Bike Spot: Bianchi XL EV4 Hyperalloy

กลับมาเจอกันกลับคอลัมน์ Bike Spot เสือหมอบจากทางบ้าน วันนี้เราได้เสือหมอบที่แอดมินคิดว่าแต่งได้มีเอกลักษณ์สุดๆ เลยครับ อาจจะไม่ใช่หมอบคาร์บอนแอโรซิ่งๆ ตามเทรนด์​ แต่ดูจากชิ้นส่วนที่เลือกมาแล้วบ่งบอกถึงความรอบคอบและรสนิยมที่ไม่ธรรมดาของเจ้าของ ความคลาสสิคและประสิทธิภาพวางตัวได้สมดุลกันดีและเป็นจักรยานที่มีเรื่องราวอีกด้วย มาชม Bianchi XL EV4 ของคุณเนมกันครับ 

 

Q: คอนเซ็ปต์ในการประกอบรถคันนี้คืออะไรครับ? ทำไมถึงเลือกยี่ห้อนี้? และทำไมชอบรถเก่า? ได้ดูรุ่นไหนเปรียบเทียบไว้ก่อนที่จะซื้อคันนี้หรือเปล่า? ได้มาจากไหน? ประวัติเป็นยังไง

A: คันนี้เจอกันแบบบังเอิญมากๆครับ จริงๆแล้วแต่เดิมเลยรถคันนี้ผมตั้งใจสั่งมาให้แฟนขี่ครับ เดิมทีเธอเองก็ไม่ได้ขี่จักรยาน แต่เพราะเราชอบขี่มากเวลาว่างส่วนใหญ่ก็จะขลุกอยู่กับจักรยานนี่หละ เวลาเราไปซ้อมบ่อยครั้งเธอก็จะไปด้วย แต่ไม่ได้ปั่น เราเลยคิดว่าอยากจะประกอบรถราคาไม่สูงขึ้นมาซักคัน ให้เค้าได้มาปั่นกับเรา สนุกกับเรา ไม่ต้องนั่งรอเฉยๆ ก็เลยเริ่มต้นโปรเจคนี้ขึ้นมา แต่จะให้ซื้อรถเดิมๆธรรมดาให้เธอขี่เลยเธอเองก็อาจจะไม่ได้อยากขี่เท่าไหร่นัก ก็เลยคิดว่าต้องประกอบอะไรที่มันไม่เหมือนใครซักหน่อย ตัวเธอเองก็ชอบอะไรที่มันมีเรื่องราว มีประวัติ เก่าก็ได้ โดยเฉพาะสัญชาติอิตาลีนี่จะชอบเป็นพิเศษ ตอนนั้นก็ยังไม่ได้มีตัวเลือกเจาะจงอะไรในใจ มองหาไปเรื่อยๆคิดแต่ว่าอยากได้เฟรมโลหะที่แปลกตา บังเอิญมาว่าวันนึงไปเจอเฟรมนี้ Bianchi EV4 ลงขายอยู่ในเวปต่างประเทศ ทั้งๆที่ไม่รู้จักรุ่นนี้ด้วยซ้ำว่าเป็นรุ่นอะไรแต่กลับรู้สึกถูกชะตาเป็นพิเศษ เฟรมเป็นสีอโนไดซ์แปลกตา แฟนเองก็ว่ามันสวยดี ก็เลยไปลองค้นข้อมูลดู ก็ได้ความมาว่ารหัส EV หรือ Hyperalloy นั้น มีต้นสายมาตั้งแต่ปี 98

1998 Bianchi MegaPro XL > 2000-2001 Bianchi EV > 2002 Bianchi EV2 > 2003 Bianchi EV3 > 2004 Bianchi EV4 > 2005 Bianchi FG lite

ปี 98 ขี่โดย Marco Pantani ชนะ Tour de France และ Giro d’Italia
ปี 03 ขี่โดย Jan Ullrich ที่สอง Tour de France รองจาก Lance Armstrong
ปี 05 ขี่โดย Danilo Di Luca ชนะ UCI Pro Tour Championship, Amstel Gold Race, La Flèche Wallonne และที่ 4 Giro d’Italia ในปีเดียวกัน

