Specialized เปิดตัวเซนเซอร์ติดหมวกกันน็อคจักรยาน ANGi ที่สามารถโทรหาเบอร์ฉุกเฉินในกรณีที่คุณปั่นจักรยานล้ม
เซนเซอร์ตัวนี้ Specialized เรียกชื่อว่า ANGi ซึ่งย่อมาจาก Angular and G-Force Indicator มีขนาด 25x40x8 มิลลิเมตร น้ำหนัก 10 กรัม ซึ่งจะติดไว้กับหมวกกันน็อค ในตัวเซนเซอร์จะมี accelerometer และ gyroscope ที่คอยเช็คว่าเราล้มคะมำกะทันหันหรือเปล่า ตัวยูนิททำงานเชื่อมต่อกับแอปในสมาร์ทโฟนผ่าน Bluetooth
ถ้าเซนเซอร์พบว่ามีอัตราเร่งแนวราบ หรือหมุนทะแยงเร็วผิดปกติ (เช่นจักรยานล้มพุ่งไปข้างหน้า หรือคว่ำตีลังกาข้ามรถ) มันก็จะเริ่มทำงานทีละขั้นตอน
- เซนเซอร์จะส่งสัญญาณเข้าหาสมาร์ทโฟนของเรา ส่งเสียงเตือนและส่ง notification ขึ้นหน้าจอ
- ถ้าเราไม่ปิดสัญญาณเสียงในเวลาที่กำหนด (แสดงว่าคนปั่นไม่อยู่ในสภาวะที่ช่วยเหลือตัวเองได้) มันก็จะส่งพิกัด GPS และข้อความไปยังรายชื่อติดต่อฉุกเฉินที่เราตั้งไว้
เทคโนโลยีนี้ไม่ได้ใหม่ซะทีเดียวครับ ก่อนหน้านี้เราอาจจะเคยได้ยินเทคโนโลยีที่ใช้เช็คว่านักปั่นล้มหรือเปล่ามาก่อนในชื่อ ICEDot แต่ Specialized ไปซื้อสิทธิบัตรจาก ICEDot มาพัฒนาต่อนั่นเอง จะเรียกว่าเป็น ICEDot 2.0 ก็ว่าได้
เซนเซอร์ทำงานด้วยแบตเตอรี 2032 และมีอายุการใช้งานประมาณ 6 เดือน
เบื้องต้นเซนเซอร์ ANGi จะวางจำหน่ายพร้อมหมวก Specialized Evade II, Prevail II, Propero, Ambush, Ambush Comp, Ambush e-Bike, Dissident, Shuffle และ Shuffle Youth
หมวก Specialized ที่ผลิตต่อจากนี้ทุกรุ่นจะมีตำแหน่งติดตั้งเซนเซอร์ ANGi โดยเฉพาะ แต่ถ้าใครอยากซื้อเฉพาะเซนเซอร์ไปใช้เองกับหมวกอื่นๆ (แต่ต้องใช้แอปของ Specialized) ตัวเซนเซอร์จะอยู่ที่ 50 USD หรือประมาณ 1,600 บาท
อย่างไรก็ดี Specialized ไม่แนะนำให้ใช้เซนเซอร์ตัวนี้กับหมวกแบรนด์อื่น เพราะไม่ได้ทดลองและออกแบบมาให้ใช้กับการติดตั้งในหมวกที่ไม่ใช่ของ Specialized เอง ซึ่งอาจทำให้การวัดผลผิดพลาด
แอป Specialized Ride
เซนเซอร์ ANGi ต้องใช้งานร่วมกับแอป Specialized Ride ถึงจะทำงานได้สมบูรณ์แบบ อันดับแรกต้อง pair เซนเซอร์กับแอป และระหว่างปั่นต้องเปิดให้แอป record การปั่นไปด้วย (ตัวแอปทำงานคล้ายๆ Strava นั่นคือสามารถบันทึกข้อมูลการปั่น และมีออปชันในการสร้างนัดหมายปั่นระหว่างผู้ใช้งานแอปเดียวกันได้) เมื่อปั่นเสร็จก็ต้องกดปิดการใช้งานในแอปด้วยเช่นกัน ซึ่งดูน่าจะวุ่นวายทีเดียว เพราะเดี๋ยวนี้นักปั่นก็ต้องกดบันทึกไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์จักรยาน หรือนาฬิกาข้อมือสำหรับออกกำลังกายอยู่แล้ว
Specialized กล่าวว่ากำลังพยายามพัฒนาร่วมกับ Garmin และ Wahoo เพื่อให้ตัวเซนเซอร์ใช้งานได้กับคอมพิวเตอร์จากทั้งสองแบรนด์ จะได้ไม่ต้องเปิดทำงานผ่านสมาร์ทโฟนในทุกๆ ครั้ง
ผู้ใช้สามารถตั้งรายชื่อติดต่อฉุกเฉินในแอปนี้ได้
การทำงานของมันก็คือ แอปจะส่งข้อความไปหาคนที่อยู่ในรายชื่อตอนเราเริ่มปั่นและหยุดปั่น ถ้านักปั่นรู้ว่าจะอยู่นอกสัญญาณโทรศัพท์ก็สามารถระบุระยะเวลาที่คิดว่าจะปั่นเสร็จไว้ได้ ซึ่งถ้าเราไม่กลับมาในระยะสัญญาณโทรศัพท์ตามเวลาที่กำหนด แอปจะส่งข้อความไปเตือนตามรายชื่อฉุกเฉินที่เราตั้งไว้
แต่ปัญหาใหญ่สุดสำหรับคนที่สนใจเซอร์วิสนี้น่าจะเป็นค่าบริการครับ ใช่แล้วค่าบริการรายปี! ถึงจะซื้อเซนเซอร์และหมวกที่รองรับแล้วแต่จะใช้งานได้ก็ต้องจ่ายให้ Specialzied ปีละ 30 USD หรือประมาณพันบาท สำหรับคนที่ซื้อหมวกที่มีเซนเซอร์ ANGi จะได้รับโค้ดให้ใช้งานได้ฟรีในปีแรก
หมวก Specialized รองรับ MIPS แล้ว
นอกจากจะมีเซนเซอร์ใหม่แล้ว Specialized ยังปรับดีไซน์หมวกทุกรุ่นต่อจากนี้ให้รองรับเทคโนโลยี MIPS (Multi-Directional Impact Protection System) หรือ ระบบป้องกันการกระแทกจากหลายทิศทาง ถ้าใครไม่เข้าใจการทำงานของระบบ MIPS สามารถไปอ่านเพิ่มเติมได้ในโพสต์หมวก Giro Aether ที่ DT เคยอธิบายไว้อย่างละเอียดแล้วครับ
หมวกรุ่นท็อปจะใช้ไลน์เนอร์ MIPS SL ที่มีน้ำหนักเบากว่ารุ่นปกติและไม่ขวางการไหลเวียนของลมในหมวก ซึ่งจัดว่าเป็นข้อเสียของระบบ MIPS
ที่มา: Specialized.com