บันทึก DT: ภูเขาไม่เคยโกหก

เสาร์ 5 ตุลาคม 

“กริ๊งๆๆๆๆๆๆๆๆ”
“ฮัลโหล สวัสดีครับ”
“ไอ้คูน อาทิตย์นี้ไปเขาใหญ่มั้ย?”
(จะดีเหรอวะ? ไม่ได้ปั่นมาสองสัปดาห์แล้วเนี่ย)
“ฮัลโหลๆ โอเคครับพี่ ไปด้วยๆ”
“6 โมงล้อหมุน เจอกันหน้าร้าน”

งานเข้าแล้วกรู….

1. เตรียมตัว

สำหรับนักปั่นทุกคน ผมเชื่อว่าภูเขาเป็นตัวแทนที่รวมเอาความรักและความเกลียดเข้าไว้ด้วยกันได้เป็นอย่างดี

การขึ้นเขาไม่ใช่เรื่องง่าย ฟิสิกส์และธรรมชาติไม่ได้อยู่ข้างคุณดั่งเช่นการปั่นตามลมบนทางราบ น้ำหนักส่วนเกินทุกกรัมและไขมันรอบเอวล้วนหัวเราะเยาะความเชื่องช้าของคุณ ในทุกระดับความชันที่ดูจะละม้ายคล้ายกำแพงมากกว่าถนน ยิ่งวันไหนอากาศร้อนๆ ลมไม่พัดนะ ยิ่งทรมานเข้าไปใหญ่

พูดก็พูด ผมไม่ค่อยชอบการขึ้นเขา ยิ่งขึ้นเขาเท่าไรยิ่งรู้สึกว่าพระเจ้าคงไม่ได้ออกแบบให้เราเป็นญาติอัลเบอร์โต้ คอนทาดอร์ ปั่นนานเข้าก็พอรู้ว่าจุดอ่อนในการปั่นของผมคือการเปลี่ยนความเร็วกะทันหัน จะถนัดการลากความเร็วแช่ยาวๆ มากกว่า เวลามีคนพยายามจะกระชากหนีบนเนิน ต้องมีหลุดทุกที (อย่าให้เจอนะ เลิกคบแน่)

แต่เขาบอกว่าอะไรที่เรายิ่งเกลียดก็ยิ่งเจอ ดูท่าจะจริง เพราะถึงจะไม่ชอบการขึ้นเขาเท่าไร ก็ยิ่งรู้สึกว่าต้องไปขึ้นบ่อยๆ จะได้พัฒนาสักที ชีวิตนี้ผมเคยขึ้นเขาใหญ่แค่ 3 ครั้ง แต่ละครั้งเวลาก็ไม่ได้ดีมาก คือปั่นเล่นบ้าง ปั่นชิลล์ๆ บ้าง แต่เมื่อมากับเพื่อนกลุ่มนี้ รู้เลยว่าไม่มีปั่นสบาย เพราะทุกครั้งที่หัวหน้าแก็งค์เรามาเขาใหญ่ เขาจะมาทำสถิติ! ปัญหาของผมคืองานยุ่งจนไม่ได้ซ้อมมาสองอาทิตย์แล้ว ใจหนึ่งก็อยากรู้ว่าบุญเก่าที่ซ้อมหนักๆ มาจะช่วยแค่ไหน อีกใจหนึ่งก็รู้ว่ากรูเหนื่อยแน่ๆ วันนี้

เราออกเดินทาง 6.30 จากแถวพัฒนาการ ไปถึงหน้าด่านปราจีนฯก็ประมาณ 8:30 พอดี เตรียมจักรยานเปลี่ยนชุดกันเสร็จก็ออกวอร์มเบาๆ 10 กิโลเมตร ออกไปวนทางเข้าด่านจนถึงเนินแล้วก็กลับมา ถึงปุ๊บก็ขึ้นเลย อย่างที่บอก หัวหน้าแก็งค์จะมาทำสถิติ เราก็เอาด้วยสักตั้งสิวะ! (ผมไม่เคยพยายามทำสถิติขึ้นเขาใหญ่) กะไว้คร่าวๆ ว่าจะปั่นประมาณหัวใจโซน 4.5 ตลอด โซนนี้ผมปั่นได้ประมาณชั่วโมงครึ่ง ซึ่งก็น่าจะเป็นเวลาที่ขึ้นถึงแยกเข้าเขาเขียว จุดจับเวลาพอดี

Screen Shot 2557-10-07 at 9.07.56 PM

 

2. ขึ้น

ระยะทางจากประตูด่านปราจีนฯไปถึงแยกไม่ไกลมาก ประมาณ 28.8 กิโลเมตร บางคนถามว่าต้องเตรียมตัวเรื่องอาหารยังไง? ปกติก่อนจะลงแข่งหรือทำสถิติแบบนี้ ซึ่งจะเป็นการปั่นที่หนักพอสมควร ควรจะทานอาหารอย่างน้อย 2.30-3.00 ชั่วโมงก่อนเริ่มปั่นครับ อาหารจะได้ย่อยพอดี แล้วก่อนออกทำเวลา/แข่ง ผมจะรองท้องด้วยกล้วยน้ำว้าหรือ Snickers เล็กๆ แท่งนึง ร่างกายคนดูดซับคาร์โบไฮเดรตได้ชั่วโมงละ 60-90 กรัมเท่านั้น ((Reference)) กินเกินกว่านี้มีแต่จะทำให้ย่อยยาก

พอเริ่มออกจากหน้าด่านก็รู้เลยว่าวอร์มอัปไม่พอครับ (และขาดซ้อมด้วย) เทียบง่ายๆ การขึ้นเขาก็เหมือนกับการปั่น Time Trial ยิ่งเวลาแข่งสั้นเท่าไร ยิ่งต้องวอร์มหนักขึ้น ผมวอร์มถึงราวๆ โซน 4.5 (แค่ประมาณ 6 วิ) กับไล่รอบขาจาก 80-120 เพื่อเปิดระบบต่างๆ ในร่างกาย วอร์มแค่นี้ไม่พอ ช่วงแรกเหนื่อยมาก เพราะหลายๆ อย่างยังไม่เข้าที่ แถม 10 กิโลเมตรจากหน้าด่านก็เป็นช่วงที่ชันที่สุด ช่วงกิโลท้ายๆ มันจะขึ้นแบบเนิบๆ แล้ว สบายกว่าเยอะ

ปั่นไปได้ประมาณ 35-40 นาทีก็เริ่มรู้สึกว่าเข้าที่แล้ว เลยรักษารอบขาและหัวใจไปเรื่อยๆ (รอบขามาก ใช้หัวใจเยอะ ถ้ารอบขาน้อยก็จะใช้กล้ามเนื้อเยอะ จุดสมดุลของสองอย่างนี้อยู่ตรงไหนขึ้นอยู่กับความถนัดและสภาพร่างกายของคุณ) ก็คลานขึ้นไป แน่นอนว่าตอนนี้หัวหน้าแก็งค์ทั้งสองคนหายลิบไปแล้ว – ฟิตกว่าผมหลายขั้น

ทางขึ้นเขาใหญ่จะไม่ใช่ทางขึ้นแบบตรงดิ่งซะทีเดียว จะมีจังหวะลงเนินสลับด้วย แต่จุดนี้ก็ไม่ใช่ที่พักนะครับ ถ้าจะทำเวลา ทางลงสั้นๆ คือช่วงที่ดีที่สุดในการทำเวลา ลงเนินเมื่อไรก็ใส่ให้มิด เราได้แรงส่งจากทางลงด้วย

แน่นอนว่าถ้ารู้ทาง มาปั่นบ่อยจะได้เปรียบ คุณจะรู้ว่าจุดไหนเร่งได้ ไม่เหนื่อย จุดไหนไม่ควรเร่งเกินไปเพราะเนินยาวหรือชันไม่สม่ำเสมอ ผมมาไม่บ่อยก็เสียเวลาตรงนี้ไปพอสมควร เพราะจำระยะเนินและความชันไม่ค่อยได้ ถึงช่วงแอ่งกระทะที่ดิ่งท้านรก ก็รู้ว่าใกล้ถึงแล้ว เลยเร่งๆ ไปอีก

ถึงที่หมายทำเวลาได้ 1:22:12 ดีกว่าครั้งที่แล้วประมาณ 5 นาที (ครั้งที่แล้ว 1:27:32) (เย่!)

khaoyai 3

 

3. ลง

ถึงยอดแล้วก็แวะกินก๋วยเตี๋ยวชามนึงที่แยกทางเข้าเขาเขียวครับ รอเพื่อนเสร็จก็ลงกันเลย แต่!

ขาลงผมก็จะทำเวลาด้วย…
การลงเขาเป็นอะไรที่หลอกหลอนผมมาร่วมปีเต็ม ตั้งแต่ไปซิ่งลื่นล้มลงเนินจนไหล่หลุด กระดูกหัวไหล่ร้าว จากนั้นมาก็แหยงการลงเขาไปหลายเดือน กลัวแบบถ้าเนินชันคือต้องจอดเลย เพราะคุมรถไม่อยู่ ทักษะการลงเขาอ่อนมาก ถ้าต้องลงเขาเขียวคือแทบจะคลานลงมา

วิธีแก้ ตามที่พี่ๆ หลายท่านสอนมาคือ ยิ่งกลัวเอ็งก็ต้องยิ่งหัดลงบ่อยๆ เข้า จะได้ชิน หายกลัว การลงเขาได้ดีและไวมันอยู่ที่ประสบการณ์ ยิ่งมั่นใจยิ่งลงได้เร็วและปลอดภัย กลับกัน ถ้าคุณกลัว ไม่มั่นใจ โอกาสที่จะแหกโค้งมีเยอะกว่ามาก ว่าแล้วก็ซัดเลยครับ ขาลงผมเหนื่อยกว่าขาขึ้นเพราะยัดทุกโค้งทุกจังหวะ น่าเสียดายว่าเวลาใน Strava ไม่ดีมาก เพราะตอนลงแอ่งกระทะ แวะปั่นช้าถ่ายรูปกันอยู่ แต่ลงถึงพื้นแล้วก็พอรู้ว่า โอเค ความมั่นใจมันเริ่มกลับมาแล้วแหละ นับจากยอดแอ่งกระทะถึงตีนเขาเลยได้ 39 นาที เหยียบมาที่ 40-65kph ตลอดทาง ช่วงไหนเป็นทางตรงก็มุดลงไปคางติดสเต็ม

คิดว่าตัวเองหายกลัว ลงได้เร็วระดับหนึ่ง แต่พอเจอพี่ที่มาด้วย (แมวทอง) สาดโค้งเอียงตัวปาน Motor GP แล้วก็ขอบายครับ ขอไปสะสมวิทยายุทธ์อีกสัก 5 ปีนะ!

เขาใหญ่ฝั่งปราจีนฯเป็นทางที่ลงไม่ยากครับ ขอแค่ถนนอย่าเปียกและรถไม่เยอะมาก เป็นอะไรที่ลงสนุกมาก เพราะเรามองเห็นปลายโค้งแทบทุกโค้ง ไม่ใช่โค้งบอดเหมือนเขาเขียวหรือทางลงฝั่งปากช่อง เมื่อตาเห็นปลายทางแล้วก็ปล่อยของได้เต็มที่ แต่ลงเร็วแค่ไหนก็ระวังและเคารพผู้ร่วมถนนด้วยนะครับ

 

4. Stats

ไปถึงแข่แยกทางเข้าเขาเขียวแล้วก็ลงเลย พอได้เหนื่อย
ไปถึงแค่แยกทางเข้าเขาเขียวแล้วก็ลงเลย พอได้เหนื่อย
ดูกราฟกันเล่นๆ
เลี้ยงหัวใจ!
หัวใจส่วนใหญ่เลี้ยงไว้โซน 4 จริงๆ ถ้าปั่นบ่อยกว่านี้น่าจะเฉลี่ยแรงได้ดีกว่านี้หน่อย
เทียบการออกแรงตามโซนหัวใจ ถ้าปั่นจนจำทางได้มากกว่านี้ น่าจะเฉลี่ยแรงได้ดีกว่านี้สักหน่อยครับ

Screen Shot 2557-10-07 at 9.06.01 PM

สรุปจบทริปได้ Personal Record มาพรึ่บ ที่เกลียดการขึ้นเขาก็กลับมาชอบขึ้นนิดนึง (แหงสิ ก็ทำเวลาดีกว่าเดิม) แต่คิดว่ายังไม่ดีพอ คงต้องกลับไปซ้อมอีกสักเดือนสองเดือนแล้วมาเช็คใหม่ครับ

ภูเขาไม่เคยโกหก คุณมีเท่าไรคุณก็ไปได้แค่นั้น ลมไม่ช่วย เพื่อนไม่ช่วย จักรยานเบาก็ช่วยได้ระดับหนึ่ง การแข่งขันส่วนใหญ่เลยมักจะตัดสินกันที่ยอดเขาสูงชัน ไม่ใช่ทางราบ ไม่ใช่ทางสปรินต์…

เวลาขี่จักรยาน มีไม่บ่อยที่เราจะได้อยู่ตัวคนเดียวจริงๆ มีสมาธิกับมันจริงๆ แต่การปั่นจับเวลาขึ้นเขานี่หละครับ ถึงจะเหนื่อย แต่มันก็สงบอย่างบอกไม่ถูก

เชื่อว่าความรู้สึกนี้เป็นเหตุผลให้คนจักรยานอีกนับพันวนเวียนกลับมาทักทายคุณเขาทุกครั้งเมื่อมีโอกาสครับ

khaoyai 1

By เทียนไท สังขพันธานนท์

คูน คือผู้ก่อตั้งดั๊กกิ้งไทเกอร์ และอยากใช้เว็บไซต์นี้ช่วยให้คนไทยอยากขี่จักรยานกันเยอะๆ!

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *