบตก็จะหมดเร็วขึ้น

ที่ตีนผี สับจานหน้า และชิฟเตอร์จะมีไฟ LED แสดงสถานะแบตเตอรีอยู่ ไฟเขียวคือแบตเต็ม ใช้ได้อีก 50-60 ชั่วโมง, ไฟเหลืองเหลือประมาณ 30 ชั่วโมง, ไฟแดงเหลือ 5-10 ชั่วโมง ถ้าไฟแดงกระพริบเหลือไม่ถึง 5 ชั่วโมง ถ้าแบตหมดสับจาน/ตีนผีหมด มันจะหยุดทำงาน เกียร์จะค้างอยู่ที่ตำแหน่งนั้นเลย

แต่ข้อดีก็คือแบตสับจานและตีนผีนั้นสลับกันได้ครับ โดยปกติเราเปลี่ยนเกียร์หน้าน้อยกว่าเกียร์หลังอยู่แล้ว แบตตีนผีจะหมดก่อนเสมอ ถ้าหมดกลางคันจริงๆ ก็สับจานหน้าเป็นเกียร์ที่ต้องการก่อนแล้วค่อยโยกแบตสับจานมาใส่ตีนผีแทนก็น่าจะปั่นกลับบ้านได้สบายๆ หรือถ้ากลัวมันจะหมดกลางทางจริงๆ ก็พกแบตสำรองได้ ก้อนเล็กนิดเดียว

แบตหนึ่งก้อนใช้เวลาชาร์จประมาณ 45 นาที

จุดอ่อน

  • ระบบไฟฟ้าหรือไร้สายถ้าเกิดรวนหรือพังขึ้นมาก็พังเลย ถ้ามีปัญหาระหว่างปั่น เกียร์ก็จะค้างอยู่อย่างนั้นทำอะไรไม่ได้ เทียบกับชุดขับระบบเคเบิ้ลที่ใช้ความตึงสายเกียร์ในการเปลี่ยนเกียร์เรายังสามารถปรับตั้งให้มันใช้งานได้ เท่าที่ใช้มาชุดเกียร์ผมยังไม่เจอปัญหาอะไร แต่ก็เป็นจุดอ่อนที่ต้องคำนึงไว้ครับ โดยเฉพาะเวลาออกไปปั่นไกลๆ หรือไปต่างประเทศ กรุ๊ปเซ็ตไฟฟ้าทุกรุ่นทุกยี่ห้อมีโอกาสเจอปัญหานี้
  • ข้อนี้โยงกับข้อแรก ผ่านมาแล้วสามปีแต่ SRAM ยังมีกรุ๊ป eTap แค่รุ่นเดียว คือรุ่นสูงสุด Red eTap แน่นอนว่ามีราคาสูง ถ้าเกิดชิ้นส่วนสำคัญอย่างชิฟเตอร์, ตีนผี หรือสับจานพังขึ้นมา ก็ต้องซื้อใหม่ ไม่สามารถซื้อรุ่น “รอง”​ มาใช้แทนกันได้ เหมือนอย่างถ้าเราใช้ Shimano Di2 เราสามารถใช้อะไหล่ Dura-Ace ร่วมกับ Ultegra ได้ไม่มีปัญหา มีอะไหล่ให้เลือกสองระดับราคา อย่างของ Campagnolo มีถึงสามระดับ (Super Record, Record, Chorus)
  • เปลี่ยนเกียร์ไม่เร็วเท่า Di2: โดยเฉพาะเวลาเปลี่ยนหลายๆ เกียร์พร้อมกัน มันจะช้ากว่า Di2 ที่ตั้งความไวแบบเร็วหรือเร็วสุดไว้ แต่เวลาใช้จริงก็ไม่ได้ช้ามากหรอกครับ แค่หลักเสี้ยววินาที กดรัวๆ ก็เปลี่ยนทันใจอยู่ แต่คนที่ชอบความรู้สึกเปลี่ยนปุ๊บมาปั๊บก็น่าจะรู้ไว้ อันนี้คงทำอะไรไม่ได้เพราะ eTap ตั้งความเร็วการเปลี่ยนเกียร์ไม่ได้
  • การขึ้น-ลงจานหน้ารู้สึกยังไม่กริ๊ปเท่า Di2 แต่เปลี่ยนเกียร์เฟืองหลังเร็ว แม่น ไม่มีปัญหา
  • ชิฟเตอร์เป็นคาร์บอนแต่ให้ฟีลเหมือนของเกรดรองท็อปอย่าง Ultegra ยังไม่ดูพรีเมียมเหมือน Dura-Ace ต้องยอมรับว่างาน finishing ของ Shimano นั้นเหนือคู่แข่งไปมาก
  • ฝาบานพับยึดแบตเตอรีดูบอบบาง
  • สับจานและตีนผีค่อนข้างใหญ่: เทียบกับ Di2 รุ่นใหม่ๆ แล้วใหญ่กว่าพอสมควร แต่ถ้าไมแคร์เรื่องนี้ก็ไม่ใช่ปัญหา
  • ชุดจานยังใช้ระบบสอง BCD: 130 BCD สำหรับใบจาน 53-39 และ 110 BCD สำหรับ 52/36 หรือ 50/34 ไม่เหมือน Shimano/ Campagnolo ที่ใช้ BCD เดียว เปลี่ยนใบจานได้ทุกขนาด
  • โปรแกรมระบบเกียร์ไม่ได้เหมือน EPS/ Di2

สรุป

ถึงจะมาช้ากว่าค่ายอื่น แต่ประสิทธิภาพการทำงาน SRAM Red eTap ไม่ได้เป็นรองชุดขับไฟฟ้ารุ่นท็อปจาก Shimano และ Campagnolo เลย มีข้อได้เปรียบเด่นๆ 5 ด้าน

1) น้ำหนักเบากว่า
2) ราคาถูกกว่า
3) ติดตั้งง่ายกว่า
4) ไร้สาย
5) วิธีการเปลี่ยนเกียร์เป็นธรรมชาติกว่าทุกระบบ

ถามว่าถ้าใช้ Di2 อยู่แล้ว มีประโยชน์ที่จะย้ายค่ายมาไหม? ถ้าว่ากันแค่เรื่องประสิทธิภาพ ก็ไม่จำเป็นครับ ทั้ง Dura-Ace / Ultegra Di2 นั้นทำงานได้สมบูรณ์แบบมากๆ อยู่แล้ว แต่ถ้าชอบความสะดวก อยากลองวิธีการเปลี่ยนเกียร์ใหม่ๆ ชอบเปลี่ยนเฟรมบ่อย  และยอมรับกับจุดอ่อนที่กล่าวไว้ได้ SRAM Red eTap ก็เป็นตัวเลือกชุดขับที่น่าสนใจมาก โดยเฉพาะถ้ายังไม่เคยใช้ชุดขับไฟฟ้ามาก่อนเลย  ราคาก็ไม่ได้เลวร้ายมากนัก ถ้าซื้อแค่ชุดอัปเกรดครับ

★★★★½

By เทียนไท สังขพันธานนท์

คูน คือผู้ก่อตั้งดั๊กกิ้งไทเกอร์ และอยากใช้เว็บไซต์นี้ช่วยให้คนไทยอยากขี่จักรยานกันเยอะๆ!