เป็นประเด็นใหญ่ประจำวันเมื่อปีเตอร์ ซากาน แชมป์โลก 2 สมัยจากทีม Bora-Hansgrohe ถูกเชิญออกจากการแข่งขัน จากเหตุการณ์อุบัติเหตุหน้าเส้นชัยในสเตจ 4 Tour de France วันนี้ ซึ่งทางคณะกรรมการ UCI ให้เหตุผลว่าซากานทำให้นักปั่นคนอื่นๆ ได้รับอันตราย
ก่อนจะเข้าสู่บทวิเคราะห์เรามาดูลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้กันครับ
1. คำตัดสินของคณะกรรมการ UCI
หลังจากคาเวนดิชล้มและนักปั่นทยอยเข้าเส้นชัยได้ไม่นาน คณะกรรมการ UCI มีคำตัดสินแรกให้ลงโทษซากานด้วยการตัดเวลารวม 30 วินาที, ตัดคะแนนเจ้าความเร็ว 80 คะแนนจากการที่เขาเบี่ยงไลน์สปรินต์จนทำให้นักปั่นคนอื่นได้รับบาดเจ็บ
Le jury des commissaires a pris la décision de mettre Peter Sagan hors course / Commissaires' panel decided to exclude Peter Sagan. pic.twitter.com/4zaAXhIANT
— Tour de France™ (@LeTour) July 4, 2017
ฟิลลิป มาเรียน ประธานคณะกรรมการ UCI กล่าว:
“เรามีมติให้ซากานออกจาการแข่งขัน Tour de France 2017 ด้วยที่ว่าเขาทำให้นักปั่นคนอื่นๆ ได้รับบาดเจ็บในการสปรินต์สุดท้ายของวันนี้”
“เราคิดว่าการกระทำของซากานเป็นการละเมิดกฏที่รุนแรงมาก เรายืนยันว่าการตัดสินของเราถูกต้องและชอบธรรม”
มาเรียนยกกฏข้อ 12.104 ของ UCI ที่อนุญาตให้คณะกรรมการสามารถเชิญนักปั่นออกจากการแข่งขันได้ถ้า “ถ้ากรณีที่เกิดขึ้นรุนแรง” โดยไม่ต้องรอกระทำผิดครั้งที่สองและปรับเงินได้ ซากานออกจากการแข่งขันพร้อมโดนปรับเป็นเงิน 200 สวิสฟรังก์
This is the regulation Sagan is getting a DSQ under #TDF2017 pic.twitter.com/vYCpOdX3ue
— Daniel Ostanek (@LVCKV) July 4, 2017
การเบียด หรือเกี่ยวล้มในจังหวะสปรินต์เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยในการแข่งขันที่มีเดิมพันสูง แต่ปีนี้ UCI เตือนทีมที่ร่วมลงแข่งขัน Tour de France เป็นพิเศษ และพยายามเพิ่มกฏที่จะช่วยให้การแข่งขันปลอดภัยมากขึ้น เช่นการเพิ่มระยะห่างหน้าเส้นชัยเป็น 3 วินาที นั่นคือนักปั่นสามารถเข้าเส้นชัยห่างกันได้ 3 วินาที (จากเดิม 1 วินาที) แต่ก็จะยังได้เวลารวมเท่ากัน ซึ่งจะช่วยลดอาการเบียดเสียดกันเข้าเส้นชัยพร้อมๆ กันซึ่งเกิดขึ้นบ่อยเพราะกลุ่มตัวเต็งไม่อยากเสียเวลาให้คู่แข่ง
สำหรับปีนี้มาเรียนกล่าวว่า
“ปีนี้เราจะจับตามองทีมสปรินเตอร์เป็นพิเศษในทุกๆ การสปรินต์ และกำชับก่อนแข่งว่าอย่าสปรินต์ในลักษณะที่จะก่อให้เกิดอันตราย บทลงโทษจะหนักกว่าทุกปี”
“มันไม่ใช่การตัดสินใจง่ายๆ ครับ แต่มันเป็นช่วงสัปดาห์แรกของตูร์และเราต้องสร้างบรรทัดฐานให้ชัดเจน มันไม่ใช่ตัวตนของซากาน แต่มันเป็นการกระทำของเขาที่เราพิจารณา”
“โดยธรรมชาติของการสปรินต์เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ แต่ในเคสนี้เรามองว่าเขา (ซากาน) กระทำโดยเจตนา ดูคล้ายกับการโจมตีคู่แข่ง มันไม่เกี่ยวกับซากานหรือคาเวนดิช กรณีแบบนี้จะเกิดกับใครก็ได้ ชื่อเสียงนักปั่นไม่ใช่ประเด็น แต่เราเห็นว่าสิ่งที่นักปั่นคนอื่นๆ ทำในการสปรินต์วันนี้ไม่ร้ายแรงเท่าที่เกิดขึ้นระหว่างซากานและคาเวนดิช”
การตัดสินของคณะกรรมการ UCI ไม่ได้มาจากมาเรียนเพียงคนเดียว แต่เป็นการตัดสินร่วมของ Race Commissaires ที่อยู่ในการแข่งขันหลายคน
2. Bora-Hansgrohe ประท้วงผลการตัดสิน
จากนั้นไม่นานหลังจากที่ทีม Bora คอนเฟิร์มว่าคาเวนดิชออกจากการแข่งขันแล้ว จากที่กระดูกไหปลาร้าร้าว ทีม Bora ออก press release ยื่นประท้วงการตัดสินของคณะกรรมการ UCI ซึ่งอ่านได้จากลิงก์นี้
“แชมป์โลกจักรยานถนน ปีเตอร์ ซากานถูกเชิญให้ออกจากการแข่งขันตามกฏข้อ 12.1.040 / 10.2.2 (irregular sprint) แต่ทีมเราไม่เห็นด้วยกับการตัดสินของกรรมการและขอประท้วงผลการตัดสินอย่างเป็นทางการ”
“ปีเตอร์ ซากานปฏิเสธว่าไม่ได้ทำให้เกิดอุบัติเหตุ และไม่ได้มีเจตนาใดๆ ที่จะทำให้มาร์ค คาเวนดิชบาดเจ็บในช่วงสองร้อยเมตรสุดท้ายของสเตจ ปีเตอร์ไม่ได้เบี่ยงไลน์สปรินต์ของตัวเอง และมองไม่เห็นคาเวนดิชที่พุ่งมาจากทางขวา”
“ทีม Bora ขอยื่นให้คณะกรรมการแก้ไขผลการแข่งขันของปีเตอร์ ซากาน และผลการตัดสินในสเตจ 4”
อย่างไรก็ดีการประท้วงของทีม Bora อาจจะไม่เป็นผลครับ เพราะในกฏของ UCI เมื่อคณะกรรมการมีมติตัดสินใดๆ แล้วไม่สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ ตามกฏข้อ 12.2.007 ซึ่งกล่าวว่า “การตัดสินใดๆ จากคณะกรรมการการแข่งขัน (race commissaires) ถือเป็นเด็ดขาด สิ้นสุด และไม่สามารถยื่นอุทธรณ์ได้”
DT: การตัดสินรุนแรงไปหรือเปล่า?
ส่วนนี้จะเป็นบทวิเคราะห์ของ Ducking Tiger และเป็นความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ ผมมองว่าคำตัดสินของ UCI ไม่เป็นธรรมต่อซากานเท่าไร
ประการแรก ผมมองว่ามันบอกไม่ได้ชัดเจนว่าใครเป็นคนผิด หรือกระทั่งที่ว่ามีคนผิดหรือเปล่าเพราะหากเรามองภาพจากวิดีโอไฮไลท์หลายๆ มุมก็จะเห็นว่าซากานไม่ได้ชักศอกไปฟาดคาเวนดิช ซึ่งดูจะเป็นพื้นฐานคำตัดสินของ UCI ว่าแชมป์โลกมีเจตนาโจมตีคู่แข่ง (เขาใช้คำว่า hit the other rider) ซึ่งคณะกรรมการก็ยกระดับคำตัดสินจากโทษปกติที่เกิดจากการทำให้คนอื่นล้มหรือบาดเจ็บ (เช่นตัดเวลา หักคะแนน) กระเถิบไปเป็นไล่ออกจากสนามแข่ง
ประการที่สอง จังหวะเกิดเหตุนี่มองได้จากกล้องสองมุม เรามีภาพจากกล้องที่ถ่ายจากหน้าเส้นชัย มองจังหวะที่นักปั่นกำลังสปรินต์เข้าหากล้อง และกล้องที่สองจากเฮลิคอปเตอร์ที่มองจากมุมบน ภาพจากมุมบนดูเหมือนจังหวะที่ซากานกางศอกออกจะกระทบกับคาเวนดิชพอดี แต่จุดที่นักปั่นปะทะกันครั้งแรกคือใต้ต้นไม้ซึ่งเรามองไม่เห็นภาพชัดเท่าไรว่าเกิดอะไรขึ้นครับ
กล้องแรก
กล้องสอง
ทีนี้ถ้ามองภาพสโลว์จากมุมด้านหน้า – และต้องขอบคุณหลายๆ คอมเมนต์ในเพจ Ducking Tiger ที่ช่วยแคปหน้าจอมาให้ดูกันแบบช็อตต่อช็อต เราจะเห็นว่าคาเวนดิชปะทะตัวซากาน และเริ่มเซจนน่าจะล้มแน่ๆ จากการมุดแหวกช่องก่อนที่ซากานจะตั้งศอกขึ้น
เราก็ไม่มีทางรู้ว่าตั้งขึ้นเพื่ออะไร อาจจะเป็นปฏิกิริยาที่ตั้งศอกเพื่อบาลานซ์ตัวเองที่ความเร็วสปรินต์ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือเพื่อกันไม่ให้คนข้างหลังขึ้นมา (ในคำพูดของซากาน เขาบอกว่าไม่มีเจตนาโจมตีคาเวนดิช) มันเป็นปฏิกิริยายังไง ลองจินตนาการจังหวะที่คุณกำลังสปรินต์ครับ ถ้ามีอะไรมากระแทกด้านข้างลำตัวจากด้านหลังเราจะทำยังไง ศอกมันต้องตั้งขึ้นมาก่อน เพื่อเป็นการรักษาสมดุล ถ้าดูมุมหน้าช้าๆ จะเห็นว่าซากานก็เบี่ยงมาทางซ้ายหลังจากคาเวนดิชมุดมาปะทะ นั่นคือเขาเสียสมดุลและกำลังจะล้มเหมือนกันเลย อาจจะต้องตั้งศอกเพื่อทรงตัว?
