อะไรคือแรงผลักดันให้ผู้ผลิตจักรยานรายเล็กๆ ในอิตาลีอยู่มาได้ยาวนานต่อเนื่องถึง 65 ปี? มันคงไม่ใช่เรื่องของเงินเพียงอย่างเดียว เพราะมันคงไม่มากพอให้บริษัทนี้ทำจักรยานที่ชนะรายการแข่งขันที่ใหญ่ที่สุดในโลกมาแล้วหลายสิบสนาม…โดยเฉพาะเมื่อมีจักรยานหลายแบรนด์ที่ใหญ่กว่า ทุนเยอะกว่า แต่ไม่สามารถเข้าไปอยู่ในใจของนักปั่นทั่วโลกได้เหมือนที่ Pinarello เป็น
คำถามพวกนี้มันคือสิ่งที่อยู่ในใจของผมก่อนที่จะเข้าไปคุยกับคุณ Luciano – กรรมการผู้จัดการจาก Pinarello ที่มาร่วมงานเปิดตัว Pinarello Dogma F10 ในประเทศไทย เราคุยอะไรกันบ้าง มาอ่านกันครับ
DT: เล่าชีวิตของคุณให้เราฟังสักนิดนึงครับ
L: ก่อนจะมาอยู่กับ Pinarello ผมก็วนเวียนอยู่ในวงการจักรยานครับ ผมเป็นนักปั่นทีมชาติอิตาลีมาก่อน แล้วก็ได้เข้าไปทำงานกับแบรนด์จักรยานอิตาเลียนหลายแบรนด์ ก่อนจะมาอยู่กับ Pinarello นี่ก็สิบกว่าปีแล้วที่อยู่ที่นี่
DT: Pinarello Dogma F8 เปิดตัวมาได้ไม่ถึง 3 ปีเต็มเลยเราก็ได้เห็น F10 ซึ่งเป็นรุ่นต่อไปแล้ว ทำไมเร็วจังครับ?
L: ต้องบอกก่อนว่า Pinarello เราเป็นบริษัทไม่ใหญ่ครับ คือภาพลักษณ์ข้างนอกมันอาจจะดูใหญ่น่ะนะ แต่จริงๆ แล้วเรามีพนักงานเพียงห้าสิบกว่าคนเอง ถึงผมจะมีตำแหน่งนี้แต่เวลาทำงานผมก็ยังต้องดูทุกส่วนนะ ทั้งด้านการพัฒนาสินค้า การตลาด คุยกับนักปั่นทีมที่เราสนับสนุน คือทุกคนทำงานแบบ hands-on ครับ
พอบริษัทเราเล็กแบบนี้ก็แน่นอนว่าเราไม่มีเงินทุนจะทำโฆษณามากมายหรือเปิดตัวสินค้าใหม่ๆ หลายๆ รุ่น แต่ด้วยความเล็กของบริษัทเราทำให้เราคล่องตัวกว่ารายอื่น เราไม่จำเป็นต้องรอไซเคิลปกติที่จักรยานเขาพัฒนารุ่นใหม่กันนั่นคืออย่างน้อย 3-4 ปีต่อรุ่น จริงๆ เราพัฒนา F10 ตั้งแต่วันที่ F8 เปิดตัวแล้วครับ (พฤษภาคม 2014) ถ้าเราทำให้จักรยานเราได้ดีขึ้นแล้ว ทำไมจะต้องรอเวลาเปิดตัวด้วย?
คนปั่น Pinarello ชอบอะไรใหม่ๆ และผมดูตลาดก็ตอบรับค่อนข้างดีนะครับ เราเลือกเปิดตัวจักรยานตั้งแต่ต้นปี ไม่รอช่วง Tour de France เหมือนแต่ก่อนแล้ว ผมว่ามันตลกที่พอต้นปี เปิดฤดูกาล โปรมีรถใหม่ใช้ มีเสื้อผ้าลวดลายใหม่ แต่กลับไม่มีขาย คนอยากได้ต้องรออีกครึ่งปีกว่าจะได้ซื้อ ถ้าเห็นของใหม่แล้วมันควรจะมีขายเลยครับ F10 ก็เหมือนกัน เรามีของพร้อมจำหน่ายทั่วโลกในวันที่เปิดตัวเลยนะ
DT: Team Sky มีส่วนร่วมแค่ไหนในการพัฒนาจักรยาน Pinarello ครับ?
L: เยอะมากครับ Sky เป็นทีมที่ทำงานไม่ค่อยเหมือนใคร เทียบกับทีมอื่นๆ ที่เราเคยสนับสนุน เขาค่อนข้างจริงจังกับอุปกรณ์ที่ใช้ คือไม่ใช่ว่ามีอะไรให้ขี่ก็ขี่ แต่เขาต้องมั่นใจได้ว่าจักรยานที่นักปั่นเขาใช้นั้นจะไม่มีจุดไหนเสียเปรียบจักรยานของคู่แข่งเลย ไม่ใช่แค่นักปั่นของเขาที่มีส่วนร่วม Sky มีบุคลากรประสบการ์ณและความรู้เยอะครับ เราหลอกเขาไม่ได้แน่นอน!
เราเลยได้มีความร่วมมือกับบริษัทระดับโลกอย่าง Jaguar ที่เข้ามาช่วยเราเรื่องแอโรไดนามิก (DT Note: เฟรม Pinarello Dogma F8 เป็นหนึ่งในจักรยานที่แอโรที่สุดจากผลทดสอบนิตยสาร Tour Magazine อยู่ในระดับเดียวกับ Cervelo S5, Scott Foil, และ Canyon Aeroad เป็นรองเพียง Specialized S-Works Vege Vias และ Trek Madone 9)
DT: อะไรคือหัวใจของจักรยาน Pinarello?
L: ถ้าจะให้เลือกหนึ่งอย่าง มันคงเป็น Handling (คาแรคเตอร์การบังคับควบคุมจักรยาน) ครับ เราพยายามรักษาคาแรคเตอร์การ Handling แบบ Pinarello ไว้ในทุกคันที่เราผลิต (DT Note: จากประสบการณ์ลูชาโนคงหมายถึงความรู้สึกแน่นๆ เข้าโค้ง ลงเขาได้มั่นคง รู้สึกเอาอยู่ถึงจะใช้ความเร็วสูง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์หนึ่งของจักรยานค่ายนี้ครับ)
แต่กระนั้นเราก็พยายามทำให้จุดอื่นดีที่สุดด้วยครับ อย่างเฟรม F10 นี่เราก็ปรับปรุงทุกด่านจาก F8 – สี่คาแรคเตอร์หลักที่คนปั่นจักรยาน high performance ต้องการ นั่นคือน้ำหนักเฟรมที่เบา, การซับแรงสะเทือนที่ดี, ความลู่ลม และการตอบสนองแรงแบบทันท่วงที เราคิดว่าเราทำรถที่ค่อนข้างสมดุล รวมเอาจุดเด่นพวกนี้เข้ากันได้ไม่แพ้ใครนะครับ
DT: ทำไม Pinarello ถึงไม่แยกไลน์จักรยานน้ำหนักเบา จักรยานแอโร เหมือนแบรนด์อื่นๆ?
L: อย่างที่บอกครับ บริษัทเราเล็ก การจะทำจักรยานหลายๆ แบบเพื่อแตกไลน์สินค้าเยอะๆ นั้นไม่ใช่แนวทางของเราและไม่เหมาะเท่าไร โอเค แนวคิดการผลิตจักรยานเราอาจจะไม่เหมือนเจ้าอื่นที่มีจักรยานแนวไต่เขา แนวแอโร แนวขี่ทางวิบาก แต่เราเชื่อว่าถ้าเราทุ่มทำจักรยานรุ่นเดียวให้ดีที่สุด ให้มันเป็น all-rounder ตัวจริงที่ทำทุกอย่างได้รอบด้าน ผมว่ามันก็โอเคแล้วนะ ผมว่าซีรีย์ Dogma ที่เราทำออกมาก็ตอบโจทย์ทั้งมืออาชีพและนักปั่นหลายคนครับ
DT: ผมได้ยินมานานแล้วว่า Pinarello เป็นบริษัทเดียวที่ขายจักรยานรุ่นท็อปได้เยอะที่สุดเสมอ มากกว่ารุ่นรองหรือรุ่นเริ่มต้น จริงหรือเปล่าครับ? (ในตลาดโลก จักรยานแทบทุกแบรนด์ทำกำไรจากจักรยานรุ่นเริ่มต้นไปจนถึง mid range รุ่นไฮเอนด์มักจะขายได้ไม่มาก)
L: จริงครับ และเป็นแบบนี้มานานแล้ว และมันเป็นสิ่งที่เราภูมิใจนะครับ ซีรีย์ Dogma คือจักรยานที่เราขายได้เยอะที่สุดทุกปี ผมว่ามันสะท้อนถึงความเชื่อใจในกลุ่มคนปั่นที่มีต่อจักรยานของเราครับ
DT: คุณคิดยังไงกับดิสก์เบรคในเสือหมอบ?
L: ในเชิงเทคโนโลยีแล้วมันเป็นสิ่งที่ดีครับ มันทำงานดีกว่าริมเบรคจริง และผมเชื่อว่าสุดท้ายมันจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของวงการ แต่ตอนนี้ยังมีรายละเอียดที่ต้องปรับแก้และจูนให้เข้ากันก่อน มาตรฐานยังไม่เรียบร้อย สเป็คดิสก์เบรคก็ยังไม่นิ่ง และยังเรื่องการเซอร์วิสนักปั่นอาชีพในสนามจริงที่ตอนนี้น่าจะวุ่นวายมากเพราะทีมต้องมีอะไหล่สำรองทั้งสำหรับล้อริมเบรคและดิสก์เบรค ค่าใช้จ่ายและเรื่องการจัดการมันก็วุ่นวายขึ้นเยอะ ต้องเข้าใจว่าสำหรับนักปั่นอาชีพแล้ว เวลาแค่วินาทีเดียวมันก็มีความหมายครับ เพราะมันหมายถึงแพ้หรือชนะได้เลย แต่สำหรับนักปั่นทั่วไปผมว่าดีนะครับ เหมาะเลยโดยเฉพาะเวลาปั่นลงเขา
DT: ต้นปีนี้มีข่าวที่ว่า Pinarello ขายหุ้นส่วนใหญ่ให้กลุ่มทุน L Catterton ซึ่งมีกลุ่ม LVMH (เจ้าของแบรนด์ Luis Vitton, Tag Huer และแบรนด์สินค้าไฮเอนด์อีกหลายแบรนด์) เป็นหุ้นส่วนด้วย มันจะมีผลยังไงกับ Pinarello ครับ?
L: การมีเงินทุนสนับสนุนเป็นสิ่งที่ดีครับ มันช่วยให้เราทำสิ่งที่เราทำอยู่แล้วได้ดีขึ้น ไวขึ้นกว่าเดิม แต่ในการบริหารงานและเรื่องของโปรดักต์แล้ว ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงนะครับ ฟาอุสโต้ พินาเรลโล (ประธานบริษัท) ยังคงเป็นประธานอยู่ มันไม่ใช่ว่าเราขายไปแล้วให้เขามาจัดการบริษัทเรา เรายังทำงานกันเหมือนเดิมครับ สิ่งที่พวกเขาจะมาช่วยจะเป็นเรื่อง consumer market มากกว่า พวก retail store experience ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาถนัดมาก แต่เราไม่ได้เชี่ยวชาญ
อ้อ จักรยาน Pinarello ก็ยังเป็น Pinarello เหมือนเดิมครับ จะไม่ Dogma ลาย Damier แน่นอน ;)
DT: เทียบกับตลาดต่างประเทศแล้ว ประเทศไทยมีลูกค้า Pinarello เยอะแค่ไหนครับ?
L: ถ้าดูจากยอดขายแล้ว ไทยก็อยู่อันดับต้นๆ ของเอเชียเลยนะครับ ในระดับโลก ถัดจากประเทศใหญ่ๆ อย่างอเมริกา อังกฤษ อิตาลี ญี่ปุ่น เกาหลีแล้วก็เป็นไทยนี่แหละครับ!
* * *
บทสัมภาษณ์เราจบลงเท่านี้ ขอขอบคุณ Pro Cycle ผู้นำเข้าจักรยาน Pinarello อย่างเป็นทางการในประเทศไทยที่ให้โอกาสเราได้สัมภาษณ์คุณลูชาโนครับ