สิบปีก่อนผมเคยได้คุยกับเพื่อนชาวสวิสคนหนึ่ง ชาวสวิสคนนี้หลวมตัวมาเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกับผม เราอยู่เรียนคณะเดียวกัน และมีวิชาที่เรียนคาบเดียวกันหลายครั้ง
ผมพยายามคุยกับเขาหลายครั้ง แต่ส่วนใหญ่การสนทนาจะเป็นถามคำตอบคำ ช่วงสอบอยากจะถามเรื่องเนื้อหาที่เรียน แต่แกก็ไม่ค่อยพูด ไอ้เราก็จำที่เรียนมาไม่ค่อยได้ ผมฟังดูชักหงุดหงิดเลยถามว่าคนสวิสนี่เงียบทุกคนเลยหรือ?
เขาไม่ตอบ แต่ได้แต่พยักหน้าเบาๆ
ประมาณว่า “ก็ประมาณนั้นแหละ”
ตัดกลับมาสองเดือนก่อน DT ได้โอกาสคุยกับผู้ก่อตั้งแบรนด์รองเท้าจักรยานจากสวิส ในชื่อ Suplest อาการปวดหัวแบบเมื่อสิบปีก่อนก็กลับมาอีกครั้งครับ เพราะผู้ก่อตั้งนี่พูดน้อยมาก เหมือนกับว่าให้สินค้าของเราเป็นตัวบอกกล่าวเรื่องราวแทนดีกว่า
รู้จัก Suplest
Suplest (อ่านว่า “ซู-เพลส”) เป็นแบรนด์รองเท้าจักรยานจากสวิสที่ก่อตั้งในปี 2007 จุดเด่นคือเติบโตมาจากการเป็นผู้ผลิตรองเท้ามาก่อน ทำให้มีความเชี่ยวชาญเรื่องเท้าๆ มากทีเดียว
โรเบิร์ต (คนซ้าย) และแดเนียล (คยขวา) เป็นพาร์ทเนอร์ร่วมอุดมการณ์ ทั้งคู่เป็นนักปั่นจักรยานตัวยังที่มีฝันอยากให้รองเท้าจักรยานจากสวิสดังไปทั่วโลกและไว้ใจได้เหมือนกับนาฬิกาสวิส
แดเนียลโตมาจากครอบครัวคนทำรองเท้า และได้เป็นผู้จัดการแบรนด์จักรยานจากสวิส (BMC) อยู่พักหนึ่ง ส่วนโรเบิร์ตเป็นดีไซน์เนอร์มาก่อน ความรักในการปั่นและพื้นหลังของทั้งคู่ทำให้ร่วมหัวจมท้ายกันเปิดแบรนด์รองเท้าจักรยานได้ไม่ยาก
คำว่า Suplest เป็นคำวิเศษณ์ ล้อมาจากคำว่า Souplesse ในภาษาฝรั่งเศสซึ่งแปลตรงๆ ว่า “อ่อนนุ่ม” แต่จริงๆ แล้วคำว่า Souplesse เป็นคำชมนักปั่นที่มีสโตรคการควงขาหนักแน่นและนิ่มนวล ซึ่งหาชมไม่ได้ง่ายๆ นอกจากในวงการนักปั่นอาชีพ
Suplest ไม่ได้ต้องการเป็นผู้ผลิตรองเท้ารายใหญ่ แดเนียลบอกเราว่า
“เราอยากเป็นอย่างแบรนด์สวิสครับ คือไม่ต้องใหญ่โต เราเดินงานกันแค่สองคน เราแค่อยากทำรองเท้าที่ดีพอสำหรับทุกคนตั้งแต่นักปั่นอาชีพไปจนถึงนักปั่นธรรมดา”
“เราเชื่อมั่นในความเป็นสวิสนะครับ เหมือนนาฬิกาสวิส เรียบง่ายแต่หรูหรา เราอยากทำสิ่งเล็กๆ ไม่กี่อย่าง แต่ทำให้ดีที่สุด”
หลายคนอาจจะเคยเห็นรองเท้า Suplest ที่ไปทำร่วมกับแบรนด์ชุดปั่นชื่อดังจากออสเตรเลียอย่าง MAAP มาแล้ว ด้วยความที่เป็นบริษัทเล็กๆ เหมือนกันและมีรสนิยมคล้ายกัน แดเนียลบอกว่าในอนาคตก็อาจจะได้เห็นงานรองเท้าปั่น collaboration ร่วมกับแบรนด์อื่นๆ อีกด้วย
พอถามว่าเขาคิดอะไรบ้างก่อนจะออกแบบรองเท้าปั่นสักคู่หนึ่ง แดเนียลตอบ:
“เราไม่อยากมีรองเท้าหลายรุ่นนะ อยากทำไม่กี่รุ่นแต่ดูดีและเด่น เข้ากับสไตล์ของนักปั่นสมัยใหม่ เราชอบใช้สีเด่นๆ ซึ่งนอกจากจะทำให้รองเท้าดูโดดแล้วยังทำให้สังเกตได้ง่ายปลอดภัยเวลาออกไปปั่นด้วยครับ”
“เวลาเราเริ่มพัฒนารองเท้าสักคู่หนึ่ง เราจะคิดก่อนว่ามันจะถูกนำไปใช้ในสถานการณ์แบบไหนบ้าง อย่างเสือหมอบกับเสือภูเขาก็ต่างกันชัดเจนอยู่แล้ว เราเองไม่ได้มีความรู้ครบทุกอย่างในการทำรองเท้าแต่เรามีเพื่อนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเยอะครับ ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ออร์โทพีดิกส์ นักกายภาพ นักปั่นทั่วไปและนักแข่ง จากนั้นเรานำข้อมูลทั้งหมดมาประมวลแล้วสังเคราะห์ออกมาเป็นรองเท้าต้นแบบ รุ่นนึงอาจจะมีต้นแบบได้ถึง 15-20 รุ่น ก่อนที่มันจะออกมาเป็นตัวที่เราวางขายจริง”
“รองเท้าของเราไม่ได้แบ่งเป็นรุ่นหน้ากว้าง หน้าปกติอะไรแบบนั้น เรามีฟิตเดียว แต่ช่วง toebox (ช่วงหน้าเท้า) กว้างพอสมควร ซึ่งหลายๆ คนก็น่าจะใส่ได้ไม่มีปัญหาครับ”
Suplest Edge/3 Pro
รู้จักที่มาที่ไปของ Suplest แล้วก็มาดูรองเท้าของเขากันบ้างครับ รุ่นที่เราแกะกล่องมาดูวันนี้คือตัวท็อป Suplest Edge/3 Pro รองเท้าเสือหมอบพื้นคาร์บอนที่มีลูกเล่นน่าสนใจหลายอย่าง ค่าตัวอยู่ที่ 13,000 บาท ลองดูรูปนี้กันก่อน
- ระบบรัดกระชับ BOA
- แถบสะท้อนแสงเพื่อความปลอดภัย
- ส้นรองเท้าเปลี่ยนได้เมื่อสึกหรอ
- รูระบายอากาศตลอดทั้งแนวความยาวรองเท้า
- ผ้า mesh เหนือนิ้วเท้าลดการสะสมเหงื่อ
- ดีไซน์หนังด้านบนแบบ wrap around พร้อมแผ่นคาร์บอนบนลิ้นรองเท้าเพิ่มความสติฟฟ์ในจังหวะดึงบันได
- แผ่นรองเท้า (insole) จาก Solestar
- ถ้วยรองส้นเท้า (heel cup) กระชับเป็นพิเศษ
- ราคา 9,500 บาท
เวลาดูรองเท้าจักรยาน เราควรจะดูสามจุดครับ คือหนังและระบบรัดด้านบน องค์ประกอบด้านใน (เช่นแผ่นรองเท้า ทรงรองเท้า) และท้ายสุดคือพื้นรองเท้า วัสดุที่ใช้ ความทนทาน
ด้านบน
ช่วงบนของรองเท้าทำจากหนังไมโครไฟเบอร์แบบอ่อนนุ่มครับ จะเห็นว่าดีไซน์รองเท้าคู่นี้ไม่เหมือนรองเท้าทั่วๆ ไปตรงที่มันไม่มี “ลิ้น” Suplest เรียกการออกแบบนี้ว่า “wrap around” นั่นคือไม่ต้องห่วงว่าลิ้นรองเท้ามันจะไม่อยู่ตรงกลาง หรือตกไปทางซ้ายหรือทางขวาเวลาสวมใส่ ขอบรองเท้าสองข้างมันจะสวมสอดรับกันพอดี
ที่ส่วนบนรองเท้าจะเห็นว่ามีชินคาร์บอนไฟเบอร์ด้วย Suplest เรียกว่า Unique Carbon Shield…ปกติเราจะเห็นคาร์บอนใช้แค่ตรงพื้นรองเท้าเพื่อเพิ่มความแข็ง ความสติฟฟ์ในการส่งถ่ายแรง แต่ทำไมมันมาอยู่ด้านบนด้วย?
คาร์บอนที่นำมาใช้ด้านบนรองเท้านี้ก็เพื่อให้การส่งแรงในจังหวะ “ดึง” บันไดไม่เสียแรงนั่นเองครับ สติฟฟ์ทั้งจังหวะกด ไส ลาก และดึง ช่วยบาลานซ์การออกแรงให้นิ่มสมดุลทุกรอบขา แผ่นคาร์บอนที่ใช้ค่อนข้างบางแต่ก็ยังคงความสติฟฟ์ไว้ได้เต็มที่ โดยที่ไม่ทำให้เจ็บหลังเท้า เพราะมันอยู่เหนือหนังไมโครไฟเบอร์ที่มีฟองน้ำบุไว้อีกทีนึง
วิธีการรัดกระชับนั้นใช้ระบบ BOA ที่เราคุ้นเคย ใช้ข้างละสองปุ่ม เส้นไนลอนที่ใช้กระชับสารกันแบบไขว้
แนวข้างรองเท้ามีรูระบายอากาศ และที่เหนือนิ้วเท้าใช้ผ้าตาข่ายแทนหนังไมโครไฟเบอร์เพื่อช่วยระบายความร้อน
ช่วงหลังของรองเท้าที่เป็นแถบสีเทานั้นเป็นแถบสะท้อนแสงครับ นอกจากจะให้คอนทราสต์ที่ดีเข้ากับหน้าตาของมันแล้วยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยเวลาปั่นตอนกลางคืนด้วย
สังเกตว่ารองเท้าแต่ละข้างมีลายกราฟฟิคที่ไม่สมมาตรครับ ถ้ามองจากด้านนอกจะเห็นว่าใส่รองเท้าสีขาว เทา แต่ถ้ามองจากด้านในมันจะเป็นรองเท้าสีแดง!
ผมชั่งน้ำหนักก่อนติดตั้งคลีท ออกมาที่ข้างละ 300/301 กรัม รวมคู่ละ 601 กรัมในไซส์ 43 ไม่ได้เบาที่สุดในตลาด แต่ราคานี้ก็คิดว่าน่าจะเบาได้กว่านี้เหมือนกันนะ
ด้านใน
Suplest Edge 3/Pro ออกแบบในรูปทรงรองเท้าแข่งขัน คือมีการเทเปอร์ช่วงกลางและท้ายรองเท้าครับเพื่อให้กระชับส้นเท้าเวลายกควงขา แนวเดียวกับรองเท้าแข่งขันพวก SIDI, Specialized, Giro รุ่นท็อปๆ
อย่างไรก็ดีช่วงหน้าเท้านั้นกว้างพอประมาณ ไม่ได้กว้างที่สุด แต่ก็ไม่ได้แคบที่สุด คนเอเชียที่เท้ากว้างน่าจะใส่ได้ไม่มีปัญหาแต่ต้องลองเองครับ ถ้ากว้างมากก็อาจจะใส่ไม่ได้
Suplest ให้พื้นรองเท้า Solestar ซึ่งเป็นผู้ผลิตพื้นรองเท้าคุณภาพสูงชื่อดังจากเยอรมันมาในตัวเลย ถ้าซื้อแยกก็ต้องเพิ่มเงินอีกเยอะครับ พื้นตัวนี้มีสองเลเยอร์ด้านล่าง ช่วงหลัง-ท้าย เป็นชั้นพลาสติกที่มีส่วนเสริมอุ้งเท้าเล็กน้อย (arch support) แต่ไม่สูงซะทีเดียว เลเยอร์ด้านบนเป็นฟองน้ำนิ่มๆ และมีรูระบายอากาศตรงปลายเท้าด้วย
พื้นรองเท้าที่ให้มานี้คุณภาพดีกว่าที่ติดรองเท้าหลายๆ แบรนด์ครับ สบายและเฟิร์ม แต่ทั้งนี้รูปทรงมันอาจจะไม่เหมาะกับทุกคน ยังไงก็ต้องลองเองครับ
บริเวณถ้วยรองส้นเท้ามีเม็ดยางเป็นกริปช่วยเพิ่มความกระชับไม่ให้เท้าเราเลื่อนหลุดในจังหวะดึงบันได และนิ่มใช้ได้ครับ ตรงนี้คล้ายๆ รองเท้า Shimano
ด้านล่าง
รูปทรงรองเท้า (last) ไม่ได้ต่างจากแบรนด์อื่นๆ มากนัก ออกแบบมากลางๆ ครับ คนส่วนใหญ่น่าจะใส่ได้ รูปทรงค่อนข้างเป็นธรรมชาติ นั่นคือช่วงหน้าเท้ามีโค้งสูงขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่ช่วงกลางไปหลังเท้าไล่ระดับเกือบจะระนาบ
ระบบการยึดคลีตนั้นเป็นมาตรฐานทั่วไป ใช้น็อตยึด 3 จุด มีระยะปรับตำแหน่งบน-ล่าง พอประมาณ แต่จุดเด่นคือให้ระยะปรับตำแหน่งด้านข้างได้เยอะกว่าหลายคู่ที่เคยใช้ครับ
ช่วงหน้าเท้ามียางหุ้มป้องกันไม่ให้พื้นคาร์บอนเป็นรอย ตรงส้นเท้ามากับส้นยางที่เปลี่ยนได้เมื่อสึกหรอ เดินสะดวกดี แล้วก็มีตาข่ายโลหะเป็นรูระบายอากาศ/ น้ำตรงหน้าและกลางเท้าด้วย
พื้นรองเท้าเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ 100% แข็งสติฟฟ์สะใจแน่นอน
ใช้งาน
ขอออกตัวก่อนเลยว่าผมชอบใช้รองเท้าผูกเชือกมากกว่ารองเท้าแบบรัดตีนตุ๊กแกหรือระบบรัดที่มันแฟนซีไฮเทคทุกประเภท ถึงจะใส่ได้ช้ากว่าแต่การที่เชือกมันรั้งได้พอดีกับทุกจุดอย่างที่เราต้องการทำให้รู้สึกมั่นใจและกระชับครับ
รองเท้า Edge 3 ใช้ระบบรัด BOA เรื่องความกระชับทำได้ไม่เลว และใส่ได้ง่าย ไม่ต้องคอยจับเซ็ตลิ้นรองเท้า (รองเท้าผูกเชือกจะมีปัญหาเรื่องนี้มาก เพราะบางทีลิ้นมันตกซ้าย ตกขวา พอรัดแน่นๆ มันก็กดทับหลังเท้าไม่สบายครับ)
หนังไมโครไฟเบอร์ด้านบนมีฟองน้ำบุภายใน ก็นิ่มสบายดีไม่กดไม่รั้งอะไร เมื่อปรับความตึง BOA ได้พอดีแล้วรองเท้าก็อยู่กับที่ไม่ขยับไปไหนครับ แผ่นรองเท้า Solestar ที่ให้มากระชับและนิ่มสบายมาก
เรื่องการตอบสนองแรงทำได้ดีไม่มีอะไรให้ติ แผ่นคาร์บอนด้านบนช่วยจังหวะดึงบันไดได้จริงครับ มันสติฟฟ์กว่าหนังด้านบนที่อยู่ข้างล่างเยอะเลย ในการออกแบบของ Suplest ถ้าไม่มีแผ่นคาร์บอนช่วยจังหวะดึงบันไดมันคงนิ่มให้ตัวแบบแปลกๆ
หนังไมโครไฟเบอร์รอบๆ ตัวรองเท้านั้นดูแข็งแรงกว่าที่คิด พอสัมผัสแล้วรู้สึกได้ว่ามันน่าจะทนทานต่อรอยขีดข่วนครับ แต่ได้ลองใส่ปั่นแค่เดือนเดียวคงบอกถึงความทนทานระยะยาวไม่ได้
ถ้าจะมีเรื่องให้ติก็คือ มันเป็นรองเท้าที่ถอดยาก ถึงจะคลาย BOA แล้ว แต่ดึงรองเท้าออกจากเท้าทันทีเลยไม่ง่ายเท่าไร เพราะแผ่นคาร์บอนด้านบนมันแข็ง ทำให้จังหวะถอดแล้วหนังด้านบนไม่ให้ตัวเหมือนรองเท้าทั่วไป แต่ก็เป็นข้อติแบบจุกจิกมากล่ะนะ
อีกจุดที่อาจจะเสียหายง่ายคือแถบสะท้อนแสงสีเงิน ถ้าโดนขีดข่วนแรงๆ อาจจะลอกง่ายครับ แต่ปัญหานี้รองเท้าหรือสิ่งของอะไรที่ทำสะท้อนแสงก็มีปัญหาเดียวกันหมด เช่นรองเท้า Giro Empire Reflective / กระเป๋า Rapha Reflective ถ้าอยากให้มันอยู่ทนก็ต้องระวังอย่าเดินไปเสียดสีกับสิ่งแวดล้อมมากนัก
สุดท้าย เป็นรองเท้าที่ต้องเบรคอิน ช่วงแรกจะรู้สึกว่าพวกฟองน้ำบุต่างๆ มันจะแข็งสักหน่อย แต่ใส่ไปสักพักจนเข้าที่อาการตรงนี้ก็จะหายไป
โดยรวมแล้ว Suplest Edge 3/Pro เป็นรองเท้าปั่นไฮเอนด์ที่ดีครับ หน้าเท้ากว้างพอประมาณ ช่วงหลังกระชับ ไม่ร้อน ระบบยึดรัดใช้งานง่าย สีสันสดใสสวยงาม และให้แผ่นรองเท้าคุณภาพสูงมาด้วย
บางคนอาจจะสงสัยว่ารองเท้าราคาแตะหมื่นนี่ ซื้อแบบอบได้ดีกว่าไหม? ต้องตอบว่า “แล้วแต่” เพราะรองเท้าหลายๆ รุ่นหลายยี่ห้อนั้นไม่ต้องอบก็ใส่ได้สบายพอดีครับ
รองเท้าก็เหมือนเบาะจักรยาน เป็นของที่ต้องลองเอง ถึงจะรีวิวออกมาดีแค่ไหนก็ตาม ถ้ามันไม่เข้ากับเท้าเราเราก็ทำอะไรไม่ได้ Suplest ก็เช่นกัน แต่ DT เชื่อว่าด้วยรูปทรงมันแล้ว คนส่วนใหญ่น่าจะใส่ได้ครับ
* * *
ขอบคุณ CycleBoutique สำหรับรองเท้าทดสอบครับ
Suplest Edge 3/Pro มีจำหน่ายที่ร้าน
Ksiam Bike Shop มหาชัย
PLAY Bike Shop ศรีนครินทร์
2studio ขอนแก่น
Sangfah Bicycle บ้างบึง ชลบุรี
เอนกไบค์ จำหน่ายจักรยาน อุปกรณ์จักรยาน อัพเกรดจักรยาน เชียงใหม่
* * *