เช่นนั้นแล้วเคสนี้ไม่น่าจะเกี่ยวกับศอกของซากาน ถ้าคาเวนดิชกระทบลำตัวของซากานก่อนจริง อย่างไรก็ดีซากานก็มีความผิดเรื่องการเบี่ยงไลน์สปรินต์ครับ ถ้าดูภาพมุมสูงจะเห็นว่าซากานเบี่ยงจากกลางถนนไปทางขวาจนสุดขอบถนนเพื่อตามล้อเดอมาร์ซึ่งคาเวนดิชนั้นตามล้อของเดอมาร์อยู่ก่อนแล้ว จนไม่มีพื้นที่ให้คาเวนดิชไปต่อ
จะบอกว่าการสปรินต์นี้ “ผิด” ทั้งกลุ่มก็ว่าได้ ถ้าสังเกตตั้งแต่เริ่มสปรินต์ มันเริ่มจากที่ไกรเปิลออกจากล้อลีดเอาท์ของตัวเอง เบี่ยงไปตามล้อของคริสทอฟจนไปเบียดไลน์ของบูฮานี (บูฮานีและคริสทอฟเป็นสองคนที่สปรินต์ตรงที่สุดในสเตจเมื่อวานนี้) ไกรเปิลเซจนเกือบจะกระแทกบูฮานีล้ม แต่บูฮานีประคองรถอยู่ ซากานเองตามล้อบูฮานีอยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนใจไปตามล้อเดอมาร์ ซึ่งคาเวนดิชตามก่อนอยู่แล้ว แล้วเดอมาร์เองก็ขึ้นตามล้อคริสทอฟ โดยที่ปาดหน้าบูฮานีมาทางซ้ายด้วย (ซึ่งที่บูฮานีไม่ล้มนี่ถือว่าสกิลดีและเป็นปาฏิหารย์ประจำวันก็ว่าได้) ปกติแล้วกรรมการจะบังคับใช้กฏเรื่องการเปลี่ยนไลน์สปรินต์ไม่บ่อย เพราะทุกการสปรินต์ต้องมีดีกรีของความมั่วอลหม่านอยู่แล้วตามธรรมชาติ ผมว่าถ้าบูฮานีล้มอีกคนเคสคงไม่จบแบบนี้
โดยรวมแล้วศอกซากานขึ้นมาใกล้เคียงกับเวลาที่คาเวนดิชเริ่มล้มพอดี และดูเหมือนว่าศอกจะไม่กระทบคาเวนดิช แต่จะกระทบหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็นเพราะคำตัดสินของกรรมการกล่าวว่าเป็นเจตนาทำร้ายและสมควรได้รับโทษสูงสุด
ทีนี้คำตัดสินที่ว่าสิ่งที่ซากานกระทำนั้นเป็น “กรณีร้ายแรง” สมเหตุสมผลหรือเปล่า? ปกติการเบี่ยงไลน์สปรินต์นั้นเป็นความผิดอยู่แล้ว ซึ่ง DT คิดว่าการตัดสินแรกของ UCI เหมาะสม (ปรับให้เข้าเส้นชัยเป็นคนสุดท้าย, ตัดคะแนนรวม 80 คะแนน และปรับเพิ่มอันดับเวลารวม 30 วินาที) แต่คำตัดสินของ UCI นั้นมาจาก “เจตนา” ซึ่งขาดความชัดเจน และภาพในวิดีโอก็บอกเรื่องราวอีกแบบครับ
ทั้งนี้ทั้งนั้น มันก็เป็นแค่บทวิเคราะห์และความเห็นของเรา คำตัดสินกรรมการถือเป็นเด็ดขาดและสิ้นสุด และซากานก็คงไม่ได้กลับเข้าแข่ง (ไม่ได้สำคัญว่าเป็นซากานหรือเปล่า ถ้าเป็นคนอื่นผมก็ยังคิดเหมือนที่อธิบายไปข้างต้นอยู่ดี) การแข่งขันยังต้องดำเนินต่อ และเราคงเปลี่ยนอะไรไม่ได้
โปรคิดยังไง?
แน่นอนว่าเรื่องนี้ปะทุประเด็นในโลกออนไลน์มากมายครับ และอดีตสปรินเตอร์และโปรชื่อดังหลายคนก็ออกความเห็นกันได้น่าสนใจ ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยที่ต้องไล่ซากานออกจากการแข่งขัน
เริ่มจากบาเด็น คุก หุ้นส่วนจักรยาน Factor Bike และอดีตเจ้าของเสื้อเขียวตูร์ปี 2003 เขาบอกว่าซากาน “ไม่ได้เจตนา”
Sending Sagan home was a bad decision. It was unintentional. You often use your elbows to give yourself space to avoid crashing yourself.
— Baden Cooke (@badencooke) July 4, 2017
ร็อบบี้ แม็คอีเว็น อดีตเจ้าของเสื้อเขียวตูร์ในปี 2002, 2004, 2005 และเป็นหนึ่งในสปรินเตอร์ที่สปรินต์ได้เดือดมากคนหนึ่ง (เขาเคยโดนปรับให้เข้าเส้นชัยเป็นที่โหล่ หลังจากที่เอาหัวโขกสจ๊วต โอเกรดี้ในตูร์ปี 2005) แม็คอีเว็นคิดว่าซากานควรรับโทษเรื่องการเบี่ยงไลน์แล้วปรับให้เข้าที่สุดท้ายก็สมเหตุสมผลแล้ว แต่ไม่ควรออกจาการแข่งขัน
I DON'T agree with the expulsion of @petosagan from @LeTour. DQ on the stage ok, but kicked off the Tour!?! NO.
— Robbie McEwen AM (@mcewenrobbie) July 4, 2017
อเลซานโดร เพทัคคี อดีตเพื่อนร่วมทีมคาเวนดิชและหนึ่งในสปรินเตอร์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในเปโลตองก็เห็นด้วย
Me too @mcewenrobbie
— AlessandroPetacchi (@Alepetacchi) July 4, 2017
เยนส์ โฟ้ก เจ้าของวลีเด็ด “Shut Up Legs” ก็ออกความเห็นชุดใหญ่ เขากล่าวว่า “ค่อยๆ ดูภาพช้านะ ลืมซากานกับคาเวนดิชไปก่อน คุณจะเห็นว่าเดอมาร์เป็นคนแรกที่เปลี่ยนไลน์ เพราะงั้นก่อนจะตัดสินลงโทษใครก็ควรจะพิจารณาเดอมาร์ก่อน จากนั้นซากานก็ออกมาทางขวา ซึ่งไม่เหลือที่ให้ใครแทรกตัวมาเพิ่มได้แล้ว แบบนี้มันจบได้แค่ ‘เบรคเพื่อไม่ชนกับคนข้างหน้าแล้วก็แพ้สเตจ หรือเสี่ยงไม่ชนก็ชนะ’ เพราะงั้นในความเห็นส่วนตัว ผมว่าการไล่ออกมันหนักเกินไป ผมรับได้ กับการตัดแต้มเสื้อเขียวและปรับเวลารวม
Take your time and watch the replay in slowmotion. Then forget about Peter and Cav. Focus on Demarre. He is the first to change trajectoire
— Jens Voigt (@thejensie) July 4, 2017
So when we start punish people- maybe consider him first. His move almost chrashed Bouhanni, he is trying to save himself and moves Sagan
— Jens Voigt (@thejensie) July 4, 2017
Then Sagan moves over to the right and there is no space for nobody left. Its either " be safe and break and loose or maybe win or crash
— Jens Voigt (@thejensie) July 4, 2017
So in my private opinion-the disqualification is too much.I am ok with -80 points in green jersey,last place today and timepenalty for sagan
— Jens Voigt (@thejensie) July 4, 2017
นักปั่นคนสุดท้ายที่ถูกเชิญออกจากตูร์เดอฟรองซ์ต้องย้อนไปปี 2010 ที่มาร์ค เรนชอว์เพื่อนร่วมทีมคาเวนดิชเอาหัวโขกจูเลี่ยน ดีนในจังหวะที่ลีดเอาท์พาคาเวนดิชเข้าเส้นชัยในสเตจ 11