อีกเทรนด์หนึ่งที่น่าสนใจในงาน Eurobike ปีนี้ที่เปิดตัวกันหลายๆ แบรนด์คือสมาร์ทเทรนเนอร์แบบจักรยานทั้งคัน ที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องนำจักรยานมาติดตั้งกับเทรนเนอร์ ขึ้นปั่นได้เลย โดยมีบริษัทชั้นนำทั้ง Wahoo, Tacx, SRM, และ Stages เปิดตัวดีไซน์ของตัวเองในปีนี้
หลายคนอาจจะสงสัยว่าจักรยานเทรนเนอร์แบบนี้มันมีประโยชน์ยังไง เพราะทุกรุ่นที่เปิดตัวนั้นราคาเกิน 100,000 บาททั้งหมด หมายความว่าในงบนี้คุณสามารถซื้อสมาร์ทเทรนเนอร์คุณภาพสูงที่มีพาวเวอร์มิเตอร์ในตัว แล้วยังเหลือเงินประกอบจักรยานดีๆ หนึ่งคันมาใช้กับเทรนเนอร์ได้ด้วย แต่ต้องบอกว่าสมาร์ทเทรนเนอร์แบบสำเร็จรูปพร้อมปั่นนั้นกำลังได้รับความนิยมในต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ต้องการความสะดวก ไม่ต้องคอยถอดหรือใส่จักรยานทุกครั้งที่อยากปั่น (และสามารถตั้งระยะท่านั่งต่างๆ ให้เท่ากับจักรยานของเราได้ด้วย)
นอกจากนี้ก็มีกลุ่มคนที่ไม่อยากออกไปปั่นข้างนอก ด้วยหลายๆ ปัจจัยเช่นสภาพอากาศไม่เป็นใจ หรือไม่สะดวกกับการปั่นบนท้องถนนที่อันตรายนั่นเองครับ อีกหนึ่งการใช้งานที่สะดวกก็คือสำหรับกลุ่มคนที่อยากออกกำลังกายประเภทเอนดูรานซ์ แต่ไม่ชอบการปั่นจักรยานข้างนอก ก็สามารถใช้เครื่องปั่นลักษณะนี้ ซึ่งมีฟังก์ชันการใช้งานสมจริงกว่าจักรยาน stationary แบบในยิมทั่วไปนั่นเอง
Wahoo KICKR Bike
เจ้าแรกที่จะพูดถึงมาจาก Wahoo กับจักรยาน KICKR Bike ดูหน้าตาแล้วไม่เหมือนจักรยานในยิมทั่วไปเท่าไร ดูเหมือนจักรยานสำหรับทำไบค์ฟิตติ้งมากกว่า นั่นก็เพราะมันออกแบบมาให้ปรับระยะต่างๆ ได้เหมือนจักรยานจริงๆ นั่นเอง ซึ่งสามารถปรับระยะ stack / reach ตรงช่วงแฮนด์ได้ง่ายๆ ด้วยแกนปลดไว นอกจากนี้ยังปรับความสูงและระยะเบาะ ความยาวขาจาน ทั้งหมดนี้ผู้ใช้สามารถถ่ายรูปจักรยานตัวเอง อัปโหลดลงแอปของ Wahoo เพื่อให้มันปรับะระยะให้อัตโนมัติ หรือจะปรับเองแบบ manual ก็ได้เช่นกัน
ผู้ใช้สามารถตั้งโปรไฟล์ระยะต่างๆ ได้หลายโปรไฟล์ ถ้ามีคนใช้ร่วมกันหลายคน Wahoo เคลมว่าระบบสามารถปรับระยะตามโปรไฟล์ที่ตั้งไว้ได้ในนาทีเดียว ถ้าไม่ชอบทรงแฮนด์และเบาะก็สามารถถอดเปลี่ยนไปใช้รุ่นที่เราชอบก็ได้ด้วยเช่นกันเพราะใช้ระบบยึดเหมือนจักรยานทั่วๆ ไป
สำหรับสเป็คต่างๆ นั้นจะเป็น:
- ปรับความหนืดให้รองรับการออกแรงได้สูงสุด 2,200 วัตต์
- ปรับองศาจำลองสภาพความชันของถนนได้ (เช่นถ้าใช้เทรนเนอร์คู่กับแอพพลิเคชันอย่าง Zwift ที่จำลองเส้นทางการปั่นแบบมีความสูงชัน ขึ้นเขาขึ้นเนิน ตัวเทรนเนอร์ก็จะแหงนขึ้นเหมือนเรากำลังปั่นจักรยานขึ้นเขาจริงๆ) ความชันตรงนี้จำลององศาได้ชันสูงสุด 20% และสำหรับจังหวะลงเขาจำลองได้ -15%
- ความแม่นยำพาวเวอร์มิเตอร์ +/-1%
- Wahoo เคลมว่าเงียบกว่าเทรนเนอร์ทั่วๆ ไป และฟีลลิงการปั่นคล้าปั่นบนถนนจริง
ตัวเทรนเนอร์มากับมือเกียร์ของ Wahoo เอง ที่ผู้ใช้สามารถโปรแกรมให้จำลองรูปแบบการเปลี่ยนเกียร์ได้จากทุกค่ายไม่ว่าจะเป็น Shimano, SRAM, และ Campagnolo ด้านบนของชิฟเตอร์มีปุ่มที่สามารถตั้งโปรแกรมให้ใช้กับเกมออนไลน์อย่าง Zwift หรือฟังก์ชันอื่นๆ ในภายหลังได้
ระบบการเชื่อมต่อรองรับ ANT+, ANT+ FE-C, Bluetooth, BLE ใช้ได้กับแอพซ้อมปั่นเกือบทุกตัวในตลาดตอนนี้ เช่น Zwift, Trainerroad, Sufferfest, Kinomap, FulGaz แค่เชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนก็ใช้งานได้ทันที
ราคา 3,500 USD หรือประมาณ 110,000 บาท เริ่มวางจำหน่ายตุลาคมนี้
Stages Bike
สำหรับแบรนด์ที่สองที่เปิดตัวสมาร์ทเทรนเนอร์แบบปั่นได้เลยก็คือ Stages ผู้ผลิตพาวเวอร์มิเตอร์ราคาประหยัดที่เรารู้จักกันดีนั่นเอง
ดีไซน์ของ Stages Bike จะไม่หวือหวาเท่า Wahoo นั่นคือถึงจะปรับระยะท่านั่งต่างๆ ได้ ทั้งระยะและองศาเบาะ แฮนด์ สเต็ม ความยาวขาจาน แต่ไม่สามารถทำมุมเอียงแหงนขึ้นหรือก้มลงจำลองการขึ้นและลงเขาได้ ความยาวขาจานมีให้เลือกตั้งแต่ 165, 170, 172.5 และ 175mm
ตัวจักรยานรองรับแรงปั่นสูงสุด 3,000 วัตต์ รอบขาสูงสุด 120rpm ระบบขับเคลื่อนเป็นแบบสายพาน ไม่ต้องกังวลเรื่องการสึกหรอของโซ่ ส่วนพาวเวอร์มิเตอร์ที่มาด้วยเป็นของ Stages เองแบบ dual sided (วันพลังจากทั้งสองด้าน)
แฮนด์และสเต็มใช้ตามมาตรฐานเสือหมอบทั่วไป ถ้าไม่ชอบฟีลที่มากับเครื่องก็เปลี่ยนไปใช้แบบที่ถนัดเองได้ แต่ตัวชิฟเตอร์เปลี่ยนไม่ได้ เพราะเป็นระบบของ Stages เอง ผู้ใช้สามารถโปรแกรมสั่งงานการเปลี่ยนเกียร์ตัวชิฟเตอร์ได้ คล้ายๆ ระบบของ Wahoo
