เข้าใจความเป็น Cipollini

“สำหรับผม จักรยานเป็นมากกว่าแค่ยานพาหนะ…

ผมมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเธอมากกว่านั้นครับ มันเป็นอะไรที่เป็นส่วนตัวมากนะ จักรยานเป็นวัตถุที่เปรียบเสมือนหญิงสาว นั่นคือมีสเน่ห์บางอย่างที่ดึงดูดตลอดเวลา

ผมชอบมองดูเธอเวลาเธอจอดพิงกำแพงอยู่เงียบๆ รูปลักษณ์ของเธอมีพลังแต่ก็เย้ายวนในขณะเดียวกัน แต่การมองนั้นเปรียบเทียบไม่ได้กับเวลาที่คุณขึ้นปั่นมันยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของเราใกล้ชิดกันมากขึ้นไปอีก

ถึงเธอจะดูสวยแต่มีสเนห์ แต่เธอก็ไม่ใช่ยิ่งสาวที่บอบาง! ภายในรูปร่างที่หลอกล่อสายตาเราเธอจะตอบสนองแรงของคุณได้มากเท่าที่คุณทุ่มเทให้เธอ จะควบคุมเธอได้คุณต้องใส่ใจเป็นอย่างมาก เธอแข็งแกร่ง ล้อที่ว่าแข็งแรงที่สุดในโลกยังทานความแข็งแรงของเธอไม่ได้และให้ตัว โดยเฉพาะเวลาที่ผมสปรินต์เค้นความสามารถของเธอออกมา ผลักเธอไปจนถึงขีดจำกัด

ถ้าจะให้อธิบายอย่างง่ายๆ การมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งและใกล้ชิดกับจักรยานแบบนี้ก็เปรียบได้กับการร่วมรัก — โอเคสิ่งที่ผมพูดมันอาจจะดูแรงนะ แต่ฟังก่อน — ถ้าคุณมีพละกำลังมากพอที่จะทุ่มเทให้เธอ เหมือนหญิงสาวที่เอาแต่ใจ ที่ดึงดูดเราด้วยความต้องการที่ไม่มีขีดจำกัดของเธอ เธอก็จะตอบแทนคุณด้วยความปิติที่ยากจะหาอะไรเทียบ…มันไม่ใช่ความสุขแบบการร่วมเพศหรอกนะ แต่มันเป็นความสุขระหว่างคนและจักรยานที่เปรียบเทียบได้ยากครับ…

นั่นคือคำพูดของมาริโอ้ ชิโปลลินี ระหว่างงานเปิดตัวเสือหมอบไฮเอนด์รุ่นล่าสุด Cipollini RB1K The One…

สารภาพตามตรง ที่ผ่านมาผมไม่ค่อยอินกับจักรยาน Cipollini ครับ นอกจากจะมีเจ้าของแบรนด์ที่มีความเป็นแมนประหนึ่งดื่มฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนคู่กับอาหารเช้าทุกมื้อแล้ว รูปลักษณ์จักรยาน Cipollini เองก็เป็นประเภทที่ว่าไม่รักก็เมินไปเลย คือมีดีไซน์ที่ดูหนัก แน่น เส้นสาย โค้งเว้าเยอะไม่เหมือนใคร เหมือนชายมีกล้าม เทียบกับรถสายเยอรมัน / อเมริกัน ที่เน้นความเพรียวบางเรียบร้อย

แต่วันหนึ่งก็ได้บัตรเชิญไปงานเปิดตัว Cipollini RB1K The One…เสือหมอบรุ่นเรือธงของค่าย Cipollini ที่เมืองเวโรนาในประเทศอิตาลี ก็ต้องลองไปดูกันสักทีว่าถ้าได้เยี่ยมมาริโอ้ถึงถิ่น จะเข้าใจความเป็นซิโปลลินีมากขึ้นหรือเปล่า หรือถ้าได้ปั่นรุ่นใหม่ล่าสุดแล้วจะเปลี่ยนใจไหม

ไปดูกัน

รู้ตัวอีกทีก็มาโผล่ที่นี่ครับ — Byblos Art Hotel โรงแรมในสไตล์อาร์ทแกลลอรี ซึ่งเป็นวิลล่าอายุกว่า 600 ปี (!!) ที่อยู่ชานเมืองเวโรนา ออกแบบโดยมิเคลี ซามิเคลี สถาปนิกชื่อดังของสาธารณรัฐเวนิส (Venetian Republic) ที่ก่อสร้างป้อมปราการและปราสาทหลายแห่งในแคว้นเวเนโต้

ตัวโรงแรมสร้างมาจากป้อมปราการเก่าของโรมัน แล้วพัฒนาต่อมาเป็นวิลล่าสำหรับขุนนาง จนเจ้าของคนปัจจุบันได้ซื้อต่อมาและนำมาทำต่อเป็นโรงแรมบูทีค ในนี้มีงานศิลปะทั้งงานเก่าย้อนยุคหลายร้อยปีและโมเดิร์นอาร์ทอยู่มากมาย

เอาจริงๆ ก็เพิ่งเคยมางานเปิดตัวจักรยานที่เลือกสถานที่แบบนี้เหมือนกัน…อลังการสมเป็นชิโปลลินีสินะ

เข้ามาหน้าโรงแรมช่วงเย็นก่อนเปิดงานก็เจอนี่ก่อนเลย งานปั้นทองแดงที่มีคนใส่ชุดปั่นลายม้าลายอยู่ข้างๆ….ไม่ผิดงานแล้วหละ

มันก็จะวุ่นๆ หน่อย

เดี๋ยวนะ นี่งานเปิดตัวจักรยานจริงหรือเปล่า ทำไมมีแต่ชายใส่สูทและสาวสวมเดรส ฟีลมันประมาณมิลานแฟชันวีค

บรรยากาศก่อนเริ่มงานเย็น สังเกต modern art รอบๆ ห้อง งานศิลป์ในโรงแรมนี้เห็นว่ามีมูลค่าประมาณ 8 ล้านยูโร

พระเอกของเราคลุมผ้าอยู่นี่

เดินกินน้ำส้มไปสักพักก็มีใบนี้มาแจกครับ 
“การตามหาไอเดียที่สมบูรณ์แบบ
ความกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียว
นับย้อนไล่ลำดับจากความฝัน
การหลอมรวมของความสง่าและพละกำลัง 
มองหาไอเดีย 
ไล่ล่าตามคว้ามัน
เข้าครอบครองมัน 
จากนั้น ไอเดียก็จุติ กลายร่างจากความฝัน
สู่ความเป็นจริง
ที่จับต้องได้
กลายมาเป็น “หนึ่งเดียว” 
และมันก็ลงสัมผัสพื้นถนน 
สุนทรียภาพ

และแล้วเขาก็มาถึงครับ มาริโอ้ ชิโปลลินี อดีตสปรินเตอร์ที่โด่งดังที่สุดในยุค 90s ด้วยยอดชัยชนะสเตจที่เยอะที่สุดใน Giro d’Italia และรวมยอดชัยชนะทั้งอาชีพกว่า 190 รายการ

จะบอกว่าเขาคือปีเตอร์ ซากาน / มาร์ค คาเวนดิช แห่งยุคนั้นก็ไม่ผิด ด้วยผลงาน 12 แชมป์สเตจใน Tour de France / 3 แชมป์สเตจใน Vuelta  / 42 แชมป์สเตจใน Giro d’Italia 
แชมปโลกจักรยานถนนปี 2002  / แชมป์ Milan Sanremo, E3 Harelbeke, Gent-Wevelgem

ชิโปลลินีอำลาวงการในปี 2008 และเริ่มความร่วมมือกับบริษัท Diamant SRL เจ้าขอแบรนด์รองเท้า DMT เพื่อเปิดแบรนด์จักรยานในชื่อตัวเองในปี 2009

แน่นอนว่าระดับชิโปลลินีจะเปิดตัวจักรยานทั้งทีต้องมีหนังเปิดตัวครับ

SaveSave

SaveSave

แล้วอะไรคือความเป็นจักรยานชิโปลลินี?

ทั้ง Diamant และมาริโอ้เองมีความเห็นตรงกันว่าจักรยานที่ดีควรจะเต็มเปี่ยมไปด้วยแพสชัน ความรู้สึก ความงดงาม หลอมรวมกับประสิทธิภาพและเทคโนโลยี เขาเลยตัดสินใจออกแบบและเลือกผลิตทุกอย่างในอิตาลีเพื่อคงความหรูหราในรูปแบบของแบรนด์ Luxury (ปัจจุบันไปตั้งโรงงานผลิตในบอสเนีย แต่ยังคุมการผลิตโดยทีมงานอิตาเลียน)

เขาอยากให้คนมองจักรยานเหมือนงานศิลปะ เป็นของที่ไร้กาลเวลา…

อื้ม ฟังไปฟังมาเริ่มเคลิ้ม มันมันเป็นการขายจักรยานที่ฉีกแนวจากจักรยาน high end ส่วนใหญ่ในตลาด ที่มองจักรยานเป็นเครื่องมือเพื่อบรรลุจุดประสงค์ในการใช้งาน ก็มีสเน่ห์ไปอีกแบบนะ

ในงานนี้ชิโปลลินีพูดถึงเทคโนโลยีน้อยมาก ราวกับต้องการสื่อสารว่า เทคโนโลยีในจักรยานนั้นเป็นของตายที่ไม่ต้องพูดถึง นั่นคือ มันควรจะเป็นเรื่องปกติที่จักรยานไฮเอนด์มีเทคโนโลยีที่ดีมากอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องอยากเอาสเป็คมาเทียบมาชนกับคู่แข่ง มันเป็นของที่ควรถวิลหาไม่ใช่นั่งเทียบสเป็คชีต

เลยเป็นเหตุผลว่าทำไมชิโปลลินีถึงไม่เร่งรีบที่จะอัปเดตจักรยานรุ่นเรือธง RB1K รุ่นแรกเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2010 ครับ และผ่านไปเกือบ 8 ปีกว่าที่เราจะได้เห็นรุ่นใหม่ (ระหว่างนี้มีอัปเดตเล็กๆ น้อยๆ เป็น minor change) ผมถามผู้จัดการแบรนด์เขาบอกว่า “รถของเราดีพอที่จะไม่ต้องอัปเดตบ่อยๆ” ที่อัปเดตรอบนี้คือเราอยากให้เฟรมรองรับอุปกรณ์และมาตรฐานเทคโนโลยีใหม่ๆ เท่านั้นเอง”​

แล้วมีอะไรใหม่ใน RB1K รุ่นใหม่? ก็ต้องบอกว่าเปลี่ยนเยอะครับ เปลี่ยนทั้งการจัดวางเรียงชั้นคาร์บอนให้ได้รถที่ฟีลลิ่งดีกว่าเดิม ตะเกียบใหม่หมดจด เบรคแบบ direct mount หน้าหลัง หลักอานแอโร
น้ำหนักเบาลง 120 กรัม และตอบสนองแรงดีขึ้น 20% ยกท่อคอให้สูงขึ้นให้ขี่ง่ายขึ้นนิดหน่อย (แต่ก็ยังต่ำอยู่ดี) 
ในงานพูดถึงจักรยานไม่มากครับ สงสัยว่าจะให้เรารอ test ride…ก็อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าได้ปั่น RB1K The One แล้วจะเพลิดเพลินเหมือนกำลังร่วมรักอย่างที่ชิโปลลินีบอกไว้ในตอนต้นหรือเปล่า….

ก่อนจะจบงานก็มี One More Thing ด้วย แขกรับเชิญพิเศษ เอเลีย วิวิอานี สปรินเตอร์เท้าไฟจากทีม Sky!

วิวิอานีเป็นแบรนด์แอมของรองเท้า DMT ครับ แต่ก็สนิทกับมาริโอ้เป็นพิเศษด้วย ศิษย์พี่ศิษย์น้องประมาณนั้น

จบแค่นี้ก่อน โพสต์หน้ามาดูกันว่าปั่นจริงจะเป็นยังไงครับ


 

By เทียนไท สังขพันธานนท์

คูน คือผู้ก่อตั้งดั๊กกิ้งไทเกอร์ และอยากใช้เว็บไซต์นี้ช่วยให้คนไทยอยากขี่จักรยานกันเยอะๆ!

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *