โปรไฟล์ 2013 Santos Tour Down Under

พรีวิวการแข่งขัน Tour Down Under 2013 พร้อมวิเคราะห์โปรไฟล์เสตจ และตัวเต็งจากแต่ละทีม!

การแข่งขันเริ่มวันที่ 22-27 มกราคม
ชมถ่ายทอดสดได้ผ่านกล่อง GMM Eurosport  หรือ Livestream ได้ที่
[button link=”http://wwos.ninemsn.com.au/tdu2013/” size=”medium” target=”self”]NINEMSN.COM.AU/tdu2013/[/button] และ [button link=”http://www.cyclingfans.com/node/6790″ size=”medium” target=”self”]CYCLINGFANS[/button]
Live stream จะเริ่มราวๆ 9.30 เช้าเวลาไทยครับ

กำหนดการ

Tour Down Under เป็นการแข่งขัน UCI World Tour รายการแรกของปี ถึงแม้กำหนดการจะเริ่มวันนี้ (20 มกราคม) แต่การแข่งขันจริงๆ เริ่มวันที่ 22 หรือวันอังคารนี้ครับ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นการแข่งไครทีเรียม โชว์เปิดตัวนักกีฬาและทีมผู้เข้าแข่งขัน โดยผลการแข่งขันจะไม่นับร่วมกับการแข่งจริง เป็นโชว์แข่งดูสนุกๆ ผู้ชนะการแข่ง People Choice’s Classic วันนี้คือ Andre Griepel จากทีม Lottol-Belisol ที่โชว์ฟอร์มขบวนสปรินต์สุดแสนจะดุดัน ดูวิดีโอไฮไลท์ได้ที่นี่ครับ

[divider] [/divider]

ความเป็นมา

Tour Down Under (TDU) จัดมาได้ 15 ปีแล้วครับ เป็นรายการแข่งที่ใหญ่ที่สุดในออสเตรเลียอยู่ในระดับ UCI World Tour ซึ่งโปรทีมที่อยู่ในดิวิชันสูงสุดต้องลงแข่ง สนามแข่งจัดอยู่รอบๆ ตัวเมือง Adelaide อยู่ทางตอนใต้ของออสเตรเลีย เสตจส่วนใหญ่เป็นทางเรียบและมีเนินสูง Willunga Hill ให้ปีนจริงๆ แค่เสตจเดียว จึงเป็นสนามที่เหมาะกับสปรินเตอร์มากกว่านักไต่เขา และตัวเนิน Willunga ก็ไม่ได้ชันมากเท่าไรด้วย

ถึงแม้จะเป็นกาแข่งระดับ UCI World Tour แต่ TDU ไม่มีเสตจ Time Trial ครับ โปรทีมส่วนมากมีออฟฟิสและฐานที่มั่นอยู่ในยุโรป เวลาออกมาแข่งนอกยุโรป การขนจักรยานมาทั้งเสือหมอบและรถ Time Trial ย่อมมีค่าใช้จ่ายสูงและไม่สะดวก TDU เลยไม่มีเสตจ Time Trial เพื่อความสะดวกของนักแข่งครับ

อย่างไรก็ตาม TDU เป็นการแข่งที่สำคัญสำหรับทุกฝ่าย อากาศในยุโรปยังค่อนข้างหนาวในช่วงเวลานี้ ในขณะที่ออสเตรเลียค่อนข้างอุ่น เหมาะที่จะมาทดสอบกำลังหลังจากฝึกซ้อมช่วงฤดูหนาวมาสองเดือน โปรหลายๆ คนใช้ TDU เป็นที่เตรียมพร้อมสำหรับการแข่งสนามใหญ่อย่าง Paris-Roubaix ในยุโรปครับ ที่สำคัญ TDU มีคะแนน UCI Points มากถึง 548 คะแนน มากพอๆ กับ  Tour de Romandie และผู้ชนะจะได้มากถึง 100 คะแนนเลยครับ ออสเตรเลียเป็นประเทศที่สนับสนุนกีฬาจักรยานจริงจังมาก มีทั้งโปรทีมเสือหมอบของตัวเอง และโปรจักรยานลู่ที่เก่งกาจพอๆ กับประเทศอังกฤษ เป็นโอกาศดีที่ทีมจากออสเตรเลียอย่าง Orica-Green Edge จะได้โชว์ศักยภาพในถิ่นตัวเองครับ อย่าง Simon Gerrans จาก Orica-Green Edge ก็เป็นแชมป์ TDU ปีที่แล้ว

TDU featured

[divider] [/divider]

วิเคราะห์โปรไฟล์เสตจ

การแข่งจะแบ่งเป็น 6 เสตจ มาดูเสื้อผู้นำกันก่อนว่ามีอะไรบ้าง

Jersey

เสื้อผู้นำเวลารวมเยาวชนจะให้สำหรับนักปั่นที่อายุต่ำกว่า 25 ปีเท่านั้น เสื้อนักสู้หรือ combative จะให้นักแข่งที่ขี่ได้ดุดันที่สุดในแต่ละวัน การแข่ง TDU จะมี Time Bonus หรือเวลาพิเศษให้กับผู้ชนะในแต่ละเสตจ ตามนี้

  • เส้นชัย: เข้าที่ 1 ได้ 10 วินาที / ที่ 2 ได้ 6 วินาที / ที่ 3 ได้ 4 วินาที
  • จุดสปรินต์กลางเสตจ: เข้าที่ 1 ได้ 3 วินาที / ที่ 2 ได้ 2 วินาที / ที่ได้ 3 ได้ 1 วินาที

Stage 1

Stage 1

เสตจแรกระยะทาง 135 กิโลเมตร ขบวนจะเคลื่อนผ่าน Adelaide Velodrome ก่อนะจะเริ่มปีนเนิน Golden Grove ซึ่งน่าจะเป็นจุดที่ breakaway จะเริ่มยิงหนีจากลุ่มหลัก (peloton) เนินลูกแรกระยะทาง 4 กิโลเมตรที่ความชันเฉลี่ย 5% และสูงกว่านั้นในช่วงท้ายๆ ถ้าดูโปรไฟล์สาม km สุดท้ายแล้ว น่าจะเป็นเสตจสำหรับสปรินเตอร์แน่นอน ยกเว้นว่าสปรินเตอร์จะเหนื่อยจากเนินช่วงแรกๆ เสียก่อน ถ้าดูจากฟอร์มทีมในวันแข่งโชว์แล้ว Andre Griepel และขบวนลาก Lottol-Belisol น่าจะคว้าชัยชนะได้ไม่ยาก เพราะ Griepel ก็ปีนเนินได้ดีพอสมควร

[divider] [/divider]

Stage 2

Stage 2

จุดสำคัญสำหรับเสตจนี้น่าจะเป็นเนินลูกสุดท้ายซึ่งสูง 3.7 กิโลเมตร และความชันเฉลี่ยที่ 10% มากพอจะหยุดสปรินเตอร์ได้ จุดนี้น่าจะเหมาะสำหรับนักปั่นที่ระเบิดพลังบนเนินได้ดีอย่าง Boassan Hagen (Sky) และ Phillipe Gilbert (BMC) อย่างไรก็ตามถ้าขบวนสปรินต์สามารถข้ามเนินไปได้ ทีมก็สามารถตาม breakaway ได้ในจังหวะนี้เพราะเป็นเนินลาดยาวไปถึงเส้นชัย[divider] [/divider]

Stage 3

Stage 3

เสตจสามเป็นสนามแบบเซอร์กิท คือวนรอบเส้นทางเดิม 5 ครั้ง เนินสำคัญคือ Eagle on the Hill ที่ใช้ตัดสินผู้ชนะอยู่ตรงช่วงแรกๆ ผู้เข้าแข่งขันต้องเวียนขึ้นเนินนี้ห้าครั้ง สภาพสนามจะขึ้นๆ ลงๆ น่าจะสร้างความเหนื่อยล้าได้พอสมควร แต่ก็ไม่ชันมากพอจะให้นักไต่เขายิงหนีไปได้ง่ายๆ [divider] [/divider]

Stage 4Stage 4

เสตจนี้ก็ดูเหมือนจะทำมาเพื่อสปรินเตอร์ (อีกแล้ว) อุปสรรคมีแค่เนินลูกแรกเท่านั้น สภาพถนนบริเวณ Barossa Valley ที่ขบวนจะเคลื่อนผ่านวันนี้ไม่ค่อยดีมาก อาจจะมีเซอร์ไพรส์ยางรั่ว หรืออุบัติเหตเกิดขึ้น น่าจะทำให้ผู้นำเวลารวม หรือสปรินเตอร์เสียจังหวะไปได้ง่ายๆ [divider] [/divider]

Stage 5

Stage 5

เสตจ 5 เป็น Queen Stage หรือเสตจ (แปลว่าเสตจที่มีเนินหรือภูเขาสูงสุดในบรรดาเสตจทั้งหมดของการแข่ง และเป็นเสตจที่ยากที่สุด) ช่วงแรกเป็นเซอร์กิท จนถึงกิโลเมตรที่ 120 ซึ่งขบวนจะเริ่มขึ้นเนิน Old Willunga ที่มีความชันเฉลี่ย 7.5% เป็นระยะทาง 3 กิโลเมตร จังหวะนี้น่าจะเป็นจุดตัดสินผู้ชนะ Tour Down Under ถ้าไม่มีเวลาดูถ่ายทอดเสตจอื่น อย่างน้อยก็น่าจะดูเสตจนี้ครับ เป็นไฮไลท์การแข่งขันเลย[divider] [/divider]

Stage 6

Stage 6

เสตจสุดท้ายเป็นลักษณะไครทีเรียม คล้ายๆ สนามแข่งโชว์เมื่อวันที่ 20 ที่ผ่านมา ไม่มีเนินให้ปีน เพราะแข่งบริเวณในเมือง Adelaide ทั้งหมด น่าจะได้ดูขบวนสปรินต์ของแต่ละทีมแข่งกันอย่างดุเดือดครับ[divider] [/divider]

วิเคราะห์ตัวเต็งผู้ชนะ

ด้วยการที่เสตจส่วนมากเหมาะกับสปรินเตอร์ แนวโน้มผู้ชนะจึงอาจจะมีสปรินเตอร์ขาแรงร่วมคละกับนักแข่ง GC ด้วย อย่างไรก็ดี ณ เวลานี้ของปีนักแข่ง GC ส่วนใหญ่ฟอร์มยังไม่อยู่ในช่วงพีค เพราะมักจะเลือกพีคในช่วงรายการแข่งใหญ่ๆ รายการอื่นอย่าง Tour of Flanders หรือ Giro d’ Italia เสียมากกว่า คงไม่ได้เห็นนักแข่ง GC สู้สุดชีวิต เพราะต้องรักษาฟอร์มและป้องกันตัวเองไม่ให้บาดเจ็บ เพื่อไปชนะรายการอื่นครับ

ตัวเต็งสปรินเตอร์

Andre Griepel (Lotto-Belisol), Matthew Goss (Orica Greenedge), Tyler Farrar (Garmin-Sharp), Mark Renshaw (Blanco), J-J Rojas (Movistar), Andrea Guardini (Astana), Kenny Van Hummel (Vacansoleil-DCM), Yauheni Hutraovich (AG2R), Roberto Ferrari (Lampre-Merida), Andrew Fenn (OPQS), Marcel Kittel (Argos-Shiamno)

sprinter

ดูจากฟอร์มแล้ว Griepel ได้เปรียบที่สุด เพราะขบวน lead out ของเขาคือชุดที่ช่วยให้คว้าชัยชนะ 3 เสตจจาก Tour de France น่าจะเป็น leadout ที่ดีที่สุดใน peloton ตอนนนี้แล้ว ส่วนไม้รองคงเป็น Marcel Kittel ขาแรงจาก Argos Shiamano และ Matthew Goss จาก Orica Green Edge ครับ  Tyler Farrar ฟอร์มไม่ดีตลอดปีที่แล้ว ต้องดูว่าวันพรุ่งนี้ลูกทีม Garmin จะสนับสนุนเขาได้ดีแค่ไหน ส่วน Mark Renshaw อดีต leadout ของ Mark Cavendish ที่เปลี่ยนทีมออกมาเป็นสปรินเตอร์เองก็ยังฟอร์มไม่ค่อยดี ยังหาจังหวะสปรินต์ไม่ค่อยดี ชอบออกตัวก่อนแล้วไปหมดแรงหน้าเส้น ต้องดูว่าปีนี้จะจับจังหวะได้ดีกว่าเดิมหรือเปล่า[divider] [/divider]

ตัวเต็งผู้ชนะเวลารวม (GC)

Simon Gerrans (Orica-Greenedge), Phillipe Gilbert (BMC), Edvald Boassan Hagen (Sky), Rohan Dennis (Garmin-Sharp), Wilco Kelderman (Blanco), Maxim Iglinsky/ Gasparotto (Astana), J-J Rojas/ Eros Capecchi (Movistar), Thomas de Gendt (Vancasoleil-DCM), และ Peter Veltis (OPQS)

GC

ผู้ชนะเวลารวมสำหรับสนามนี้ต้องเป็นนักปั่นที่สปรินต์ได้ระดับหนึ่งหลังจากปีนเนินสูง Willunga Hill ในเสตจ 5 เพื่อฉีกหนีกลุ่ม GC และเก็บ Time bonus ครับ คนที่ถนัดการปั่นไสตล์นี้น่าจะเป็นอดีตแชมป์เก่า Simon Gerrans ที่ฟอร์มกำลังใช้ได้ดูจากการแข่ง Australian National Championship เมื่ออาทิตย์ก่อน และอีกคน  Edvald Boassan Hagen จาก Team Sky อันดับหกปีที่แล้ว Phillipe Gilbert อาจจะมีเซอร์ไพรส์​ในช่วงท้ายๆ แต่ก็ไม่แน่เราอาจจะเห็นพวกลูกผสมอย่าง Matt Goss และ J-J Rohas ที่ทั้งปีนเขาได้และสปรินต์ได้ เก็บ time bonus จากวันอื่นๆ มากพอที่จะชนะเวลารวมครับ

[divider] [/divider]

[button link=”www.facebook.com/tourdownunder  ” size=”medium” target=”self”]ภาพจาก Facebook Official Tour Down Under [/button]

Published
Categorized as Racing

By เทียนไท สังขพันธานนท์

คูน คือผู้ก่อตั้งดั๊กกิ้งไทเกอร์ และอยากใช้เว็บไซต์นี้ช่วยให้คนไทยอยากขี่จักรยานกันเยอะๆ!

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *