ริชีย์ พอร์ท (Sky) ปิดสนาม Paris-Nice ด้วยการคว้าแชมป์สเตจสุดท้ายและถือเป็นแชมป์รายการสมัยที่ 2 ของเขา
สเตจ 7 เป็นการแข่งขันไทม์ไทรอัลบุคคล ขึ้นยอดเขา Col d’Eze ระยะทาง 9.3 กิโลเมตร พอร์ททำเวลา 20:23 นาที (28.3 kp/h) เร็วกกว่าอันดับสอง ไซมอน สปิแลค (Katusha) 13 วินาที และเร็วกกว่ารูย คอสต้า (Lampre) อันดับสาม 24 วินาที
ก่อนที่จะลงแข่งสเตจ 7 พอร์ททำเวลาตามโทนี กาโลแปง (Lotti-Soudal) ที่นำเวลารวม 36 วินาที กาโลแปงออกยิงหนีกลุ่มในสเตจ 6 ตั้งแต่ 30 กิโลเมตรสุดท้ายและหนีได้จนถึงเส้นชัย คว้าเสื้อผู้นำเวลารวม แต่ในสเตจสุดท้าย เขาทำเวลาช้ากว่าพอร์ทถึง 1:39 นาที ตกไปอยู่อันดับ 6 overall
ผลเวลารวมสุดท้ายพอร์ทคว้าอันดับ 1, มิฮาล เควียทคอฟสกี (Etixx-Quickstep) เก็บอันดับสอง และไซมอน สปิแลค (Katusha) รั้งอันดับ 3
ผลการแข่งขัน
วิดีโอไฮไลท์ (สเตจ 6 และ 7)
The Takeaway
1. พอร์ทกลับมาแล้ว
ริชีย์ พอร์ทคอนเฟิร์มความสามารถของเขาอีกครั้งหลังจากที่เงียบหายไปหนึ่งปีเต็ม ฤดูกาล 2015 เขาคว้าแชมป์สเตจมาแล้ว 4 สเตจ จากสามรายการแข่งขัน (Tour Down Under, Volta ao Algarve, และ Paris-Nice) สิ่งที่คุณอาจจะไม่รู้คือสเตจที่เขาชนะในแต่ละรายการเป็น “Queen Stage” ครับ หรือสเตจที่ยากที่สุด ขึ้นเขาลูกที่ชันที่สุด
ปีที่แล้ว Sky ยังมีข้อสงสัยกับพอร์ทอยู่เล็กน้อยว่าจะให้เขาเป็นผู้นำแกรนด์ทัวร์ดีหรือเปล่า เพราะว่าเขาป่วยตั้งแต่ต้นฤดูกาล และมีผลงานน้อยมาก ว่ากันจริงๆ แล้วเราพอรู้ว่าพอร์ทเป็นนักปั่นที่มีศักยภาพ เขาเป็น keyman สำหรับชัยชนะของคริส ฟรูมใน Tour de France 2013 แต่ถามว่าตัวเขาเองมีผลงานอะไรบ้าง? ในฐานะนักปั่น GC ก็ถือว่ายังไม่เยอะมาก แต่มาปีนี้ กับชัยชนะขนาดนี้ ผมว่า Sky น่าจะอุ่นใจที่ให้พอร์ทขึ้นนำทีมใน Giro d’Italia เรารู้ว่าพอร์ทชนะรายการสเตจเรซ 1 สัปดาห์ได้ไม่ยากนัก (เขาชนะหลายสนามแล้ว) แต่ถ้าต้องนำทีมแกรนด์ทัวร์ 3 สัปดาห์จริงๆ จะเป็นยังไง ต้องดูกันครับ
2. สเตจเรซหรือสนามคลาสสิค?
นอกจากการแข่งขันของตัวเต็ง GC และนักไต่เขาแล้ว สนามนี้ยังเป็นลานประลองของนักปั่นตัวเต็งคลาสสิคอีกด้วย แต่ถึงนักปั่นคลาสสิคจะใช้ Paris-Nice เป็นสนามซ้อม บางครั้งมันก็เป็นผลร้ายมากกว่าเป็นผลดีครับ ทอม โบเน็นต้องถอนตัวจากการแข่งขันตลอดช่วงต้นปีนี้ เพราะเขาล้มใน Paris-Nice จนเจ็บหัวไหล่ และคงแข่งสนามคลาสสิคต่อไม่ได้ แต่ก็ถือเป็นโอกาสให้นิกี้ เทิร์ปสตรา และชเน็ค สตีบาร์ เพื่อนร่วมทีม Etixx-Quickstep ได้โชว์ผลงานเช่นกัน
3. เด็กๆ ฟอร์มตก
นอกจากริชีย์ พอร์ทแล้ว จริงๆ รายการนี้มีตัวเต็ง GC หน้าใหม่ (อายุน้อยกว่า 25 ปี) อีกหลายคน แต่พวกเขาหายไปไหนกันหมด?
- เควียทคอฟสกี (Quickstep) ทำผลงานได้ดีที่สุด คงเส้นคงวาตลอดการแข่งขัน ชนะ prolouge สเตจแรก ครองเสื้อเลหืองหลายวัน และติดโพเดี้ยมอีกหนึ่งครั้ง ถึงยังไม่ชนะ แต่เทียบกับประสบการณ์แล้วถือว่าสอบผ่านครับ
- ฟาบิโอ อารู (Astana) จบการแข่งขันด้วยอันดับที่ 39 ตามหลังพอร์ท 24:48 นาที ไม่ค่อยแปลกใจสำหรับนักปั่นทีม Astana ที่ชอบบิลด์ฟอร์มให้พีคใกล้ๆ สนามแข่งจริง และไม่เน้นติดอันดับสูงในรายการช่วงต้นปี อารูหลุดกลุ่มตัวเต็งในสเตจ 5 และกลับขึ้นมาไม่ได้อีกเลย ในขณะที่ยาค็อบ ฟูลก์แซง อีกหนึ่งตัวเต็งของทีม (รุ่นพี่) คว้าอันดับ 7 และตามหลังพอร์ทแค่ 1:05 นาทีเท่านั้น
- วิลโค เคลเดอร์แมน (LottoNL) ทำได้ดีครับ จบการแข่งขันด้วยอันดับ 15 ถึงแม้จะยางรั่วในสเตจ Prolouge อันดับในสเตจอื่นๆ ไม่ดีมากแต่ก็ยังรักษาเวลารวมได้โอเค
- โรเมน บาร์เดต์ (AG2R) ก็โอเค จบอันดับที่ 14 ตามหลังพอร์ทเกือบ 5 นาที เป็นความหวังใหม่ของทีมที่น่าจะพึ่งพาได้ในอีกไม่กี่ปีนี้
- แต่ที่น่าผิดหวังไม่น้อยก็คงเป็นสามตัวพ่อ ทีเจย์ แวนการ์เดอเรน (BMC, อันดับ 16), แอนดรูว์ ทาลานสกี (Cannondale-Garmin, อันดับ 50) และราฟาว์ล ไมย์กา (Tinkoff-Saxo อันดับ 68) ด้วยอายุและประสบการณ์ที่มากกว่ารุ่นน้องหลายๆ คน DT คิดว่าน่าจะทำผลงานได้ดีกว่านี้ครับ แต่ก็นั่นแหละ สนามนี้ก็เป็นช่วงต้นฤดูกาล หวังว่าเดือนต่อๆ ไปคงพร้อมกว่านี้ โดยเฉพาะ TJ และทาลานสกีที่มีหน้าที่ต้องนำทีมใน Tourd de France ไมย์กายังโอเคเพราะคอนทาดอร์รรับผิดชอบสนามใหญ่ทั้งตูร์และจิโร
4. สรุป
เป็น Paris-Nice อีกหนึ่งปีที่จัดได้สนุกครับ ได้เห็นพอร์ทชิงเสื้อเหลืองสลับกับเควียทคอฟสกีในขณะที่ชัยชนะของกาโลแปงนั้นพลิกความคาดหมายของตัวเต็งหลายๆ คน (ผมว่าสเตจ 6 สนุกที่สุด ลองดูวิดีไฮไลท์)
พอร์ทชนะรายการเป็นครั้งที่สอง ซึ่งเราหวังว่าจะได้เห็นเขาก้าวไปอีกขั้นด้วยอันดับโพเดี้ยมหรือแชมป์รายการแกรนด์ทัวร์ สำหรับ Sky เองจะดูแต่ผู้ชนะคงไม่เหมาะครับ เพราะเกอเรนท์ โทมัสก็เป็นอีกคนที่ฟอร์มแรงสุดๆ และเป็นคนสำคัญที่ช่วยให้พอร์ทคว้าแชมป์สเตจ 4 ได้สำเร็จ ปีนี้ Sky มีไพ่หลายใบทีเดียว และเปิดฤดูกาลได้ร้อนแรงไม่แพ้ Etixx-Quickstep
สำหรับใครที่ยังอยากชมการแข่งต่อ สนาม Tirreno-Adriatico ยังไม่จบครับ และสุดสัปดาห์นี้ 22 มีนาคม เรามีแข่งรายการใหญ่ Milan-Sanremo ด้วย อย่าลืมติดตามกัน
♦♦♦