พอรู้ว่ามันเป็นเฟรมหายาก มีประวัติมานาน ก็เลยลองสั่งมาดู สุดท้ายพอเฟรมมาถึงก็ต้องตกใจเพราะน้ำหนักมันเบามากๆ แค่ 1056 กรัมเท่านั้นเองและงานสีก็เนี๊ยบมากๆ ก็รีบหาอะไหล่ตามที่ได้ตั้งใจไว้แล้วประกอบขึ้นมา แต่ประเด็นก็คือพอลองประกอบขึ้นมาแล้ว แฟนผมกลับขี่ไม่ได้ เพราะเธอตัวเล็ก ยืนคร่อมต้องเขย่งเลย (ตอนซื้อคนขายไม่ทราบว่าไซส์อะไร และที่เฟรมไม่ได้แปะเลขไซส์ไว้ จนตอนนี้ก็ยังไม่รู้ครับว่ามันคือไซส์อะไร) กลายเป็นว่าผมมีรถสองคัน ก็เลยลองเอามันไปขี่บ้าง ขี่ไปขี่มากลับชอบ ตอนนี้ขายคันเดิมแล้วกลับมาขี่คันนี้คันเดียวแทนแล้วครับ 55555 (DT: คันเดิมของคุณเนมคือ Scott Addict User’s Bike คันแรกๆ ของเราเลยครับ)

 

SPEC SHEET

bianchispec

EV4 Hyperalloy เบาหวิว!
EV4 Hyperalloy เบาหวิว!

Q: แต่งอะไรไปบ้าง? ขอเหตุผลที่เลือกอะไหล่ที่ใช้ในคันนี้ครับ พวกกรุ๊ปเซ็ต ล้อ cockpit เบาะ หลักอาน

A: ตอนแรกที่ประกอบขึ้นมา กะว่าให้เป็นรถที่ดูเรโทรย้อนยุคตามยุคตามปีมันครับ ใช้อะไหล่โลหะ กรุ๊ปเซตและล้ออิตาเลี่ยนรุ่นกลางๆ ราคาไม่สูงนัก ก็ไปจบที่ Campy Centaur + Campy Vento เน้นสีเงินๆตามยุค cockpit ก็ตามปีมันเลยก็จะเป็น ITM Millennium กับแฮนทรง Classic Drop ของ Deda โดยตั้งใจไว้ว่าจะให้น้ำหนักอยู่ที่ไม่เกิน 8 กิโลเป็นโอเค โดยตอนเสร็จน้ำหนักจบที่ 7.8กก. หน้าตาออกมาก็ประมาณนี้ครับ

แต่หลังจากแฟนขี่คันนี้ไม่ได้ ผมก็เลยเอามาลองปั่น แรกๆกะว่าเอาไว้ขี่สลับกับคันหลักบ้าง ซ้อมบ้าง ปั่นเมืองบ้างรถแฟชั่นเพราะตั้งใจทำมาเป็นแบบนั้น แล้วอีท่าไหนก็ไม่ทราบกลายเป็นติดใจขี่คันนี้คันเดียวซะอย่างนั้น เลยตัดสินใจปรับสเปคอีกครั้งให้เหมาะสมการใช้งานเป็นรถหลัก โดยเน้นไปทางขึ้นเขาเป็นหลัก โดยจะเอาน้ำหนักลงมาอีกหน่อย โดยยังพยายามให้หน้าตารถมาในแนวเดิม คือเรโทรหน่อยๆตามยุคตามปีของมัน ใช้อะไหล่อลูมิเนียมและไททาเนียมเป็นหลัก เพื่อกดน้ำหนักลงมาให้ใกล้ 7 กิโลกรัมถ้วนๆให้มากที่สุด ชุดขับใช้เป็น Campagnolo Record แบบ 10 สปีดอยู่ เพราะทรงมือเกียร์รุ่นเก่าเข้ากับรถมากกว่า อัตราทดหน้าหลังก็ให้ครอบคลุมทั้งทางงราบและเขา

เบรคใช้เป็น Record ปี 2000 เลยเพราะอยากได้สีเงินครับ ส่วน Cockpit ยังเป็นชุดเดิม แต่เปลี่ยนหลักอานเป็น Campagnolo Chorus Titanium ที่น้ำหนักเบากว่าของเดิม เบาะเปลี่ยนเป็น Selle SMP ที่เข้ากับสรีระผมมากกว่า ส่วนชุดล้อนี่ตั้งใจเลือกเป็นพิเศษ โดยมีประเด็นว่าต้องเป็นล้อขอบอ้วนเพื่อให้การขี่ที่นิ่มนวลขึ้น และเป็นอลูมิเนียมยางงัด ให้ขี่และเบรคได้ดีทั้งฝนและแห้ง ทนต่อการใช้งานแบบสมบุกสมบัน เปลี่ยนยางได้ตลอดเวลาและสุดท้ายน้ำหนักไม่มากจนขึ้นเขาลำบาก โดยสุดท้ายเลือกเป็นมาเป็นล้อ HED Ardennes SL กับดุมวัตต์ powertap คู่เดียวไปได้ทุกที่ทุกงาน ทั้งหมดทั้งสิ้นจบบนตาชั่งที่ 7.15 กก. ตามภาพเลยครับผม

มุมข้าง
มุมข้าง

Q: เคยปั่นรุ่นไหนยี่ห้อไหนมาก่อนครับ? ลองเปรียบเทียบฟีลลิ่งการปั่นคันนี้กับคันเก่าได้มั้ย

A: รถเสือหมอบที่เคยขี่กันมาก็มี Specialized Allez E5 หางคาร์บอนปี 2010 แล้วก็เปลี่ยนมาเป็น Kuota Kharma Race 2011 แล้วก็เปลี่ยนอีกทีเป็น Scott Addict R1 แล้วก็มาจบที่คันนี้ครับ คันนี้จริงๆแล้วก็ไม่ได้นิ่มนวลหรือพุ่งไปกว่า scott คันก่อนเลยครับ ออกจะดิบเถื่อนกว่าด้วยซ้ำ มันทั้งถีบ กระแทก น้ำหนักไม่เบา และหน้าตาดูไม่ได้น่าเหลียวหลังมองเหมือนรถใหม่ๆสมัยนี้ แต่ถึงอย่างนั้นความรู้สึกเวลาขี่มันไม่เหมือนกับรถอลูมิเนียมคันไหนๆที่เคยขี่มาก่อนเลย มันสติฟและดีดดิ้นทุกครั้งที่กดบันไดลงไป และยิ่งสนุกมากขึ้นอีกเวลาไปขี่บนทางเขา เหมือนกับมันท้าทายเราตลอดเวลา ทำให้ผมรู้สึกต้องพยายามมากขึ้นทุกครั้งเพื่อที่จะขี่และสนุกไปกับมัน

รถคันนี้มันขี่สนุกมากเมื่อเรามีแรง และยังfresh ถ้าเรายังมีแรง มันจะส่งเราไปในที่ที่เราต้องการเลย ไม่เคยรู้สึกว่ามียอดเนินไหนเราไปไม่ถึงพอเราอยู่บนอานคันนี้ ใช้คำนี้เลยดีกว่า แต่มันพร้อมจะซ้ำเติมและถีบเราลงจากอานทุกครั้งที่เราหมดแรง อารมณ์เหมือนกับมันจะพยายามจะบอกเราว่า ‘เออ แรงไม่พอไม่ต้องมาขี่ฉัน’ อะไรอย่างนั้นเลย มันเลยทำให้เรารู้สึกอยากจะซ้อม อยากจะเก่งกว่านี้อยากจะเร็วกว่านี้ตลอดเวลาที่ได้ขี่มัน ประมาณรู้สึกว่ารถสำคัญน้อยลง และตัวเองสำคัญมากขึ้นเมื่อปั่นรถคันนี้ครับ ซึ่งก็ดีไปอีกแบบครับ

Q: ใช้คันนี้มานานเท่าไรแล้วครับ?

A: คันนี้ประกอบเสร็จประมาณเดือน 7 ปี 56 สิริรวมถึงตอนนี้ก็ปั่นไปร่วมๆ 3000กิโลแล้วครับ ผมเองเริ่มปั่นจักรยานจริงๆจังๆเมื่อช่วง 5 – 6 ปีที่แล้วครับ เริ่มเพราะอยากประหยัดเงินนะ ตอนนั้นเรียนอยู่ บ้านกับมหาลัยก็ไม่ไกลกันนัก วันนึงเลยคิดแปลกๆ เอาจักรยานแม่บ้านคันเก่าๆในบ้าน ปั่นไปมหาลัยซะเลย ความรู้สึกตอนนั้นคือ…เฮ้ย! สนุกจัง! จากนั้นก็ขี่แบบนั้นอยู่ซักพักจนคันนั้นก็พังไปตามสภาพอายุ ก็เลยเริ่มมองหาจักรยานดีๆซักคันนึงมาใช้แทน ซึ่งหาแรกๆก็มือสั่นเลย รู้สึกว่าทำไมรุ่นเริ่มต้นถึงแพงจัง คันละเป็นหมื่นแต่สุดท้ายก็ไม่รอด จำได้เลยว่ากำเงินเก็บ 10000 บาทที่เก็บอยู่หลายเดือนไปซื้อเสือภูเขาคันแรก Jamis Trail X ที่ร้านนครไทยจักรยาน จากนั้นก็เริ่มขี่เรื่อยมา แต่งนู่นนี่ เริ่มถอดเองรื้อเองประกอบเองอะไรไปเรื่อย เวลาขี่ก็เข้าไปในทางป่าทางเขาซะมาก เคยไปดาวน์ฮิลกับพี่ๆที่รู้จักกันอยู่สองสามทีจนมีแผลเปรอะประทั่วไปหมด ขี่ก็ไม่เก่ง ตัวก็เล็ก แต่อาศัยความบ้าบิ่นวัยเด็กก็ขี่ตามเขาไปเรื่อยครับ

