เมื่อคืนนี้ ASO ผู้จัดการแข่งขัน Tour de France เปิดตัวเส้นทางตูร์ปี 2016 (เรามาถึงจุดที่เส้นทางแข่งจักรยานก็ต้องมีงานเปิดตัวได้ยังไง!?) รวมๆ แล้วเป็นเส้นทางที่ “ชัดเจน” ดีครับ ไม่ค่อยมีลูกเล่นเหมือนใน Vuelta สเตจภูเขาก็เป็นภูเขาล้วนๆ สเตจทางราบก็ไม่มีเนินมาดักสปรินเตอร์ สเตจ Time Trial ก็ค่อนข้างยาวกว่าปีก่อนๆ
ผู้จัดบอกว่าเส้นทางปี 2016 จะผ่านภูเขาต่างๆ ที่ไม่เคยใช้ในตูร์มาก่อนด้วย มาดูภาพรวมกันก่อนว่าทั้ง 21 สเตจเส้นทางเป็นยังไงบ้าง
2016 Tour de France 2–24 กรกฏาคม 2016
- 7x สเตจทางราบ (Flat)
- 1x สเตจโรลลิ่ง (Hilly)
- 5x สเตจภูเขาปานกลาง (Medium Mountain)
- 6x สเตจภูเขาสูงชัน (Mountain) + 4 เส้นชัยบนยอดเขาที่ Andorre Arcalis, Mont Ventoux, Finhaut-Emosson และ Saint-Gervaix Mont Blanc
- 2x จับเวลาเดี่ยว (Individual Time Trial)
รวม 21 สเตจ มีวันพัก (rest day) 2 วัน ในวันเปิดตัว ASO ไม่ได้ให้โปรไฟล์สเตจมาทั้งหมด ให้เฉพาะสเตจที่น่าสนใจ ซึ่งเราจะมาดูกันว่ามีอะไรบ้างครับ
Week 1
สัปดาห์แรกของ Tour de France ยังคงใช้สูตรเดิมๆ นั่นคือเป็นสเตจทางราบเกือบครึ่งแล้วไปจบด้วยสเตจภูเขาในช่วงสุดสัปดาห์
เราเริ่มสเตจ 1 จากชายหาด Mont Saint Michel และไปจบด้วยการสปรินต์หน้าชายหาด Utah ในแคว้นนอร์มังดีซึ่งเป็นจุดที่กองทัพพันธมิตรบุกโจมตีกองทัพนาซีในวัน ‘D-Day’ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองนั่นเอง
ไฮไลท์สเตจ 2 ที่เป็น Hilly stage มีเส้นชัยบนยอดเนินสั้นๆ ชันสูงสุด 10% ดูน่าจะเหมาะกับนักปั่นอย่างซากาน เจอร์รานส์ และจิลแบร์ สเตจ 3, 4 เป็นสเตจทางราบที่น่าจะจบด้วยสปรินต์
สเตจ 5 เป็นสเตจภูเขาจริงๆ จังๆ ครั้งแรกแต่เส้นทางดูไม่เด็ดขาดพอจะให้ตัวเต็งเริ่มทำเวลาหนีกันมาก สเตจ 7 peloton เริ่มเข้าสู่เทือกเขาพีรานีสกับเขาสูงชันอย่าง Col d’Aspin แต่ไม่ได้จบบนยอด
สเตจ 8 เราเริ่มขึ้นเขากันจริงๆ จังๆ และเป็นสเตจภูเขาเต็มตัวสเตจแรก แต่จบด้วยทางลงเขา (อีกแล้ว) ซึ่งวัดฝีเท้าทั้งจังหวะขึ้นเขาและความมั่นใจในการลงเขาด้วย
ต่อกันด้วยสเตจ 9 ที่ข้ามมาประเทศสเปน จบบนยอดเขาซึ่งน่าจะเป็นสเตจที่ GC เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้นแล้วครับ สิ่งที่น่ากังวลคือผมไม่แน่ใจว่าพวกตัวเต็ง GC จะเล่นกันหนักแค่ไหนในสัปดาห์แรก อย่าลืมว่ายังมีสเตจภูเขาโหดๆ และ Time Trial ขึ้นเขาอีกในสัปดาห์ที่ 2 และ 3 ตัวเต็งอาจจะเลือกเพลย์เซฟ ไม่จัดกันหนักมาก ออมแรงไว้ใช้ในสเตจหลังๆ
ผลก็คือสัปดาห์แรกมันอาจจะน่าเบื่อไปเลยก็ได้ เราอาจจะได้เห็นตัวเต็งเกาะกลุ่มกันเข้าเส้นชัย หรือปล่อยให้เบรคอเวย์หนีไปเก็บแชมป์สเตจกันสบายๆ แม้แต่ Sky เองที่นิยม “จัดเต็ม” ในสเตจภูเขาแรกทิ้งห่างคู่แข่งเยอะๆ แล้วเล่นแผนอุดจนจบรายการก็อาจจะไม่ทำอย่างเดิมก็ได้ ปีนี้ถึงฟรูมจะชนะด้วยแผนนี้ แต่ก็จัดว่าเสี่ยงเพราะสัปดาห์สุดท้ายคินทานาและวาวเวอเด้เริ่มฟอร์มดีขึ้นกว่าเขาอย่างเห็นได้ชัด
แต่กลับกันนักปั่นฝรั่งเศสอย่างพินอท์ และบาร์เดต์อาจจะเดินเกมรุกหนักเป็นพิเศษเพื่อตุนเวลาเก็บไว้ก่อนสเตจ Time Trial ที่พวกเขาไม่ถนัดครับ
Week 2
ไฮไลท์ของสัปดาห์ที่ 2 มีหลายจุดเลยแต่จุดแรก คือที่นี่ครับ สเตจ 12
Mont Ventoux กลับมาแล้ว! และจะเป็นภูเขาที่ยากที่สุดในการแข่งขัน Tour 2016 เส้นชัยจบบนยอดเขาเลย
สเตจ 13* เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของปีนี้ เห็นโปรไฟล์สั้นๆ แบบนี้จริงๆ แล้วมันคือสเตจ Time Trial ระยะทาง 37 กิโลเมตร เริ่มปีนเนินกันกว่า 900 เมตรตั้งแต่เริ่ม มีช่วงลงเขากลางสเตจและจบด้วยการปีนเนินอีกครั้ง เป็นโปรไฟล์ที่น่าสนใจครับ ฟรูม (Sky), ดูโมลาน (Giant), คอนทาดอร์ (Tinkoff) น่าจะทำเวลาได้ดีมาก แต่มันก็ไม่ยากเกินสำหรับเพียว TT Specialist อย่างโทนี่ มาร์ติน (Etixx)
สเตจ 15* ก็น่าสนใจไม่น้อย กับเขาและเนินชันแบบหยักฟันปลา ทดสอบทั้งฟอร์มการไต่เขาและการลงเขา กับระยะ elevation gain มากถึง 4000 เมตร ทางลงเขาก Grand Colombier ขึ้นชื่อว่าเป็นทางลงที่ชันและยากเป็นอันดับต้นๆ ในฝรั่งเศสเลยทีเดียว
Week 3
สัปดาห์สุดท้ายเปิดสนามกันด้วยสเตจ 17 ข้ามมาสตาร์ทกันในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ในเมือง Berne บ้านเกิดของเฟเบียน แคนเชอลารา
แต่ไฮไลท์ของจริงอยู่ที่สเตจ 18 ครับ เป็นสเตจ Time Trial เดี่ยวครั้งที่ 2 ระยะทาง 17 กิโลเมตร ขึ้นเขา!
สเตจ 19
และสเตจ 20 เป็นสเตจภูเขาสูงชันทั้งคู่ จะเห็นว่าสเตจ 17–18–19–20 เป็นสเตจภูเขาทั้งหมดเลย และไม่ง่ายด้วยกับเส้นชัยบนยอดเขาถึงสองครั้ง นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมบางทีมอาจจะเลือกไม่จัดหนักจัดเต็มในสัปดาห์แรกครับ เพราะสัปดาห์สุดท้ายไม่มีโอกาสให้ใครผิดพลาดได้เลย แรงตกหนึ่งวันนี่มีสิทธิแพ้เลยทีเดียว
สเตจ 21 สุดท้ายจบที่กรุงปารีสผ่านฌ็องเซลิเซ่เหมือนเดิม
สรุป
เส้นทางตูร์ปีนี้เริ่มกลับมาให้ความสำคัญกับสเตจ Time Trial อีกครั้ง ถ้าดูจากระยะทาง TT ใน 4 ปีที่ผ่านมา….
- 2012: 96km (Wiggins ชนะ)
- 2013: 65km (Froome ชนะ)
- 2014: 54km (Nibali ชนะ)
- 2015: 14km (Froome ชนะ)
- 2016: 54km (….)
จากแค่ระยะทาง TT เราอาจจะสรุปกันว่านักปั่นที่ TT เก่งอย่างฟรูมคงได้เปรียบคนอื่นไม่น้อย แต่ถ้าดูโปรไฟล์เส้นทางสเตจประกอบด้วยแล้วผมว่าปี 2016 ก็ยังเอื้อ pure climber เหมือนกันนะ เป็นเส้นทางก้ำๆ กึ่งๆ ที่ตัวเต็งหลายคนมีโอกาสไม่หลุดกันมาก ไม่เหมือนปี 2012 ที่จัด TT ไปเกือบร้อยกิโลเมตร ซึ่งวิกกินส์ก็ใช้ความได้เปรียบของเขาในการคว้าแชมป์อย่างไม่ยากเย็น โดยรวมแล้วสมดุลดีครับ ไม่น่าจะมีใครไดเปรียบเสียเปรียบกันแบบชัดเจนสำหรับกลุ่มตัวเต็ง GC
เรียกว่าเป็นเส้นทางตูร์แบบ “คลาสสสิค” สัปดาห์แรกไม่มีสเตจถนนหินแล้ว ไม่เจอทางยากๆ อย่างคอร์ซิก้า (2013), รูเบ (2014) และ Belgian Classics ที่ลมโคตรแรง (2015) นั่นหมายความว่าสปรินเตอร์คงมีโอกาสท้าชิงแชมป์สเตจกันได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องเสี่ยงล้มกันมากนัก โอกาสที่ตัวเต็งจะล้มเจ็บจนต้องถอนตัวก็ลดลงด้วย
ขณะเดียวกันในสเตจภูเขาก็ไม่มีสเตจแบบใน Vuelta ที่มีอุปสรรคอย่างเนินชันๆ อยู่ใกล้ๆ เส้นชัย เป็นสเตจเขาธรรมดาๆ และมีเส้นชัยบนยอดเขาแค่ 4 ครั้ง
การแบ่งสเตจชัดเจนแบบนี้ก็ดีครับ สเตจทางราบทีมสปรินเตอร์ก็ทำงานกันเต็มที่ สเตจภูเขาก็ปล่อยให้ทีม GC นำ peloton ไม่มาทำเกมคู่กันตามเส้นทางที่กำกวมเหมือนใน Giro และ Vuelta แต่มันก็อาจจะทำให้การแข่งน่าเบื่อและคาดเดาผู้ชนะง่ายเกิน
* * *
ตัวเต็งมีความเห็นยังไงกันบ้าง?
พินอท์ (FDJ)
“สเตจภูเขาแรกมาเร็วมาก ตั้งแต่สเตจ 5 เลย ซึ่งน่าจะเหมาะกับผมครับ สัปดาห์แรกดูไม่วุ่นวายดี สเตจ TT ผมก็ชอบนะเป็นทางขึ้นเนินเขา แต่ผมคิดว่าตัวเต็งคงทำเวลาได้ห่างกันไม่มากในการปั่นจับเวลา เป้าหมายของผมยังเหมือนเดิมคือทำอันดับ GC ให้ได้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ และมันจะดีมากถ้าผมได้เหยียบโพเดี้ยม”
ฟรูม (Sky)
“เส้นทางปีหน้ามันทดสอบความเป็นนักปั่นอาชีพทุกด้านครับ ทั้งการขึ้นเขา การลงเขา และการปั่น Time Trial ในสัปดาห์แรกผมว่าเราต้องสู้กับกระแสลมข้างด้วย คุณต้องการทีมที่พร้อมจะปกป้องคุณในทุกสถานการณ์”
“ถึงผมจะชนะแชมป์ตูร์มาสองครั้งแล้วแต่ผมเชื่อว่าผมยังชนะได้อีกหลายครั้ง แน่นอน เราคาดเดาไม่ได้หรอกว่าปีนี้ผลงานเราจะเป็นยังไง แต่ผมจะทุ่มสุดตัวเพื่อตำแหน่งแชมป์ในปีหน้า เส้นทางเหมาะกับผมครับและปีหน้าเราจะมีเพื่อนร่วมทีมใหม่ๆ หลายคนที่น่าจะทำให้ทีมเราแกร่งยิ่งขึ้นอีก”
คอนทาดอร์ (Tinkoff)
“เส้นทางปีหน้าค่อนข้างยากครับ ใครอยากจะชนะต้องฟอร์มดีมากๆ เพราะเราต้องเจอสเตจภูเขาตั้งแต่สเตจ 5 สเตจ Time Trial ทั้งสองสเตจน่าจะเป็นตัวแปรสำคัญ มันยากทั้งสองสเตจและไม่ยาวจนเกินไป น่าจะเหมาะกับผมครับ”
“สเตจภูเขาไม่กระจุกรวมกันจนเกินไป มีตั้งแต่สัปดาห์แรกไปถึงสัปดาห์สุดท้าย ซึ่งหมายความว่าคุณต้องกะเกณฑ์แรงให้ดี ไม่ให้ไปหมดแรงในสัปดาห์สุดท้าย”
“ถามว่ามันเป็นตูร์สำหรับนักไต่เขาหรือเปล่า? ก็ต้องบอกว่าใช่ถึงแม้จะไม่ยากเหมือนปี 2015 แต่ก็เหมาะกับนักไต่เขามากกว่านักปั่นประเภทอื่นๆ ในปีสุดท้ายของผม ผมจะเตรียมตัวให้พร้อมที่สุดเพื่อคว้าแชมป์รายการครับ”
คินทานา & วาวเวอเด้ (Movistar)
Q: “โดยรวมแล้วผมชอบคอร์สนี้นะ โดยเฉพาะสเตจภูเขา มีหลายสเตจที่ผมถนัดและทำผลงานได้ดีมาก่อนอย่างวองตูและมอร์ซีน แล้วสเตจ TT 37 กิโลเมตรก็ไม่ใช่ทางราบ 100% ซึ่งไม่น่าจะแย่สำหรับทีมเรา”
V: “สัปดาห์แรกคงวุ่นๆ เหมือนทุกปี แต่ไม่น่าจะเครียดมากเหมือนสองปีที่ผ่านมาเพราะไม่มีสเตจถนนหินและกระแสลมก็ไม่น่าจะเป็นอุปสรรคมาก ปัญหาอยู่ที่เขาพีรานีสและแอนดอร์ร่าในสัปดาห์แรกซึ่งน่าจะตัดกำลังนักไต่เขาได้ไม่น้อยครับ แถมสเตจวองตูก็เริ่มตั้งแต่ต้นสัปดาห์สอง น่าจะเห็นอันดับเวลารวมชัดเจนกันตั้งแต่ครึ่งแรกของการแข่งขัน สัปดาห์สุดท้ายเหมาะกับทีมเรามาก อย่างปีนี้เราก็ทำเกมในสัปดาห์ที่สามได้ดีกว่าทีมอื่นๆ
ผมเสียดายที่ไม่มีสเตจ Team Time Trial เพราะปกติเราทำเวลานำคู่แข่งได้เยอะครับ”
* * *