การเชื่อมต่อรองรับระบบ ANT+ และ Bluetooth และมากับพอร์ท USB สองช่องสำหรับชาร์จอุปกรณ์อื่นๆ ที่ผู้ใช้อาจจะใช้ระหว่างปั่น เช่นไมล์ หรือสมาร์ทแท็บเล็ต
เริ่มวางจำหน่ายต้นปีหน้าราคาอยู่ที่ระหว่าง 2,600-2,800 USD หรือประมาณ 80,000 บาท
SRM SmartIt
ค่ายที่สามที่เปิดตัวเป็น SRM ผู้คิดค้นพาวเวอร์มิเตอร์ในจักรยานรายแรกของโลก เปิดตัวสมาร์ทเทรนเนอร์แบบพร้อมปั่น ในชื่อ SmartIT ซึ่งแน่นอนว่าใช้พาวเวอร์มิเตอร์ของ SRM ที่เคลมความแม่นยำ +/- 1% และรองรับการออกแรงสูงสุด 1,400 วัตต์ (ซึ่งน้อยกว่าทั้ง Wahoo, Tacx และ Stages อยู่พอสมควร)
จุดที่ต่างไปจากแบรนด์อื่นๆ คือจักรยานเทรนเนอร์ของ SRM ใช้ชุดขับเคลื่อนเสือหมอบโดยตรง ไม่ใช่ระบบแบบอินทิเกรตแบบแบรนด์อื่นๆ ผู้ใช้สามารถเลือกกรุ๊ปเซ็ต เบาะ แฮนด์ สเต็มมาใช้ได้เอง ใช้ระบบ magnetic flywheel ที่ควบคุมความหนัก/หนืดโดยคอนโทรลเลอร์ที่ติดตั้งตรงปลายแฮนด์ เพิ่มความหนืดได้ที่ละ 5 วัตต์
ระบบ รองรับการเชื่อมต่อ ANT+ และ Bluetooth ตัวเครื่องมากับแอพพลิเคชันสำหรับออกแบบโปรแกรมฝึกซ้อมของ SRM เอง หรือจะใช้กับซอฟต์แวร์จากค่ายอื่นๆ ก็ได้เช่นกัน
ตัวเครื่องรองรับนักปั่นที่ความสูงตั้งแต่ 165-200cm
ตัวเครื่องหนัก 65 กิโลกรัม ราคาอยู่ที่ 5,000 ยูโรหรือประมาณ 170,000 บาท (ดูจะแพงกว่าและทำได้น้อยกว่าคู่แข่งอยู่พอสมควร) แต่ราคานี้มากับพาวเวอร์มิเตอร์ของ SRM และไมล์ SRM PC8
TACX Neo Bike
จริงๆ แล้ว TACX เป็นรายแรกที่เปิดตัวจักรยานเทรนเนอร์เป็นรายแรกในงาน Eurobike ปีก่อน แต่ยังไม่พร้อมจำหน่าย ดีไซน์ของ TACX ก็จะมีความล้ำคล้ายๆ ของ Wahoo รองรับการออกแรงสูงสุด 2,200 วัตต์ จำลองความชันได้สูงสุด 25% (แต่ตัวเทรนเนอร์ไม่เอียงตามเหมือน Wahoo) มีระบบเปลี่ยนเกียร์แบบ virtual นั่นคือให้ฟีลลิงจำลองการเปลี่ยนเกียร์และปั่นบนถนนได้สมจริง
TACX ถึงกับเคลมว่าผู้ใช้สามารถรู้สึกถึงจังหวะที่โซ่เคลื่อนที่ระหว่างเฟืองและจานได้ด้วย
พาวเวอร์มิเตอร์ในตัวความแม่นยำ +/- 1% และมีพัดลมขนาดเล็กติดตั้งมาให้ด้วยสองตัว (!) ที่ด้านบนชุดแฮนด์ TACX ออกแบบโครงที่รองรับการติดตั้งสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต เพื่อใช้ซ้อมกับแอพพลิเคชันอย่าง Sufferfest, Zwift, และ Trainerroad
ราคา 3,200 USD หรือประมาณ 98,000 บาท