แล้วก็เจอช่วงเรียนหนักตอนใกล้ๆเรียนจบพอดี ก็เลยห่างหายจากการปั่นไปพักหนึ่ง กลับมาขี่อีกทีเมื่อช่วงสองปีที่แล้ว พี่ๆที่รู้จักกันเริ่มมาขี่จักรยาน เราก็เลยได้ทีไปยกเสือภูเขาลำเก่าออกมาปัดฝุ่นขี่อีกครั้ง แต่พอกลับไปจับเสือภูเขามันไม่สนุกเหมือนก่อน เข้าทางฝุ่นแล้วเทโค้งกระโดดเนินไม่สนุกเหมือนเดิม เพราะเดี๋ยวนี้กลัวล้มกลัวเจ็บแล้ว 55555 ผมเลยมาลองเอาดีด้านเสือหมอบรถถนนดูแทน เพราะเพื่อนๆพี่ๆในกลุ่มหลายคนก็เริ่มไปเล่นทางนี้เหมือนกัน ก็เลยลองหาข้อมูลดู แล้วก็ประกอบคันแรกขึ้นแบบงบน้อยๆ ลองดูว่าชอบมั้ย พอขี่แล้วเออมันก็ได้แฮะ สนุกดีนะ ก็เลยเริ่มหาข้อมูลมากขึ้น ซื้อนู่นเปลี่ยนนี่ ลองไปเรื่อยจนมาจบที่คันนี้ครับ

Deda Cockpit และดุม Powertap สวยๆ
Deda Cockpit และดุม Powertap สวยๆ

Q: ปรกติปั่นแถวไหน คนเดียว กับเพื่อน หรือกลุ่มไหน?
A: ปกติก็ปั่นกับกลุ่มพี่ๆที่รู้จักกันครับ ชื่อกลุ่มว่า ‘นักปั่นพลังหนุ่ม’ ครับ หลักๆก็ปั่นกันแถวรันเวย์บ้าง แพครถไปต่างจังหวัดซ้อมขึ้นเขาบ้าง ปั่นที่แปลกๆบ้าง แล้วแต่นัดกันเป็นโอกาสไปครับ

Q: พอใจกับรถคันนี้หรือเปล่า อนาคตอยากแต่งอะไรเพิ่มเติมอีกมั้ยครับ? หรือมีเสือหมอบรุ่นไหนที่อยากลองเป็นพิเศษมั้ย?
A: พอใจมากๆครับตอนนี้ ถ้าจะให้ปรับอะไรอีกตอนนี้คงยังไม่มี ที่อยากทำต่อจากนี้คงเป็นฟิตติ้งครับ เพราะคันนี้ไม่เคยฟิตติ้งเลย ปรับตามความรู้สึกล้วนๆ ถ้าจะต้องเปลี่ยนอะไหล่อะไรก็คงต้องตามแต่ฟิตเตอร์แล้วครับจุดนี้ ฮาๆๆๆ ไอของที่อยากจะลองก็ยังอยากลองเฟรมวัสดุอื่นๆดูครับที่คนไม่ค่อยเล่นกันครับ พวกสแตนเลส ไทเทเนียม โครโมลี Reynolds Series 8XX ประมาณนี้ครับ

Q: ตั้งแต่ปั่นคันนี้มามีเหตุการณ์พิเศษเกิดขึ้นบ้างมั้ยครับ เช่นไปคว้ารางวัลมา ทำลายสถิติตัวเองได้อะไรทำนองนี้ ?
A: ตั้งแต่ปั่นมารู้สึกว่าได้ไปปั่นที่แปลกเยอะขึ้นมากครับ ส่วนรางวัลนี่ยังไม่เคยไปคว้าอะไรกับเค้าเลย เป็นสิงห์สนามซ้อมครับ ฮ่าๆๆๆๆ มีแต่ไปร่วมงานปั่นใจเกินร้อยมาบ้างครับ ซึ่งก็ไม่ได้เน้นผลงานอะไร เน้นว่าชนะใจตัวเองเข้าเส้นกับเพื่อนๆพี่ๆ ก็พอแล้วครับ

Q: ดูแข่งขันจักรยานหรือเปล่า เชียร์ทีมไหนหรือใครเป็นพิเศษมั้ยครับ?
A: ดูครับดู ไม่ได้เชียร์ทีมไหนเป็นพิเศษ แต่ชอบ Contador เป็นพิเศษครับ แต่ปีหลังๆดูแผ่วไปมากไม่จื้ดจ๊าดเหมือนก่อน แต่ก็ยังเชียร์อยู่ครับ

Q: อะไรเป็นเหตุที่ให้หันมาปั่นจักรยานครับ มันสนุกตรงไหน หรือให้อะไรกับคุณมากเป็นพิเศษที่กีฬาอื่นให้ไม่ได้
A: ชอบตรงที่มันเป็นกีฬาและเป็นการพักผ่อนในเวลาเดียวกัน และยังสามารถสังสรรค์กับเพื่อนๆพี่ๆได้ด้วยในเวลาเดียวกันครับ มันไม่ช้าเกินไปและไม่เร็วเกินไป และมันก็เป็นกิจกรรมที่ทดสอบตัวเองได้ดี ทำให้เรามีวินัยกับตัวเองดีเหมือนกันครับ

Q: ท้ายสุดความสุขในการปั่นของคุณคืออะไรครับ?
A: ความสุขของผมคือได้ปั่นไปกับกลุ่มเพื่อนๆพี่ๆที่รู้ใจกัน ได้ลองอะไรใหม่ๆตลอดเวลา ได้สุขภาพที่ดีที่หาซื้อไม่ได้ ได้เจอเพื่อนใหม่ๆที่นั่งทำงานที่ออฟฟิศกับอยู่บ้านก็คงไม่ได้เจอ ได้มิตรภาพตามท้องถนน และเรื่องราวสนุกๆในวงการสองล้อถีบนี้ เป็นอะไรที่แปลกใหม่และสนุกสำหรับผมเสมอตั้งแต่วันแรกที่ได้ขี่จนทุกวันนี้ครับ

DT: ขอบคุณคุณเนมสำหรับเรื่องราวสนุกๆ และรถสวยๆ ครับ คันนี้แอดมินยกให้เป็นที่หนึ่งในใจตั้งแต่ทำคอลัมน์ User’s bike มาเลยครับ รถดีๆ นั้นไม่ได้แปลว่าต้องใช้เฟรมตัวท๊อป อะไหล่รุ่นล่าสุด เบาที่สุด แพงที่สุด ดูจากคันนี้เป็นตัวอย่างก็ได้ น้ำหนักเกือบจะแตะ 6 กิโล อะไหล่ลงตัว คุณภาพดี มีทั้งความคลาสสิคและ performance ก็ไม่ด้อย ของที่เลือกใช้นั้นก็เข้ากับธีมของแบรนด์ Bianchi ลงตัวทุกองค์ประกอบถึงแม้ชิ้นส่วนหลายๆ อย่างจะเป็นของมือสองก็ตาม ที่สำคัญมันสะท้อนให้เห็นถึงความรู้ ความรักและความเอาใจใส่ที่เจ้าของมีต่อจักรยานคันนี้ครับ 

ล้อ Hed Ardennes เป็นล้ออลูขอบอ้วนเจ้าแรกๆ
ล้อ Hed Ardennes เป็นล้ออลูขอบอ้วนเจ้าแรกๆ
กรุปเซ็ตลูกผสม Campagnolo ปี 00, 04, 06 และ 08
กรุปเซ็ตลูกผสม Campagnolo ปี 00, 04, 06 และ 08
บริเวณกระโหลก
บริเวณกระโหลก

BianchiX7

BianchiX4

By เทียนไท สังขพันธานนท์

คูน คือผู้ก่อตั้งดั๊กกิ้งไทเกอร์ และอยากใช้เว็บไซต์นี้ช่วยให้คนไทยอยากขี่จักรยานกันเยอะๆ!

1 comment

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *