ข่าวย้ายค่ายนักปั่นก็ยังมีออกมาเรื่อยๆ วันนี้มาดูสรุปกันรอบที่สองกับการย้ายทีมของนักปั่นชื่อดังหลายคนและดูกันว่ามันจะมีผลกับพลวัตรของแต่ละทีมในฤดูกาล 2017 ยังไงบ้างครับ
1. จิลแบร์ (BMC) ไป Etixx-Quickstep (Cyclingnews)
คู่นี้เรียกว่า Match made in heaven เลยก็ว่าได้ เชื่อว่าหลายคนคงอยากเห็นนักปั่นสายดุอย่างจิลแบร์เข้ามาอยู่กับทีมตัวเต็งรายการคลาสสิคจริงๆ อย่าง Etixx-Quickstep ครับ และน่าจะมาอุดรอยรั่วในรายการอาร์เดนส์คลาสสิคได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม จิลแบร์เข้ามาอยู่ในทีมที่ stacked มากๆ มีเอซหลายคน แต่ยังเวิร์กกันไม่ค่อยดี มาสองปีแล้ว ในสนามอาร์เดนส์ Etixx มีตัวเต็งอย่างจูเลียน อลาฟิลลิป ที่ติดโพเดี้ยมหลายสนามแล้ว ถ้าจะลงสนามถนนหิน ก็ต้องแบ่งงานกับ โบเน็น (ต่อสัญญาอีกหนึ่งปี), สตีบาร์, เทิร์ปสตร้า…
ส่วน BMC ก็สบายไป เพราะแวน เอเวอร์มาร์ทคงไม่ต้องแย่งงานกับจิลแบร์อีกต่อไป
2. แฟรงก์ ชเล็ค และไรเดอร์ เฮซเชดาล (Trek-Segafredo) รีไทร์สิ้นฤดูกาลนี้
อำลาวงการไปอีกหนึ่งคนสำหรับนักไต่เขาระดับอดีตโพเดี้ยมตูร์เดอฟรองซ์วัย 36 ปี ที่ช่วงหลังไม่ค่อยจะรุ่งเท่าไร ชเล็คคนพี่ประกาศลาวงการแล้ว หลังจากแข่งมาตั้งแต่ปี 2003 และมีผลงานอย่างแชมป์ Amstel Gold, Tour de Suisse, Criterium International และที่ 3 ตูร์ในปี 2011 เจ้าตัวก็ให้เหตุผลว่า อยากจะอำลาวงการตอนที่ยังฟิตอยู่และอยากจะมีเวลาให้ครอบครัวมากกว่านี้
ผลงานล่าสุดของแฟรงก์คือแชมป์สเตจ Vuelta ปี 2015
ไรเดอร์ เฮซเชดาล อดีตแชมป์ Giro ปี 2012 จากทีมเดียวกันก็ประกาศอำลาวงการหลังจบฤดูกาลนี้เช่นกัน
3. นิบาลิคอนเฟิร์มย้ายเข้าทีม Bahrain-Merida (Cyclingweekly)
ข่าวที่ไม่ค่อยจะเป็นข่าวเท่าไร เพราะทุกคนคงรู้กันอยู่แล้วครับ วินเชนโซ นิบาลี คอนเฟิร์มย้ายเข้าทีม Bahrain-Merida ทีมใหม่ที่สปอนเซอร์โดยเจ้าชายนาสเซอร์ บิน ฮาหมัดจากบาห์เรน และมี Merida เข้ามาเป็นสปอนเซอร์ร่วม
