ที่เขาว่ากันว่าการแข่งจักรยานบางครั้งก็เฉือนกันระดับหลักวินาทีนั้นถึงจะไม่ได้มีให้เห็นบ่อยๆ แต่นานๆ ก็จะมีชัยชนะที่ตัดสินกันแบบฉิวเฉียดระดับที่สายตาจับไม่ได้ให้เห็นอยู่ทุกปีครับ เช่นเดียวกับสเตจใน Tour de France เมื่อคืนนี้ที่มาร์เซล คิทเทล (Quickstep Floors) สปรินต์เอาชนะเอ็ดวาลด์ บอสซัน ฮาเก็น เร็วกว่ากันเพียงแค่ 6 มิลลิเมตร หรือคิดเป็น 0.0003 วินาที เท่านั้น ไมเคิล แมธธิวส์ (Sunweb) คว้าอันดับสาม
ชัยชนะครั้งนี้เป็นครั้งที่ 12 ของคิทเทลในตูร์เดอฟรองซ์ เทียบเท่าสถิติชาวเยอรมันที่ชนะแชมป์สเตจในตูร์เยอะที่สุด (เอริค ซาเบล) และทำให้คะแนนรวมของคิทเทลขึ้นไปอยู่อันดับหนึ่ง คว้าเสื้อผู้นำคะแนนรวมไปครองด้วย
ช่วงกิโลเมตรสุดท้ายเราได้เห็นอาร์โนด์ เดอแมร์ (FDJ) ปะทะกับเนเซอร์ บูฮานี่ (Cofidis) แต่เข้าถึง 500 เมตรหน้าเส้นชัยกลับเป็น Quickstep Floors และ Dimension Data ที่ขึ้นมาคุมเกมหน้ากลุ่ม จังหวะสุดท้ายคิทเทลล็อกเข้าหลังล้อของบอสซัน ฮาเก็น ก่อนจะแซงออกสปรินต์ในวินาทีสุดท้ายจนทั้งคู่เข้าเส้นชัยพร้อมๆ กันต้องรอภาพ Photo finish เพื่อยืนยันผู้ชนะสเตจ
คริส ฟรูม (Sky) และตัวเต็ง GC จากทีมอื่นๆ เข้าเส้นชัยพร้อมๆ กัน ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในอันดับผู้นำเวลารวม
ผลการแข่งขัน
ชัยชนะที่เฉียดฉิวที่สุดในรอบสิบปี
หลังจากแข่งกันมา 213.5 กิโลเมตร ชัยชนะวันนี้ตัดสินกันด้วยระยะห่างแค่ 6 มิลลิเมตรเท่านั้น ลองดูข้อมูลข้างล่างประกอบครับ
🔎🔎🔎WOOOOW@marcelkittel vs @EBHagen#TDF2017 pic.twitter.com/2DckabIJU6
— Tour de France™ (@LeTour) July 7, 2017
It took Kittel (QST) another strong push right on the line to win his 3rd @LeTour stage with the slightest margin: 0.0003 seconds.#TDFdata pic.twitter.com/pfRNPtImNj
— letourdata (@letourdata) July 7, 2017
ช่วงสุดท้ายคิทเทลระเบิดพลังได้มากกว่าบอสซันฮาเก็น ทำความเร็วถึง 70.49 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในช่วง 32 เมตรสุดท้ายก่อนถึงเส้นชัย เขาทำความเร็วเฉลี่ย 68kph ที่ 500 เมตรสุดท้ายเทียบกับคู่แข่งคนอื่นที่เฟดไป ถ้าดูจังหวะการสปรินต์ของคิทเทลทั้งสเตจ 5 และ 6 ข้อมูลที่ออกมาก็คล้ายๆ กันคือเขากะจังหวะเร่งตอนจบได้จังหวะดีกว่าคู่แข่งคนอื่น ซึ่งทำให้ได้ชัยชนะติดต่อกันถึงสามครั้งแล้ว
กรรมการหาผู้ชนะยังไง?
กล้องที่กรรมการใช้จับหน้าเส้นนั้นถ่ายภาพด้วยความเร็ว 10,000 เฟรมต่อวินาที เช่นนั้นแล้วไม่ว่านักปั่นจะสูสีแค่ไหนก็สามารถแยกผู้ชนะได้ในระดับเสี้ยววินาทีครับ เช่นในสเตจนี้ คิทเทลเร็วกว่าบอสซันฮาเก็น 0.0003 วินาที กรรมการถึงกับบอกว่าเป็นชัยชนะที่สูสีที่สุดในรอบ 10 ปีเลยทีเดียว
ดูวิธีการทำงานของกล้องจับภาพ photofinish ได้ในวิดีโอข้างบนนี้ครับ พูดอย่างกระชับคือกล้อง photofinish ไม่ได้ทำงานเหมือนกล้องถ่ายภาพทั่วๆ ไปเพราะไม่มีชัตเตอร์ (จังหวะที่ชัตเตอร์ปิดเราก็จะพลาดช็อตสำคัญแน่ๆ) กล้องนี้ทำงานคล้ายๆ สแกนเนอร์ครับ มีเลนส์อยู่หน้ากล้องมีเซนเซอร์ดิจิตอลอยู่หลังเลนส์ กล้องบันถึงภาพความกว้าง 1 pixel ต่อกันด้วยความถี่สูง 10,000 ครั้งต่อวินาที พูดง่ายๆ คือจับทุกจังหวะจะชนะเฉือนกันแค่ไหนก็แยกผู้ชนะออก
บางทีเราเห็นภาพ photofinisher ที่มีการบิดเบี้ยว เช่นซี่ล้อโค้งหรือภาพบางจุดยืดออก นั่นก็เพราะตัวกล้อง (สแกนเนอร์) บันถึงภาพที่อัตราความเร็วคงที่ครับ อะไรที่เคลื่อนไหวช้ากว่าความเร็วบันทึกภาพก็จะถูกยืดออก ส่วนไหนเร็วกว่าจะถูกบีบ/บิด
Sky พักขาอีกหนึ่งวัน
The peloton got nervous through the wind (18 km/h) and many teams decided to take the front positions.#TDF2017 #TDFdata pic.twitter.com/cRawcuqdXs
— letourdata (@letourdata) July 7, 2017
ดูจากข้อมูลข้างบนจะเห็นว่าทีมที่ทำงานหน้ากลุ่ม ต้องปะทะลมเพื่อไล่คุมเบรคอเวย์เป็นทีมสปรินเตอร์เกือบทั้งหมด นั่นหมายความว่า Sky ที่เป็นเจ้าของเสื้อเหลืองแทบไม่ต้องออกแรงเลยอีกหนึ่งวันครับ ตอนแรกเราคิดว่า Sky จะเปลืองแรงป้องกันเสื้อตั้งแต่วันแรก แต่เส้นทางปีนี้ที่เป็นทางราบหลายวัน
เมื่อคืนนี้ก็เป็นสเตจที่ 4 แล้วที่จบด้วยการสปรินต์ คือถ้านับจากทั้ง 6 สเตจ Sky ก็ยังไม่ได้ทำงานอย่าง “จริงจัง” เลยสักวันครับ วันแรกเป็นสเตจ Time สเตจ 2,3,4,6,7 ก็จบด้วยการสปรินต์ทั้งหมด สเตจ 5 ที่ขึ้นเขา (อารูชนะ) เป็นวันเดียวที่ Sky ทำงาน แต่ก็ทำแค่ช่วง 4 กิโลเมตรสุดท้ายตอนขึ้นเขา เพราะก่อนหน้านั้น BMC ลากให้ฟรีๆ เกือบทั้งสเตจ นอกจากจะได้ใส่เสื้อเหลืองฟรีๆ แล้วทีมยังไม่เหนื่อยคุมเกมอีกด้วย ก็แทบไม่ต่างอะไรกับปีก่อนๆ ที่ Sky คว้าเสื้อเหลืองในสเตจ 8/9 ครับ
คริส ฟรูม ให้สัมภาษณ์ว่า “สเตจทางราบพวกนี้ยังไงก็เป็นทีสปรินเตอร์ที่ลากตลอดทั้งวัน เรายังไม่ค่อยได้ทำอะไรเลย สัปดาห์ที่สองและสามทีมเราน่าจะยังสดกว่าที่เคยแข่งในปีก่อนๆ นะ”
วาทะนักปั่น
มาร์เซล คิทเทล (Quickstep Floors)
“ผมไม่รู้เลยครับว่าวันนี้ตัวเองชนะหรือแพ้ มันเฉียดฉิวมาก ผมอยากจะยืดตัวได้สักสามเมตร ที่ 100 เมตรสุดท้ายผมยังอยู่หลังบอสซันฮาเก็น ผมคิดว่ายังเหลือทางอีกสองร้อยเมตร ผมออกสปรินต์ช้าไป มันชนะได้แค่เฉียดพอดี ผมภูมิใจกับทีมมากครับ”
เอ็ดวาลด์ บอสซัน ฮาเก็น (Dimension Data)
“วันนี้ทีมทำงานดีครับ พาผมมาถึงเส้นชัยอย่างสมบูรณ์แบบ น่าเสียดายที่ผมปิดเกมไม่ได้ แต่ผมก็ดีใจกับที่สองนะถึงจะอยากชนะก็เถอะ ผมไม่ใช่เพียวสปรินเตอร์ เพราะงั้นทำได้ขนาดนี้ในสเตจทางราบสนิทมันทำให้ผมมั่นใจสำหรับสเตจต่อๆ ไปครับ”