ในซีรีย์เรื่องราวนักปั่นที่ผ่านมา เราได้เห็นชีวิตของนักปั่นดาวรุ่งที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน และนักปั่นผู้ช่วยที่ไม่มีใครสนใจจะจำชื่อ สัปดาห์นี้มาดูอีกคนที่ไม่ใช่แชมป์ แต่สมีสไตล์การปั่นที่น่าจดจำเสมอ เขาคือโทมัส โฟแคลร์ครับ
โฟแคลร์เป็นนักปั่นที่หลายคนไม่รู้จัก แต่ต้องเคยเห็นหน้า เพราะคงไม่มีใครแสดงสีหน้าระหว่างการแข่งขันได้มหัศจรรย์เท่าโฟแคลร์อีกแล้ว ถ้าไนโร คินทานาคือราชาแห่งโปกเกอร์เฟซ โฟแคลร์ก็คงเป็นราชาแห่งโจ๊กเกอร์เฟซ กว่า 13 ปีที่โฟแคลร์ถ่ายทอดอารมณ์การแข่งขันผ่านสีหน้าเจ็บปวดรวดร้าว จนน่าสงสัยว่าเขาจะปั่นจบสนามหรือเปล่า
ไม่ใช่แค่ปั่นจบ โฟแคลร์เป็นหนึ่งในนักปั่นที่ชาวฝรั่งเศสหลงรักที่สุด เพราะเขาเป็นภาพสะท้อนแห่งความอุตสาหะของสามัญชน โฟแคลร์ไม่ใช่แชมป์เปี้ยนที่อยากคิดจะชนะอะไรก็ชนะได้ ไม่ใช่นักไต่เขาที่พิชิตยอดได้เหมือนคู่แข่ง ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการสปรินต์ เขาอาจจะเป็นคนที่พ่ายแพ้เยอะที่สุดก็ได้ นั่นเพราะเขาเป็นนักปั่นที่ชื่นชอบการโจมตีและการหนีกลุ่มจนกลายเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว
“นักปั่นในเบรคอเวย์แต่ละคนมีทริคของตัวเองครับ หลายครั้งที่ผมแสร้งทำเป็นคุยกับโค้ชทีมที่อยู่ในรถข้างหลัง ‘เห้ย ยังงี้ผมไม่ชอบว่ะ ไม่ให้ผมขึ้นช่วยกลุ่มงั้นเหรอ? แต่ผมยังแรงดีอยู่เว้ย!’ จริงๆ แล้วผมไม่ได้กดปุ่มวิทยุด้วยซ้ำ”
บ่อยครั้งที่การโจมตีของโฟแคลร์ล้มเหลว แต่อย่างที่สุภาษิตกล่าวไว้ ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น ตลอดชีวิตการแข่งขัน 17 ปีของโฟแคลร์ เขาคว้าแชมป์สเตจใน Tour de France สนามบ้านเกิดของเขาได้ถึง 4 ครั้ง – ฟังดูอาจจะน้อยนิดเมื่อตูร์ปีนี้ สปรินเตอร์อย่างมาร์เซล คิทเทลกวาดไป 5 สเตจสบายๆ
“เวลาคุณเข้ากลุ่มเบรคอเวย์นะ มันมีหลายอย่างให้คิด คุณต้องดูว่าใครสปรินต์ดีสุด ใครไม่อยากโดนกลุ่มจับ หรือคนไหนเคยอยู่ทีมเดียวกัน เราจะสร้างพันธมิตรชั่วคราวได้มั้ย? แล้วใครไม่ยอมช่วยไล่? เรื่องพวกนี้ต้องคำนวนกันละเอียดนะ”
สิ่งที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกกลับไม่ใช่แชมป์สเตจ แต่มันเป็นเสื้อเหลืองใน Tour de France ที่เขาได้สวมใส่ทั้งหมด 20 ครั้ง ในปี 2004 โฟแคลร์คว้าเสื้อเหลืองครั้งแรกจากการเบรคอเวย์ในสเตจ 5 วันนั้นเขาพ่ายแชมป์สเตจให้สจ๊วต โอเกรดี้ แต่เขาได้รางวัลปลอบใจเป็นเสื้อผู้นำเวลารวม – เสื้อเจอร์ซีย์ที่นักปั่นทั้งสนามต้องการ หากแต่วันนั้นไม่มีใครสนใจโฟแคลร์ เขาไม่ใช่ตัวเต็ง เขาไม่ได้อยู่ในทีมดังด้วยซ้ำ แต่เขาป้องกันเสื้อเหลืองได้สิบสเตจรวด ถึงสุดท้ายจะเสียเสื้อให้แลนซ์ อาร์มสตรองในเทือกเขาแอลป์
เสื้อเหลืองในคราวนั้นเป็นฐานสร้างความมั่นใจให้โฟแคลร์ เขากลายเป็นนักเบรคอเวย์ที่เปโลตองไม่กล้าปล่อยห่าง แน่นอนว่าความพยายามหลายครั้งของเขาไม่สำเร็จ แต่ระหว่างทางการเป็นนักปั่นอาชีพ 17 ปีเขาเก็บแชมป์สเตจในรายการชื่อดังอย่าง Paris-Nice, Criterium du Dauphine และ Tour of the Basque Country พร้อมแชมป์รายการแข่งวันเดียวในฝรั่งเศสอีกหลายสนาม
ปี 2011 โฟแคลร์ได้ครองเสื้อเหลืองอีกครั้งด้วยการเบรคอเวย์แบบเหนือความคาดหมายไม่ต่างกับที่เขาทำในปี 2004 แต่ก็เช่นเดียวกัน ปีนี้เขาไม่ได้อยู่ในสายตาของแฟนจักรยาน เมื่อแอนดี้ ชเล็ค (Leopard Trek) และคาเดล เอวานส์ (BMC) เป็นตัวเต็งของรายการที่ดึงความสนใจทุกคนไปหมด
โฟแคลร์ครองเสื้อเหลืองได้อีกสิบวัน ที่ผ่านมาเขารู้ตัวดีว่าตัวเองไม่ใช่นักปั่นที่จะมีโอกาสได้แชมป์แกรนด์ทัวร์หรอก แต่มันก็ไม่ผิดที่คิดจะฝัน ชาวฝรั่งเศสต้องทนดูนักปั่นต่างชาติคว้าแชมป์รายการใหญ่ในบ้านตัวเองมานับสิบปี นี่เป็นครั้งแรกที่ฝรั่งเศสมีความหวัง
เข้าสู่สัปดาห์สุดท้ายโฟแคลร์ยังครองเสื้อได้และไต่เขาได้ไม่เลวไปกว่าดาวดังคนอื่นๆ อุปสรรคของเขาไม่ใช่คู่แข่ง แต่มันกลับเป็นภูเขาสูงชันที่พรากเสื้อผู้นำจากบ่าของเขา มันเป็นสเตจที่จบบนยอด Col du Galibier ที่แอนดี้ ชเล็คผงาดขึ้นคว้าแชมป์สเตจ แชมป์ปีนั้นตกเป็นของเอวานส์ ชเล็คพ่ายให้เอเวานส์ในสเตจ Time Trial และได้อันดับสอง ส่วนโฟแคลร์พลาดตำแหน่งโพเดี้ยมไปแค่ขั้นเดียว เขาเสียเวลาไปมากในเทือกเขาแอลป์และทำได้เพียงอันดับ 4 ปีถัดมาเขาคว้ารางวัลเจ้าภูเขาในรายการเดียวกัน
โฟแคลร์เป็นภาพสะท้อนที่สวยงามแต่ก็น่าเศร้าในกีฬาที่พันธุกรรมมีผลไม่แพ้ความมุมานะ โอกาสชนะรายการใหญ่สำหรับนักปั่นที่ไม่ได้เกิดมากับยีนยอดมนุษย์มันเบาบางและห่างไกล ดวงจันทร์ฉายเแสงอยู่ตรงหน้าแต่คว้าได้เพียงดาว
ชาวฝรั่งเศสหลงรักเขาเพราะโฟแคลร์เป็นไม่เคยแสดงความผิดหวังให้เห็นแม้การโจมตีของเขาจะล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า หลายคนวิจารณ์ว่าการโจมตีของเขามีแต่คว้าน้ำเหลว แต่ถ้าเขาไม่พยายาม นักปั่นธรรมดาที่ไม่ใช่แพะภูเขาหรือสปรินเตอร์เจ้าความเร็ว คงไม่มีทางได้คว้าอันดับ 4 ใน Tour de France และแชมป์สเตจอีก 4 ครั้ง
ด้วยวัย 38 ปี โฟแคลร์อำลาวงการหลังจากแข่ง Tour de France จบ 14 ครั้ง เขารู้ตัวเสมอว่าตัวเองไม่ใช่นักปั่นเกรดแชมป์แกรนด์ทัวร์ และพอใจถ้าเพื่อนร่วมทีมจะได้แชมป์สเตจ ในบทสัมภาษณ์สุดท้ายกับ Cyclingnews หลังจบสเตจ 21 ในตูร์ปีนี้ เขากล่าว
“ผมอยากให้ทีม (Direct Energie) ได้อะไรกลับบ้านนะ ไบรอัน โคคอร์ (สปรินเตอร์ของทีม) ควรได้แชมป์สักครั้ง ถ้าเขาชนะผมก็ชนะด้วย ผมไม่ผิดหวังหรือเสียใจเลยที่ไม่ได้เป็นหัวหน้าทีม ที่เป็นผู้ช่วยธรรมดา ได้ปั่นจบสามสัปดาห์ใน Tour de France มันก็งดงามแล้วครับ”