จะเป็นทีมที่สร้างขึ้นมาเพื่อช่วยนิบาลีไล่เก็บแต้มในแกรนด์ทัวร์โดยเฉพาะ อย่าลืมว่านิบาลิเป็นนักปั่นคนที่สองในเปโลตอง (รองจากคอนทาดอร์) ที่ได้แชมป์แกรนด์ทัวร์ทั้งสามรายการ และปีนี้เขาก็เพิ่งได้แชมป์ Giro เป็นครั้งที่สองด้วย คาดว่าทีมคงเตรียมว่าจ้างนักไต่เขาอีกหลายๆ คนเข้ามาช่วยนิบาลีเร็วๆ นี้ ไม่ต้องแย่งหน้าที่แกรนด์ทัวร์กับเด็กใหม่อย่างฟาบิโอ้ อารูเหมือนสมัยที่อยู่กับ Astana อีกต่อไป
4. จอห์น เดเกนโคลบ์ (Giant-Alpecin) ไป Trek-Segafredo (Cyclingnews)
อีกหนึ่งคนที่ลือมานานว่าย้ายแน่ๆ และก็คอนเฟิร์มแล้วตามคาด เดเกนโคลบ์จะเข้าไปแทนที่เฟเบียน แคนเชอลาราในฐานะเอซสนามคลาสสิคของทีม ซึ่งมาแบบแพ็คคู่กับโคเอ็น เดอ คอร์ท ผู้ช่วยคนสำคัญของเดเกนโคลบ์ โค้ชของทีมก็เชื่อว่าเดเกนโคลบ์น่าจะกลับมาคืนฟอร์มโหดเหมือนที่เขาคว้าแชมป์ Milan-San Remo และ Paris-Roubaix ในปีเดียวกัน (2014) ได้อีกครั้ง
เมื่อรวมกับข่าวการเข้ามาของอัลเบอร์โต้ คอนทาดอร์แล้ว Trek ก็น่าจะเป็นทีมที่แกร่งมากในทุกสภาพสนามครับ ไม่ว่าจะเป็นรายการคลาสสิค (เดเกนโคลบ์, เธิร์นส์, สตอยเว็น) และรายการแกรนด์ทัวร์/ สเตจเรซ (คอนทาดอร์, โมเล็มม่า) สเตจทางราบ (นิซโซโล่)
คำถามคือ Trek จะยำรวมเอากัปตันหลายๆ คนให้ทำงานร่วมกันได้อย่างไร? หรือจะเจอปัญหาเดียวกับ BMC ที่มีเอซหลายคนแต่ไม่ช่วยกันทำงาน
5. ไมเคิล แมธธิวส์ (Orica-GreenEdge) ไป Giant-Alpecin (Cyclingweekly)
Giant ส่งเดเกนโคลบ์ไป Trek-Segafredo ก็ได้ไมเคิล แมธธิวส์ เอซสปรินเตอร์และตัวเต็งสนามอาร์เดนส์คลาสสิคมาแทน และเป็นการเซ็นสัญญายาวนาน 3 ปีเสียด้วย ก็ถือว่าเป็น trade-off ที่ไม่แย่ครับ แมธธิวส์เคยได้แชมป์สเตจจากทั้งสามแกรนด์ทัวร์มาแล้ว และติดโพเดี้ยมสนามระดับ Milan-San Remo และ Amstel Gold รวมๆ แล้วไม่เลว Giant เสียตัวเต็งรายการคลาสสิค Cobble ไปแต่ได้นักปั่นที่น่าจะรอบด้านกว่ากลับมา (เดเกนโคลบ์ไม่ค่อยชนะอะไรเท่าไร)
6. Orica-GreenEdge ต่อสัญญาพี่น้องเยทส์
ปีหน้าน่าจะเป็นปีที่ดีสำหรับรายการสเตจเรซและแกรนด์ทัวร์ของ Orica-GreenEdge เป็นอีกทีมที่เปลี่ยนโฉมจากทีมรวมสปรินเตอร์มาเป็นทีมแกรนด์ทัวร์จริงๆ จังๆ สักทีครับ เมื่อทีมต่อสัญญาให้พี่น้องฝาแฝดจากอังกฤษ อดัมและไซมอน เยทส์ ที่ผลงานโดดเด่นมากในตูร์เดอฟรองซ์ปีนี้ เมื่อรวมกับนักไต่เขาตัวจี๊ดอย่างเอสเตบาน ชาเวซ ก็น่าจะจับลงหวังผลงานแกรนด์ทัวร์ได้ตลอดทั้งปี