ใครจะเป็นแชมป์ Tour of Flanders 2019?

สนาม: Tour of Flanders (Ronde van Vlaanderen)
ระดับ: UCI WorldTour
ระยะทาง: 267 กิโลเมตร
เวลาถ่ายทอดสด: 15:30-22:30
ลิงก์ถ่ายทอดสด: duckingtiger.com/live

คำว่า “Race of the Year” ไม่ใช่อะไรที่คนพูดกันได้บ่อยๆ จริงว่า Tour de France ยังเป็นสิ่งแรกที่แฟนจักรยานนึกถึง แต่สนามแข่งที่นักปั่นอาชีพเองยกให้เป็นสนามแข่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดในทุกๆ ปีกลับไม่ใช่แกรนด์ทัวร์ในเดือนกรกฏาคม แต่มันคือสนามแข่งวันเดียวในเบลเยียมที่ชื่อว่า Tour of Flanders หรือ Ronde van Vlaanderen

Tour of Flanders (RVV) อาจจะไม่ได้ดูหวือหวาเหมือน Paris-Roubaix ที่เส้นทางวิบากยากเข็น แต่ในบรรดาสนามคลาสสิคด้วยกันแล้ว RVV เป็นรายการที่ท้าทายผู้เข้าแข่งขันในระดับเดียวกันหรือมากกว่า

จัดแข่งในทุกๆ วันอาทิตย์แรกของทุกปี Tour of Flanders ปีนี้จะจัดเป็นครั้งที่ 102 และจัดว่าเป็นหนึ่งในรายการที่เก่าแก่ที่สุดในโลก

เส้นทาง

ถามว่าความท้าทายของ RVV คืออะไร? มันอาจจะไม่ได้มีภาพน่าทึ่ง ชวนตกใจเหมือนถนนหินเขย่าลำไส้ใน Paris-Roubaix เทียบกับ Roubaix ที่เป็นทางราบทั้งหมดแล้ว RVV โดดเด่นด้วยเนินชันขนาดสั้นจำนวน 17 ลูก และเนินหลายๆ จุดลาดปูด้วยถนนหิน เมื่อรวมกับะระยะทางกว่า 270 กิโลเมตรแล้ว RVV เป็นหนึ่งในรายการที่ยากที่สุดตลอดในปฏิทินการแข่ง

 

ใครมีโอกาสได้แชมป์?

1. Deceuninck-Quickstep

โอกาสชนะ: 10/10

ทีมที่ประสบความสำเร็จที่สุดในฤดูกาลนี้ โดยเฉพาะในสนามคลาสสิค Quickstep เป็นทีมเดียวที่มีนักปั่นหลายคนที่มีฟอร์มดีพอจะชนะรายการนี้ได้ โดยเฉพาะชเน็ค สตีบาร์ และบ็อบ ยุงเกลส์ที่ต่างมีผลงานชัยชนะรายการคลาสสิคแล้วในฤดูกาลนี้

Quickstep เป็นทีมที่อ่านไม่ยากครับ ถ้าวัดฟอร์มกันตัวต่อตัวแล้วไม่มีนักปั่นคนไหนในทีมนี้ที่ดูแข็งแกร่งกว่าเอซจากทีมอื่นๆ นักปั่นอย่างแวน เอเวอร์มาร์ทและซากานกลับดูเร็วและแรงกว่าด้วยซ้ำ แต่เพราะ Quickstep เป็นทีมเดียวที่มีตัวเต็งหลายคน ทำให้ใช้ประโยชน์จากทีมเวิร์กได้ดีกว่าทีมอื่นๆ นักปั่นทีมนี้ชงเกม หลอกล่อคู่ต่อสู้ และปิดเกมแทนกันได้ในแบบที่ทีมอื่นทำได้แค่อิจฉาตาปริบๆ ต่อให้ซากานหรือ GVA จะแข็งแกร่งแค่ไหน ถ้าโดนรุมก็ยากที่จะเอาชนะ

ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น? ต้องเข้าใจว่า Quickstep คือทีมที่ให้ความสำคัญกับการแข่งรายการคลาสสิคมากกว่ารายการอื่นๆ งบทำทีมเกือบทั้งหมดจึงทุ่มมาลงที่นักปั่นสายคลาสสิคและสปรินเตอร์มากกว่านักไต่เขาที่มีโอกาสชนะสเตจเรซและแกรนด์ทัวร์ (เอซ​ GC คนเดียวของทีมแทบไม่มีผู้ช่วยเลยด้วยซ้ำ) จะบอกว่าพวกเขาคือทีม Sky ของรายการคลาสสิคก็ไม่ไกลจากความเป็นจริงนัก

แผนของ Quickstep คงเดาไม่ยาก เรารู้ว่าจุดแข็งของยุงเกลส์คือการหนีเดี่ยว เพราะเขาสปรินต์ไม่ดี ส่วนสตีบาร์เป็นตัวปิดเกม ห้อยท้ายในกลุ่มเบรก ถ้ายุงเกลส์หนีได้ แล้วสตีบาร์ห้อยตามกลุ่มไล่ได้ Quickstep ก็ประหยัดแรงสตีบาร์ได้สบายๆ จนถึงหน้าเส้นชัย (เหมือนใน E3) ถ้าคู่แข่งไม่ไล่ ยุงเกลส์ก็ชนะ ถ้าไล่สตีบาร์ก็ได้เปรียบตอนสปรินต์

แต่แผนนี้ก็มีจุดอ่อน นั่นคือ Quickstep ต้องทันเกม ต้องอยู่ในเบรกอเวย์สำคัญทุกครั้ง ถ้าหลุดเบรกอเวย์เหมือนใน Gent-Wevelgem ทีมจะเสียเปรียบทันทีเพราะจะโดนเปโลตองบังคับให้ลาก เพื่อจับกลุ่มเบรกอเวย์นั่นเอง สุดท้ายก็หมดแรงสู้ตัวเต็งคนอื่นไม่ได้

 

2. ปีเตอร์ ซากาน (Bora-Hansgrohe)

โอกาสชนะ: 9/10

สำหรับซากาน เรารู้ว่าปีนี้เขาเลือกที่จะไม่ท็อปฟอร์มในช่วงเริ่มฤดูกาลคลาสสิค เพราะเขาอยากได้แชมป์ Liege-Bastogne-Liege ที่แข่งหลัง Roubaix 1 สัปดาห์ ถ้าเร่งพีคฟอร์ม เขาก็จะไปแผ่วใน Liege

ปกติแล้วซากานไม่เหมาะกับสนาม Liege (ที่ elevation gain เกือบๆ 4,000 เมตร) แต่เพราะผู้จัดเปลี่ยนเส้นทางช่วงท้ายให้ไม่เป็นเนินชัน ซากานเลยอยากจะลองเอาแชมป์ปีนี้นั่นเอง

สนามที่ผ่านๆ มาซากานดูเงียบๆ แต่ก็อยู่ในตำแหน่งที่ดีตลอด และชัดเจนว่าฟอร์มดีขึ้นเรื่อยๆ ถามว่าเขามีลุ้นมั้ย ก็แน่นอนว่ามีอยู่แล้ว ไม่งั้นคงไม่เป็นแชมป์โลกสามสมัยครับ

 

3. เวาท์ แวน อาร์ท (Jumbo-Visma)

โอกาสชนะ: 8/10

หนึ่งในนักปั่นที่ผลงานดีที่สุด (ที่ไม่ได้แชมป์) ในซีซันนี้ การย้ายงานจากสนาม Cyclocross มา Road Race ของแวน อาร์ทเป็นอะไรที่ช็อควงการทีเดียว กับโพเดี้ยมคลาสสิคหลายสนาม ปั่นได้ดุดันจนตัวรุ่นพี่ตัวเต็งทีมอื่นยังต้องอาย

นอกจากตัวแวน อาร์ทเองแล้ว อีกสิ่งที่คนไม่สังเกตก็คือทีม Jumbo-Visma เองแข่งได้ดีมากๆ ครับ มีตัวช่วยหัวหน้าทีมในหลายๆ จังหวะใกล้เคียงกับทีม Quickstep เลย อย่างใน Gent-Wevelgem ทีมของแวนอาร์ทมีตัวหนีในเบรกอเวย์ และมีผู้ช่วยเหลือเยอะที่สุดในช่วงสุดท้าย

ผมว่าแวน อาร์ทเองอาจจะยังไม่คมพอจะชนะรายการอย่าง RVV แต่ถ้าดูด้านกายภาพอย่างเดียว เขาแข็งแกร่งพอจะจบเกมกับกลุ่มหน้าได้แน่นอน โชคและการตัดสินใจของเขา จะเป็นตัวบอกว่าเขาจะได้เหยียบยอดโพเดี้ยมหรือเปล่า

 

4. เกร็ก แวน เอเวอร์มาร์ท (CCC)

โอกาสชนะ: 9/10

GVA เป็นนักแข่งที่ดู “เดือดร้อน” ที่สุดในซีซันนี้

มันเหมือนเป็นซิกเนเจอร์สไตล์การแข่งของเขานะครับ เขาแข็งแกร่ง อยู่ในเบรกสำคัญแทบทุกครั้ง แต่มักจะ “ไม่ง้อ” และ “ใจดี” คือยอมทำงานหนักในกลุ่มตลอดจนพลาดโอกาสปิดเกม พูดง่ายๆ คือปั่นแบบแมนๆ นั่นหละครับ ไล่จับคู่แข่งเอง ลากเอง ยิงเอง ขี่แบบพระเอกตลอด ทั้งใน Omloop และ E3 ที่เขาดูเร็วและแรงกว่าคนอื่น แต่แพ้ทางทีม Quickstep ไป

ในสนาม RVV นี่จะเป็นรายการที่เขา “เดือดร้อน” ยิ่งกว่าคนอื่นๆ เพราะมันคือรายการที่เขาฝันอยากชนะมากที่สุด แต่ยังไม่เคยชนะ มันคือรายการในบ้านเกิดของเขา (เบลเยียม) เขาติดโพเดี้ยมและ Top 10 มานับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ยังไม่เคยได้ถ้วย ซึ่งความร้อนรนอยากชนะนี้เองที่อาจจะเป็นจุดอ่อนให้ทีมอื่นเอาเปรียบ GVA ทุกคนรู้ว่าเขาอยากชนะ เพราะงั้น GVA คงไม่ตีถ่วงในกลุ่มหนีที่เขาอยู่ด้วยแน่นอน และเขาก็จะเหนื่อยกว่าคนอื่นตามระเบียบ

ถ้าจะชนะ เขามีแค่สองทางคือแกร่งกว่าคนอื่นแบบเกินหน้าเกินตาจริงๆ หรือปั่นอย่างชาญฉลาดมากกว่าในสนามที่ผ่านๆ มา

 

5. โอลิเวอร์ เนเซ็น (AG2R)

โอกาสชนะ: 7/10

ปีนี้เนเซ็นมาแรงมาก โพเดี้ยมทั้งใน Milan-Sanremo และ Gent-Wevelgem และเหมือนค้นพบท่าไม้ตายใหม่ของตัวเอง คือเป็นนักปั่นคลาสสิคที่สปรินต์ดีมาก! อย่างไรก็ดี ตอนนี้เขาป่วยครับ เพราะงั้นถ้าฟื้นไม่ทันอาจจะมีแผ่วไปบ้าง

ถ้าเขาหนีรอดไปกับกลุ่มเบรกขนาดเล็กแล้วต้องวัดดวงกันหน้าเส้น เราก็รู้แล้วว่าจริงๆ เขาสปรินต์ได้ดีกว่าคู่แข่งหลายๆ คน!

 

6. แมธธิว แวน เดอ โพล (Corendon-Circus)

โอกาสชนะ: ???/10!?

Credit: Bettini Photo / Bora-Hansgrohe

ถึงจะเดบิวต์สนาม Road Race หลังแวน อาร์ท แต่ก็ชัดเจนว่ามันไม่ได้ทำให้เขาเสียเปรียบเลย ปั่นกลุ่มได้มั่นใจ โจมตีรุนแรง สปรินต์ดี ไหวพริบชาญฉลาด เป็นสิ่งที่เขาแสดงออกมาในสองรายการคลาสสิคที่ลงแข่งปีนี้ (ที่ 4 ใน Gent-Wevelgem และแชมป์ Dwars door Vlaanderen) แมธธิวก็เป็นอีกคนที่ทำให้รุ่นพี่ตัวเต็งต้องอายในความสามารถ แม้แต่นักปั่นอย่างซากานที่เราเรียกว่าอัจฉริยะก็ยังไม่มีผลงานเท่าแมธธิวตอนที่เขาอายุเท่ากัน

แวน เดอ โพลมากับทีมดิวิชันสองซึ่งอาจจะเสียเปรียบทีมใหญ่อยู่บ้าง แต่เขามีสไตน์ ดีโวลเดอร์ อดีตแชมป์ RVV สองสมัยเป็นผู้ช่วย!

ผมว่าเขามีโอกาสชนะได้ แต่ประสบการณ์ก็เป็นปัจจัยสำคัญในรายการคลาสสิค ถ้าจะมีปัจจัยที่ทำให้เขาแพ้ก็คงเป็นเรื่อง race experience มากกว่า raw talent ครับ แต่ถ้าจะมีเด็กใหม่ที่ชนะ RVV ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาลงแข่งก็ต้องเป็นแมธธิวนี่หละ!

 

7. อเล็กซานเดอร์ คริสตอฟ (UAE)

โอกาสชนะ: 7.5/10

Photo Luca Bettini/BettiniPhoto©2018

คริสตอฟเป็นอีกคนที่อาวุธเยอะ อย่าลืมว่าเขาเคยเป็นแชมป์รายการนี้ในปี 2014 เขาขึ้นเนินได้ไว (ถึงจะดูอ้วนเป็นสายหมี) และสำคัญสุดคือเป็นคนที่สปรินต์ได้เร็วและยาวที่สุดในการแข่งที่ระยะทางไกลและหนักมากๆ อย่าง San Remo และ Flanders

ทีม UAE เองไม่ใช่สายคลาสสิคเสียทีเดียว คริสตอฟจะเสียเปรียบในเกมเบรกอเวย์ที่เขาเร่งได้ไม่ไว หรือแรงเท่าคู่แข่งอย่าง Quickstep ถ้าคริสตอฟพลาดเบรกอเวย์ช่วงท้ายๆ ก็อาจจะยากที่จะไล่รวบกลับมาให้ทันครับ

 

8. Trek-Segafredo

โอกาสชนะ: 6/10

เป็นทีมที่มีหัวหน้าหลายคนคล้ายๆ Quickstep ซึ่งตอนนี้ก็ดูจะฟอร์มดีเท่าๆ กันนั่นคือ จอห์น เดเกนโคลบ์, แมดส์ พีเดอร์เซ็น และแยสเปอร์ สตอยเว็น แต่ละคนมีจุดแข็งต่างกัน เดเกนโคลบ์ สปรินต์ดีที่สุด (ที่สองใน Gent-Wevelgem) พีเดอร์เซ็น (ที่ 2 ใน RVV ปี 2018!) เล่นเกมเบรกดี และสตอยเว็นถนัดการหนีเดี่ยวคล้ายๆ ยุงเกลส์

ปัญหาของทีมคือยังจูนเรื่องทีมเวิร์กไม่ดีเท่าไร ไม่เป๊ะเหมือน Quickstep ทำให้ตัวเต็งแต่ละคนโชว์ศักยภาพได้ไม่เต็มที่ในสนามแข่ง

ผมว่าทีมนี้คงไม่ชนะ เดเกนโคลบ์ในช่วงที่เขาฟอร์มดีที่สุดไม่เคยทำผลงานได้ดีในรายการนี้เลย ตอนนี้ที่ฟอร์มไม่ดีเท่าสมัยที่เบิ้ลแชมป์ San Remo + Roubaix ก็คงฝากความหวังไว้ได้ยาก ถ้า Trek ยังแก้เกมที่ชอบหลุดกลุ่มเบรกอเวย์สำคัญไม่ได้ก็หวังยากเหมือนกันครับ

คนที่น่าลุ้นกลับเป็นพีเดอร์เซ็นและสตอยเว็นมากกว่า

 

คนอื่นๆ

  • ทีช เบนูท (Lotto-Soudal): โจมตีหนัก เข้ากลุ่มเบรกได้ดี แต่ปิดเกมไม่ได้ นอกจากจะหนีเดี่ยวเหมือนใน Strade Bianche เมื่อสองปีก่อน 5/10
  • ลุค โรว์ และจีอันนี มอสคอน (Sky): โรว์เหมือนจะฟอร์มดีใน E3 และ Gent แต่ก็ทำได้แค่พยายามเบรกอเวย์มาแปะกลุ่มนำ ซึ่งนอกจากจะเปลืองแรงแล้วยังสะท้อนว่าทีม Sky ไม่ทันเกมเลยในรายการคลาสสิค พลาดจังหวะสำคัญๆ ทุกครั้ง เอาจริงๆ ทีมมีตัวเล่นดีๆ หลายคนนะ อย่างโอเวน โดลล์ และดีแลน แวนบาร์ล แต่ยังขาดๆ เกินครับ (4/10)
  • อัลเบอร์โต เบททิออลและเซบาสเตียน แลงเกเวลด์ (EF Education First): เบททิออลฟอร์มดีมาก อยู่กลุ่มเบรกสุดท้ายได้เกือบทุกสนามที่ลงแข่ง แต่สปรินต์ปิดเกมไม่ได้ และเหมือนจะไม่แข็งพอที่จะหนีเดี่ยวอย่างยุงเกลส์ เป็นทีมที่น่าจับตามองครับ (7/10)
  • นิกี้ เทิร์ปสตร้า (Direct-Energie): เมื่อออกจากฝูงมาป่ามาเป็นหมาป่าเดียวดาย เขี้ยวเล็บมันก็จะไม่คมคายเหมือนที่ผ่านมา เหตุผลที่เทิร์ปสตร้า (และคนอื่นๆ ในทีม Quickstep) ชนะไม่ใช่เพราะนักแข่งแต่ละคนแข็งแกร่งเกินกว่าคู่แข่ง แต่เพราะทีมเวิร์กและความเสียสละที่ยอมให้เพื่อนร่วมทีมชนะแทนกันได้ เพราะงั้นเมื่อเทิร์ปสตร้าออกมาโชว์เดี่ยวแบบนี้ก็เสียจุดแข็งที่เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้เขาชนะไป แต่ด้วยฐานะแชมป์เก่าก็เป็นคนที่จะประมาทไม่ได้ครับ (7/10)
  • แมทเทโอ เทรนติน (Mitchelton-Scott): ปัญหาเดียวกับคริสตอฟและเดเกนโคลบ์ คือเป็นสปรินเตอร์ที่มาเล่นเกมคลาสสิค โอกาสชนะมาจากการสปรินต์จากกลุ่มมากกว่าหนีเดี่ยว และทีม MTS เองไม่มีตัวคลาสสิคช่วยเท่าไร (6/10)

 

ไฮไลท์ปี 2018 / 2017

By เทียนไท สังขพันธานนท์

คูน คือผู้ก่อตั้งดั๊กกิ้งไทเกอร์ และอยากใช้เว็บไซต์นี้ช่วยให้คนไทยอยากขี่จักรยานกันเยอะๆ!

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *