33 แชมป์ติดต่อกัน…
คือสถิติการแข่งไซโคลครอสของแมธธิว แวน เดอ โพลล์ ที่ชนะสนาม CX ทุกรายการที่เขาลงแข่งขันติดต่อกันมา 33 สนามแล้ว แค่ฤดูกาล 2019 นี้เขาก็ชนะมาแล้ว 4 สนาม ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็ชนะ World Cup สนามสองในเบลเยียม (Koksijde) นำห่างที่สองเกือบครึ่งนาที
โปรแกรมการแข่งขันของ MVDP เป็นอะไรที่น่าสนใจดีครับ เพราะอย่างที่เรารู้กันเขาลงแข่งทั้งไซโคลครอส เสือหมอบ และเสือภูเขา และก็ทำผลงานได้ดีมากในทุกรายการที่ลงแข่ง ตั้งแต่ต้นปีที่เขากวาดแชมป์สนาม CX ต่อด้วยแชมป์รายการคลาสสิคฝั่งถนนบางรายการ ลากมาจนถึงช่วงกลางปี MTB XCO World Cup ที่ชนะอีกหลายสนาม มาช่วงปลายปีก็สลับมาลง road race เพื่อเตรียมชิงแชมป์โลก แล้วก็แข่ง CX ต่อโดยดูเหมือนจะไม่มีช่วงพักเลย
ไม่ใช่แค่เก่งอย่างเดียว แต่ต้องบอกว่าอึดมากด้วย เขาชนะคู่แข่ง CX ที่ไม่ได้ลงถนน ชนะคู่แข่ง MTB ที่ไม่ได้ลง CX และชนะคู่แข่ง Road ที่ไม่ได้ลงทั้ง CX และ MTB ในปีเดียวกัน
คำถามที่ว่าเขาทำได้ยังไงคงไม่ใช่สาระสำคัญเท่าเขาจะทำแบบนี้ได้อีกนานแค่ไหน? ปีนี้ปีเตอร์ ซากานแข่งไปทั้งหมด 71 วัน แวน เดอ โพลล์ลงแข่ง Road Race 31 วัน แต่แข่ง CX 8 สนาม และเสือภูเขาอีกหลายสนาม ยอดวันแข่งอาจจะไม่เยอะเท่า road racer อย่างซากาน แต่การเปลี่ยนประเภทการแข่งไปมาแบบนี้ก็น่าจะมีผลกับร่างกายไม่น้อย
เคสแบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ครับ ในปี 2015 นักปั่นหญิงชาวฝรั่งเศส พอลลีน เฟรานด์ พรีวอท (Pauline Ferrand-Prevot) กลายเป็นนักปั่นคนแรกของโลกที่เป็นแชมป์โลก เสือหมอบ เสือภูเขา และไซโคลครอสในปีเดียวกัน ตอนที่เธออายุได้ 23 ปี พูดง่ายๆ ก็คือเก่งรอบด้านเหมือน MVDP นี่แหละ แต่หลังจากได้แชมป์โลกก็เรียกได้ว่าชีวิตดิ่งลงเหวเลยทีเดียว เพราะต้องดีลกับปัญหาอาการบาดเจ็บและเหนื่อยล้าสะสมต่อเนื่องลามไปจนต้องผ่าตัดหลอดเลือด จนเธอให้สัมภาษณ์ว่า:
“การได้เป็นแชมป์โลกจักรยานทั้งสามประเภทในปีเดียวคือสิ่งที่แย่ที่สุดในชีวิตฉัน ถึงจะบาดเจ็บฉันก็ยังซ้อมหนักทุกวัน แต่พอลงแข่งก็ล้าและเจ็บเกินกว่าจะแข่งจบ ต้องถอนตัวแทบทุกครั้ง ได้แต่หวังว่าความโชคร้ายนี้มันจะหายไปสักวัน”
นอกจากพอลลีนแล้ว ก็ยังมีมาริอาน วอส อีกหนึ่งนักปั่นหญิงระดับตำนานที่ประสบชะตาเดียวกันจากที่ลงแข่งจักรยานทั้งสามประเภทในทุกฤดูกาลต่อเนื่องหลายปี ท็อปฟอร์มได้ไม่นานก็ล้าและผลงานตกลงเรื่อยๆ โดยวอสบอกว่า “มันยากมากที่จะหาบาลานซ์ที่เหมาะสมในการแข่งหลายๆ ประเภทในปีเดียว”
MVDP บอกว่าเหตุผลที่เขามาปั่นเสือภูเขา ก็เพราะเขาอยากได้เหรียญทองโอลิมปิก XCO ที่โตเกียวในปี 2020 นี้เท่านั้น เป้าหมายหลักของเขาคือโอลิมปิก หลังจากนั้นน่าจะกลับมาโฟกัสแค่ CX และ Road ในปี 2021 เป็นต้นไป (ซึ่งเขาบอกกลายๆ ว่าจะลง Tour de France ถ้าเป็นไปได้ และคิดว่าจะทำได้ดีเพราะเห็นคู่แข่ง CX ของเขาอย่างเวาท์ แวน อาร์ทยังคว้าแชมป์สเตจใน TDF ได้ เขาเองก็น่าจะทำได้)
เพราะงั้นแล้วการโหมแข่งสามประเภทของ MVDP ในปีนี้อาจจะไม่ใช่แผนระยะยาว ที่ทำให้ร่างพังแบบพอลลีนและวอส เพราะจริงๆ แล้วนักแข่งที่ลงสองประเภทพร้อมกันก็มีให้เห็นในฝั่ง Road เหมือนกัน เช่นวิวิวิอานีและคาเวนดิชที่ทุ่มซ้อมแข่งสนามลู่สำหรับ Rio Olympic 2016 คาเวนดิชได้เหรียญเงิน Omnium แพ้ให้วิวิอานี แต่ยังชนะ 4 สเตจใน Tour de France
พรสวรรค์ของ MVDP มีค่ามากเกินไปที่จะปล่อยให้ร่างพัง และการที่ MVDP เป็นเจ้าของร่วมในทีม Corendon-Circus ด้วยก็น่าจะช่วยให้เขามีอิสระในการเลือกโปรแกรมแข่งที่เหมาะที่สุดกับตัวเองด้วย (เทพขนาดไหน เป็นหุ้นส่วนทีมตัวเอง แข่งเอง ชนะเอง 555)
ยังไงก็เป็นคนที่ต้องติดตามไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะพังหรือจะปังครับ