สรุปวิกฤติทีม Sky

สามเดือนที่ผ่านมานี้ไม่ใช่เวลาที่ดีเท่าไรนักสำหรับทีม Sky ครับ ในหน้าข่าวเว็บไซต์จักรยานนานาชาติเต็มไปด้วยข่าวฝ่ายบริหารทีม Sky ที่ไม่สามารถตอบคำถามเกี่ยวกับยา “ลึกลับ” ที่ถูกส่งไปให้แบรดลีย์ วิกกินส์ใช้ในสนามแข่งปี 2011 ได้อย่างชัดเจน เรื่องใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้ทีมถูกรัฐสภาอังกฤษสอบสวนเรื่องความโปร่งใสในการจัดการทีมและลามไปถึงความเป็นไปได้ที่ทีมจะใช้สารต้องห้ามเพื่อโด้ป

แทบทุกวันมีข่าวต่างๆ เกี่ยวกับทีม Sky ออกมาเต็มไปหมด นั่นก็เพราะทีมกำลังถูกหน่วยงาน UK Anti Doping หรือหน่วยงานต่อต้านการโด้ปแห่งสหราชอาณาจักรสอบสวน ซักข้อมูลนั่นเอง

ก่อนที่จะเข้าสู่บทวิเคราะห์ลองมาดูว่าลำดับเหตุการณ์เป็นยังไงและมันจะมีอิทธิพลกับทีมยังไงครับ ดูเผินๆ มันอาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ถ้าเรื่องนี้จบไม่ดี เซอร์ เดวิด เบรลส์ฟอร์ด ผู้อำนวยการทีม ผู้ก่อตั้ง และมันสมองหลักของทีมอาจจะถูกเด้งออก และทีม Sky ที่เรารู้จักอาจจะไม่เหมือนเดิมอีกเลยก็ได้

จุดเริ่มต้นของเรื่องดราม่าทั้งหมดอยู่ที่สองเหตุการณ์ใหญ่ครับ

1. กันยายน 2016: กลุ่มแฮคเกอร์ Fancy Bear เจาะและปล่อยข้อมูลการขออนุญาตใช้สารต้องห้ามของนักกีฬาอาชีพจากเว็บไซต์ WADA (องค์กรต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก) ซึ่งพบว่าแบรดลีย์ วิกกินส์ กับตันทีม Sky ได้ทำเรื่องขอใช้ Triamcinolone ก่อนลงแข่งรายการ Tour de France ปี 2011, 2012 และ 2013

ยาไตรแอมซิโนโลน (Triamcinolone) เป็นสารสังเคราะห์จากสเตียรอยด์ในกลุ่ม Corticosteroid มีคุณสมบัติต้านการอักเสบและกดภูมิคุ้มกันต้านทานโรคของร่างกาย วิกกินส์ขอใช้แบบฉีดเพื่อรักษาอาการภูมิแพ้ก่อนลงแข่ง อย่างไรก็ดี ปัญหาอยู่ที่วิกกินส์และทีมไม่เคยบอกว่าเขาขอใช้ยาดังกล่าว ซึ่งผลข้างเคียงของมันช่วยให้นักปั่นลดน้ำหนักได้อย่างรวดเร็ว บวกกับจังหวะที่ขอใช้นั้นก็ก่อนแข่งรายการใหญ่ที่สุดในรอบปีพอดี (ประเด็นนี้เคยเขียนไว้แล้วในโพสต์นี้ครับ)

 

2. ตุลาคม 2016: สำนักข่าวในอังกฤษรายงานว่า ไซมอน โค้ป พนักงานของสมาคมจักรยานอังกฤษ (British Cycling) ได้เดินทางจากสำนักงาน BC ไปฝรั่งเศสช่วงมิถุนายนปี 2011 เพื่อส่งซองน้ำตาล (jiffy bag) ให้กับริชาร์ด ฟรีแมน แพทย์ประจำทีม Sky ระหว่างที่กัปตันทีม วิกกินส์กำลังแข่งรายการ Criterium du Dauphine

Jiffy bag

ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ ไม่มีใครรู้ว่ามีอะไรอยู่ในซองน้ำตาลใบนั้น ไม่มีใครรู้ว่าเป็นยาอะไร จะใช้กับใคร และใช้เพื่ออะไร

เมื่อบวกกับประเด็นที่วิกกินส์ขอใช้ยาต้องห้าม (ซึ่งไม่ได้ละเมิดกฏการแข่ง) แล้ว เรื่องแพคเกจลึกลับที่ทีม Sky รับจากไซมอน โคปเลยปะทุกลายเป็นประเด็นใหญ่โตครับ เพราะไม่ว่าใครจะสืบสาวต้นเรื่องไปทางไหนก็เจอแต่ทางตัน ไม่มีใครคนไหนบอกได้เลยว่าอะไรอยู่ในซองนั้น เป็นเรื่องน่าแปลกประหลาด จนทำให้หน่วยงานต่อต้านการโด้ปสหราชอาณาจักรเข้ามาสอบสวน ทั้ง Team Sky เองและ British Cycling ด้วย (ระหว่างนี้ British Cycling ก็เจอนักปั่นออกมาวิพากษ์เรื่องการใช้วาจาไม่เหมาะสมกับนักกีฬา และการไม่ให้เกียรติหรือสิทธินักปั่นหญิงเทียบเท่านักปั่นชาย)

 

รัฐสภาอังกฤษสอบสวน

ด้วยการที่ British Cycling เป็นหน่วยงานรัฐ และ Team Sky ก็มีความเกี่ยวข้องกับ British Cycling โดยตรง ความไม่โปร่งใส ความเป็นไปได้ในการใช้สารต้องห้าม โดยเฉพาะกับทีมที่เคลมว่าตัวเองไม่มีทางโด้ป 100% นั้น ทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจจากสาธารณะและรัฐในระดับเกินจะเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้

ช่วงปลายเดือนตุลาคม 2016 รัฐสภาอังกฤษตั้งคณะกรรมการสอบสวนการทำความผิดของ British Cycling และทีม Sky นั่นหมายความว่าพนักงานที่มีส่วนเกี่ยวของและรับผิดชอบเรื่องนี้ต้องเข้ามาให้การกับสมาชิกคณะกรรมการในช่วงเดือนธันวาคมปีเดียวกัน

British Cycling สารภาพว่าแพคเกจลึกลับที่ส่งไปให้ทีม Sky ในเดือนมิถุนายนปี 2011 นั้นเป็นยาชนิดหนึ่งที่ส่งให้แบรดลีย์ วิกกินส์ใช้ จากนั้นเดวิด เบรลส์ฟอร์ด ผู้จัดการทีม Sky บอกว่าเป็นยา Flimucil ซึ่งเป็นยาละลายเสมหะ แต่ทาง British Cycling ให้การแย้งทีหลังว่า ไม่ทราบว่ายาที่ส่งไปนั้นคือยาอะไร สิ่งที่เกิดขึ้นคือการให้การไม่ตรงกันของ BC และ Sky

เมื่อ UKAD เข้ามาสืบสวนเรื่องนี้อย่างจริงจังก็สรุปในรายงานว่า ไม่สามารถยืนยันคำให้การของเบรลส์ฟอร์ดได้ว่ามันคือยาละลายเสมหะจริง เพราะแพทย์ประจำทีม ริชาร์ด ฟรีแมน ที่เป็นขอทำเรื่องขอเบิกยานั้น ไม่ได้บันทึกข้อมูลเอกสารการขอเบิกใช้ยาไว้

เมื่อรัฐสภาเรียกให้ฟรีแมนเข้ามาให้การ เจ้าตัวก็บอกว่าป่วย มาให้การไม่ได้ ส่วนคอมพิวเตอร์ส่วนตัวที่ใช้เก็บข้อมูลการแพทย์ต่างๆ ของนักปั่น (แลปทอป) ก็ “ถูกขโมย” ระหว่างที่เขาไปเที่ยวพักร้อนในประเทศกรีซ​

นิโคล แซปสเตด ผู้นำการสืบสวนของ UKAD สรุปในรายงานว่า ทีม Sky ไร้ความรับผิดชอบในการบันทึกข้อมูลสำคัญของนักกีฬาในทีม ไร้ซึ่งการตรวจสอบบัญชี ถึงทีมจะมีนโยบายให้แพทย์ทุกคนเก็บข้อมูลทุกอย่างลงไว้ใน Dropbox (โปรแกรมแชร์ไฟล์ในที่ทำงาน) แต่ฟรีแมนไม่ได้ทำตามที่ทีมสั่ง

แซปสเตดกล่าวว่า ทีมที่ดูมีความเป็นมือาชีพที่สุดในโลก และก่อตั้งขึ้นโดยพื้นฐานความเชื่อที่ว่าการแข่งจักรยานอาชีพนั้นสามารถทำได้โดยไม่โด้ป และจะเป็นทีมที่ใสสะอาดที่สุดนั้น กลับไม่เก็บบันทึกข้อมูลที่สำคัญที่สุดอย่างเรื่องยาที่นักปั่นใช้

 

หมอโฉด

แซปสเตดไม่พบหลักฐานว่าทีมตั้งใจปิดบังเรื่องนี้ แต่เธอและทีมงานสอบสวนสรุปว่าแพทย์ริชาร์ด ฟรีแมน ทำงานโดยไม่มีผู้ควบคุม (supervisor) และไม่มีหลักฐานการทำงานที่สามารถตรวจสอบได้ เช่นนั้นแล้ว ทีม Sky จะอ้างว่าตัวเองไร้ความผิดได้อย่างไร?

การสืบสวนของ UKAD ยังพบว่าทีม Sky ได้ขอเบิกยา triamcinolone มากเกินปริมาณที่วิกกินส์ได้ขอใช้ฉีดทั้งสามครั้งด้วย แซปสเตดกล่าวว่า “ปริมาณ triamcinolone นั้นเกินที่คนหนึ่งคนจะใช้ไปมาก ก็เป็นไปได้ว่านักปั่นคนอื่นจะมีปัญหาเดียวกับวิกกินส์ด้วยหรือเปล่า?”

แต่เพราะทีมไม่มีหลักฐานบันทึกว่าแจกยาอะไรให้กับนักปั่นคนไหนในสภาพไหนบ้าง ทางทีมสอบสวน UKAD ต้องประสานกับนักปั่นเป็นรายบุคคลเพื่อหาข้อเท็จจริง โดยเฉพาะเมื่อนักปั่นในทีมไม่ค่อยจะให้ความจริงเท่าไร ตัวอย่างเช่น วิกกินส์เคยให้สัมภาษณ์ในเดือนกันยายนปี 2016 ว่าเขาไม่เคยใช้ยาพวกนี้นอกการแข่งขัน แต่เมื่อถูกสอบถามอีกครั้งเขาบอกว่าเคยรับการฉีดยาเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บที่เข่าในเดือนมกราคมปี 2013 นั่นคือเป็นชุดความจริงที่ไม่ตรงกัน และสร้างความไม่น่าเชื่อใจให้กับทีมสอบสวนและสาธารณชน

 

ยังไม่มีใครถูกจับโด้ป

ปัญหาใหญ่ในตอนนี้ของทีม Sky ไม่ใช่เรื่องว่านักปั่นโด้ปหรือไม่โด้ป และทีมรู้เห็นเป็นใจด้วยหรือเปล่า เพราะว่ากันตามตรงแล้วยังไม่มีใครถูกจับโด้ปครับ เรื่องใหญ่คือ ความน่าเชื่อถือของทีมมากกว่า เพราะเห็นได้ชัดว่าเบรลส์ฟอร์ด ผู้จัดการทีมพยายามหลีกเลี่ยงปัญหาและพูดวกไปวนมา ไม่อธิบายอะไรให้ชัดเจน

มันเป็นไปได้หรือที่ทีมจักรยานที่มีเงินทุนเยอะที่สุดในโลก ออกตัวชัดว่าจะไม่โด้ป ไม่ทำอะไรที่ผิดกฏ ไม่รับนักปั่นและทีมงานที่เคยมีประวัติการโด้ป ลงทุนกับความละเอียดในทุกๆ ด้านเพื่อให้นักปั่นชนะทุกการแข่งขัน ยอมซื้อที่นอน หมอนให้นักปั่นทุกคนพร้อมขนไปตามสนามแข่งต่างๆ เพื่อให้นักปั่นได้พักผ่อนเต็มที่ที่สุด จะ “ลืม” บันทึกหลักฐานการใช้ยาของนักกีฬา ซึ่งเป็นสิ่งเดียวเลยที่จะใช้พิสูจน์ว่าทีมโด้ปหรือไม่โด้ป

สิ่งที่เกิดขึ้นคือ

  • เรื่องง่ายๆ อย่างบันทึกว่ามีการส่งยาอะไรบ้างให้ทีม ไม่มีการบันทึกไว้
  • คำแก้ตัวไร้ความรับผิดชอบ อย่าง “คอมพิวเตอร์ของแพทย์ประจำทีมถูกขโมย” และไม่มีการบันทึกข้อมูลสำรอง (backup) ใดๆ ไว้เลย
  • การว่าจ้างอดีตสตาฟและนักกีฬาที่เคยโด้ป เช่น ไมเคิล โรเจอร์ส (เพื่อนร่วมทีมอาร์มสตรอง), ฌอน เยทส์ (โค้ชทีม เคยสารภาพว่าโด้ปตอนแข่ง) และแพทย์ เกิร์ท ไลน์เดอร์ส (หมอโด้ป Rabobank), โจนาธาน เทียนันล็อค (นักปั่นที่ถูกจับโด้ปตอนอยู่ทีม continental ก่อนย้ายมาทีม Sky)
  • ข้อกล่าวหาที่ว่าทีมแจกยาแก้ปวด tramadol ให้นักปั่นเพื่อกดทับอาการบาดเจ็บ ให้ลงแข่งต่อโดยไม่สนใจสภาพร่างกายและจิตใจของนักปั่นในทีม
  • การขอใช้ TUE ของวิกกินส์ในช่วงเวลาที่น่าสงสัยว่าจะให้ประโยชน์เขาในการแข่งรายการใหญ่ที่สุดในรอบปี

 

นักปั่นต้องหารให้ใครสักคนรับผิดชอบ?

ข่าวจาก Cyclingnews เมื่อวานนี้รายงานว่านักปั่นผู้ไม่ประสงค์ออกนามคนหนึ่งในทีม ให้สัมภาษณ์ว่าอยากให้เบรลส์ฟอร์ดรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วยการลาออกจากทีม เพราะการที่ทีมตกอยู่ในสภาวะจำเลยชั่วคราว ถูกซักถามจากสาธารณะตลอดเวลาเกี่ยวกับข่าวที่เกิดขึ้นเริ่มมีผลต่อการแข่งของนักปั่น มันทำให้ทีมเครียด ทั้งๆ ที่คนที่เป็นปัญหาคนเดียวตอนนี้คือเบรลส์ฟอร์ดเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคนอื่นในทีมเลย

 

อะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้?

  • ทีมงานสอบสวน UKAD ยังทำงานไม่เสร็จสิ้น เพราะฉะนั้นยังไม่มีข้อสรุปชัดเจน ว่าทางอังกฤษจะจัดการกับทีมยังไง
  • เบรลส์ฟอร์ดเคยบอกว่ายังไงเขาก็ไม่ออกจากทีม แต่สถานการณ์ตอนนี้ดูจะลำบากครับ เพราะปัญหาหลายๆ อย่างอยู่ในความรับผิดชอบของเขา ซึ่งชัดเจนว่ามีการเพิกเฉยและสะเพร่า เป็นปัญหาที่ทำให้ทีมขาดความน่าเชื่อถือระดับร้ายแรงและส่งผลกระทบต่อนักกีฬา แต่อย่างไรก็ดี การที่ทีม Sky ประสบความสำเร็จได้ทุกวันนี้ก็เพราะเขาคนเดียวเลยเช่นกัน ที่เป็นโต้โผ ออกแบบการทำงานและวางแนวคิดหลักของทีม ควบคุมทุกรายละเอียดจึงทำให้ทีมมีผลงานอย่างที่เราเห็น นักปั่นใน Sky แทบทุกคนต่างบอกว่าถ้าไม่มีเบรลส์ฟอร์ด มันก็ไม่ใช่ทีม Sky ก็น่าสนใจว่าเขาจะจัดการเรื่องนี้ยังไง
  • ถึงตอนนี้เราก็ยังไม่รู้ว่ายาอะไรอยู่ในซองลึกลับที่ส่งให้วิกกินส์เมื่อหกปีก่อน ก็ได้แต่หวังว่าเราจะรู้เร็วๆ นี้ครับ

By เทียนไท สังขพันธานนท์

คูน คือผู้ก่อตั้งดั๊กกิ้งไทเกอร์ และอยากใช้เว็บไซต์นี้ช่วยให้คนไทยอยากขี่จักรยานกันเยอะๆ!

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *