ทอม ดูโมลาน (เนเธอร์แลนด์) คว้าเป้าหมายใหญ่ที่สุดในฤดูกาล 2017 ได้สำเร็จเมื่อเขาคว้าแชมป์โลกการปั่นจับเวลาบุคคล (Individual Time Trial) ในสนามระยะทาง 31 กิโลเมตรที่จบบนยอดเขาในเมืองเบอร์เกน ประเทศนอร์เวย์เมื่อคืนนี้ครับ
ดูโมลานเอาชนะคู่แข่งขาดลอย ทำเวลาดีกว่าอันดับสอง พริมอซ โรจ์กลิค (สโลวีเนีย) +57 วินาที และเร็วกว่าเหรียญทองแดงอันดับสาม คริส ฟรูม (สหราชอาณาจักร) +1:21 นาที และถึงฟรูมจะปล่อยตัวก่อนดูโมลาน 90 วินาที แต่เขาเกือบถูกดูโมลานแซงที่หน้าเส้นชัย
ฟรูมที่คว้าแชมป์ Tour de France และ Vuelta ควบสอบรายการในฤดูกาลนี้ลงแข่งไทม์ไทรอัลชายในฐานะตัวเต็งอันดับต้นๆ ของวัน ถึงเวลาช่วงแรกๆ ของเขาจะไม่ดีมากนัก ได้อันดับ 7 ที่เช็คพอยท์สุดท้ายแต่ก็ไต่เขาได้เร็วจนขึ้นมาอยู่อันดับสาม
เนลสัน โอลิเวรา (โปรตุเกส) เป็นนักปั่นคนแรกๆ ที่เซ็ตเวลาของวันได้ดีที่สุด และเป็นหนึ่งในนักปั่นไม่กี่คนที่เปลี่ยนจักรยานจากไทม์ไทรอัลเป็นเสือหมอบก่อนถึงทางขึ้นเขาสุดท้าย คู่หูจากทีม Sky จิอันนี มอสคอน (อิตาลี) และอดีตแชมป์โลก วาซิล คิริเยงก้า (เบลารุส) ขึ้นประกบโอลิเวราในตำแหน่งว่าที่เหรีญยเงินและทองแดง แต่ทั้งสามคนก็ถูกผลักลงโพเดี้ยมด้วยเวลาที่ดีกว่าของ ดูโมลาน โรจ์กลิค และฟรูม คว้าอันดับ 4-5-6 ตามลำดับ
ดูโมลานปล่อยตัวหลังฟรูม และก่อนหน้าแชมป์ปัจจบัน โทนี มาร์ติน (เยอรมัน) และทำเวลาได้ดีที่สุดเกือบทุกเช็คพอยท์ (ขาดเช็คพอยท์แรก) มีแค่โรฮาน เดนนิส (ออสเตรเลีย) ที่ยังอยู่ในระยะห่างไม่เกินสิบวินาทีกับดูโมลาน ทว่าโชคร้ายเมื่อจักรยานล้มหลังเช็คพอยท์ที่สามเสียเวลาไปร่วมหนึ่งนาทีเต็ม และจบการแข่งขันด้วยอันดับ 8 ช้ากว่าดูโมลาน +1:38 นาที
สำหรับมาร์ตินเอง ที่บอกชัดเจนว่าไม่ชอบเส้นทางชิงแชมป์โลกปีนี้ด้วยเส้นชัยบนยอดเขาที่ตัวเองไม่ถนัดก็ทำเวลาได้ไม่ดีตามคาด จบการแข่งขันด้วยอันดับ 9 ตามหลังดูโมลาน +1:39 นาที
ผลการแข่งขัน
Talking Point
ชัยชนะครั้งนี้ของดูโมลานเป็นผลงาน Time Trial ที่ดีที่สุดของเขา จากที่เคยได้เหรียญทองแดงในสนามชิงแชมป์โลกปี 2014 ที่สเปน และเหรียญเงินในริโอโอลิมปิก 2016 หมายความว่าเขาเป็นแชมป์โลกคนปัจจุบันทั้งในประเภท Individual Time Trial และ Team Time Trial จากที่ Sunweb คว้าแชมป์ไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ยังเป็นชัยชนะแบบแพคคู่ของชาวดัทช์ด้วยเมื่อ Annemiek van Vleuten คว้าแชมป์ Time Trial หญิงเมื่อวันอังคารก่อนหน้านี้
จัดว่าเป็นฤดูกาลที่ประสบความสำเร็จที่สุดของดูโมลานด้วยหลังจากที่เขาคว้าแชมป์ Giro d’Italia เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และเป็นชาวดัทช์คนแรกในรอบ 36 ปีที่คว้าแชมป์แกรนด์ทัวร์ได้สำเร็จ
ด้วยทักษะในการไต่เขาที่ไม่แพ้นักปั่นอย่างวินเชนโซ นิบาลี (Bahrain-Merida) และไนโร คินทานา (Movistar) พร้อมกับทักษะการปั่นจับเวลาระดับแชมป์โลก ก็น่าสนใจว่าเมื่อเขาต้องมาเจอกับคริส ฟรูมในศึก Tour de France 2018 แล้วใครจะแกร่งกว่ากัน น่าติดตามครับ
ดูโมลานกล่าวหลังแข่ง
“บอกตามตรง ช่วงไม่กี่สัปดาห์ก่อนเริ่มสนามชิงแชมป์โลกผมไม่มั่นใจเลยครับ มันยากมากที่จะกลับมาตั้งใจซ้อมอีกครั้งหลังคุณทำผลงานใหญ่สำเร็จไปแล้ว”
“แต่พอผมมาลงสนามจริง ผมกลับรู้สึกดีขึ้น คือที่เราชนะ Team Time Trial ด้วย แล้ววันนี้ผมก็รู้สึกแรงดีเป็นพิเศษครับ ผมนึกว่าพาวเวอร์มิเตอร์พังด้วยซ้ำเพราะมันอ่านค่าสูงมากเกินปกติ”
“การที่ตามฟรูมเกือบทันยิ่งทำให้รู้สึกมั่นใจครับ ผมอยากจะจับเขาให้ทัน แต่ผมรู้ว่าเขาไม่ยอมให้จับง่ายๆ หรอก เป็นนักปั่นระดับนั้นด้วยแล้ว เพซเขาเช้ากว่าผมนิดนึงแต่สุดท้ายผมก็จับไม่ทันครับ”
“ในฐานะผู้เชี่ยวชาญการปั่น Time Trial การได้ครองเสื้อสีรุ้งตัวนี้เป็นสิ่งที่พิเศษที่สุดที่คุณจะคว้าได้ มันสุดยอดจริงๆ ที่ชนะรางวัลนี้”
คริส ฟรูมกล่าว:
“ไม่แปลกใจครับ ดูโมลานโชว์ความสามารถดีขึ้นเรื่อยๆ ตลอดหลายฤดูกาลที่ผ่านมา เขาประสบความสำเร็จมากในปีนี้ ชนะ Giro แล้วยังได้แชมป์วันนี้อีก เขาเป็นนักปั่นที่แกร่งที่สุดในสนามนี้อย่างไม่ต้องสงสัย”
“ถึงกิโลเมตรสุดท้าย ผมได้ยินเสียงคนดูเชียร์ดังขึ้น ผมเหลียวไปข้างหลังและเห็นเสื้อสีส้มตามจี้มาแล้วเขามาเร็วมาก แต่มันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรสำหรับผมครับ ผมทุ่มกับการปั่นวันนี้ด้วยทุกอย่างที่มี ผมดีใจที่มาลงแข่งแทนที่จะนั่งดูทีวีอยู่บ้าน แล้วมานั่งสงสัยตัวเองว่าจะทำได้แค่ไหน ผมพอใจกับผลงานวันนี้ครับ”
“ผมไม่เคยได้เหรียญรางวัลในศึกชิงแชมป์โลก เพราะงั้นฤดูกาลนี้มันยอดเยี่ยมมากพอแล้วครับ แน่นอนว่าแชมป์ Tour / Vuelta มันยากจะเทียบ แต่การได้มาลงสนามนี้ด้วยกำลังและฟอร์มที่ยังเหลืออยู่…ผมดีจที่ทุ่มเทได้เต็มที่จนจบฤดูกาลครับ”
วิดีโอไฮไลท์ (ชาย/หญิง)
