รีวิว: Vision Metron 40 SL Disc

สองปีที่แล้ว Ducking Tiger ได้รีวิวล้อ Vision Metron 40 ไป เป็นล้อที่ดีนะครับในราคาที่ไม่สูงมาก สติฟฟ์ตอบสนองดีแต่ล้อหนักมาก อย่างไรก็ดี มันเป็นล้อที่เทคโนโลยีเก่าพอสมควรแล้ว เพราะวางจำหน่ายครั้งแรกตั้งแต่ปี 2015

ปีนี้ทาง Vision ได้ส่งล้อรุ่นใหม่มาแล้วในชื่อคล้ายๆ เดิมว่า Vision Metron 40SL Disc ซึ่งถึงจะเปิดตัวไปในปี 2017 แต่ก็ยังเป็นล้อตัวท็อปรุ่นล่าสุดของทาง Vision และเป็นล้อในซีรีย์เดียวกับที่ทีม EF Education First ใช้แข่งและเก็บแชมป์ Tour of Flanders ปีนี้ด้วย (แชมป์ใช้ล้อ Vision Metron SL 55)

Vision เองเคยทำตลาดผ่าน LA Bicycle ปัจจุบันผู้นำเข้ารายใหม่เป็นบริษัท Bike Zone แต่ว่ายังนำเข้าแค่อุปกรณ์พวกแอโรบาร์ของรถไตรกีฬา ยังไม่นำล้อเข้ามาขาย เพราะงั้นถ้าสนใจล้อที่เรารีวิวนี้ก็คงหาซื้อในไทยไม่ได้นอกจากจะสั่งจากเว็บต่างประเทศเข้ามาเองครับ

ชื่อ Vision เราคงคุ้นหูกันดีอยู่แล้วเพราะเป็นแบรนด์ที่โด่งดังในฝั่งไตรกีฬาและทำอุปกรณ์สำหรับนักไตรออกมาเยอะมากรวมถึงล้อด้วย Vision เป็นส่วนหนึ่งของบริษัท FSA จะบอกว่าเป็นบริษัทที่สปอนเซอร์โปรทีมเยอะเป็นอันดับต้นๆ ของโลกเลยก็ว่าได้ อุปกรณ์ของ FSA / Vision อยู่ในทีม Jumbo-Visma, Bahrain-Merida, Astana, และ EF Education First

ในบ้านเราเองก็เป็นแบรนด์ที่อยู่มานาน ถึงคนไทยจะไม่มองมันเทียบเท่าแบรนด์ล้อไฮเอนด์อื่นๆ ด้วยระดับราคาและคุณภาพงานที่อาจจะยังไม่ดูเหรียบหรูเท่าไร แต่ในช่วง 2-3 ปีทีผ่านมาทาง Vision / FSA ก็พยายามเป็นอย่างมากที่จะวิจัยและพัฒนาสินค้าให้เทียบเท่าคู่แข่งในตลาด โดยที่ยังเน้นเรื่องความคุ้มค่า ขายในราคาที่ถูกกว่าแบรนด์อื่นพอสมควร

 

Vision Metron 40SL Disc

เมื่อปีที่แล้วระหว่างที่อยู่เมืองอัมเสตอร์ดัม ผมมีโอกาสได้คุยกับคุณปีเตอร์ เช็ป (Peter Schep) Performance Manager หรือผู้จัดการด้านประสิทธิภาพของทีมที่ดูเรื่องอุปกรณ์ที่ทีมใช้และการโค้ชนักกีฬาในทีมระหว่างที่เขามาคุยกับแฟนๆ ในร้าน Rapha ในช่วง Q&A มีคนถามว่าทีมเลือกอุปกรณ์ยังไง

ปีเตอร์ตอบว่าไม่ได้เลือกเพราะสปอนเซอร์จ่ายอย่างเดียว แต่จะเลือกของที่ให้ประสิทธิภาพดีที่สุดกับทีม อย่างในตอนที่เลือกล้อให้ทีมใช้ เขาทดสอบล้อจากหลายยี่ห้อ และสุดท้ายเลือก Vision ซึ่งเป็นล้อที่เทสต์เร็วที่สุดในอุโมงค์ลมเมื่อใช้คู่กับเฟรม Cannondale และยาง Vittoria

เป็นเกร็ดความรู้ที่น่าสนใจดีทีเดียว ถึงภาพลักษณ์ของ Vision อาจจะไม่ได้ดูหรูหราเหมือนแบรนด์อย่าง Enve แต่ก็เป็นล้อที่ทำงานได้ดีเกินพอสำหรับทีมระดับโลก

 

ล้อที่เน้นความสติฟฟ์

ล้อ Metron 40SL ขอบสูง 40mm ความกว้างภายในขอบล้อ 19mm ภายนอกจุดที่กว้างที่สุดกว้าง 25.5mm ออกแบบให้ใช้งานกับยางกว้าง 25mm ขึ้นไป การปรับความกว้างขอบล้อภายในเป็น 19mm ก็เพื่อให้เวลาใส่ยางแล้วยางจะเข้ารูปกับทรงล้อ ไม่บวมเป่งจนเกินไปซึ่งพิสูจน์แล้วโดยหลายๆ การทดสอบว่าทำให้ล้อไม่ลู่ลมอย่างที่มันควรจะเป็น

สำหรับเวอร์ชันดิสก์เบรกที่เราใช้มีให้เลือกทั้งแบบ Centerlock และ 6-Bolt ตัวที่เราใช้เป็นแบบ 6 Bolt และใช้ได้กับทั้งแกนปลดไว (quick release) หรือจะเป็นแกน thru axle ก็ได้ เวอร์ชันริมเบรกจะมากับขอบเบรกที่มีพื้นผิวหยาบเพื่อให้ได้แรงเบรกที่ดีกว่าเดิม และแถมผ้าเบรกของ SwissStop มาด้วย

ล้อตัวที่เราได้มานี้ ขึ้นตาชั่งแล้วหนัก 1,555 กรัม เบากว่าน้ำหนักเคลมเล็กน้อย (1,560 กรัม) ซึ่งจะเห็นว่าไม่ได้เบาเท่าไรเทียบกับล้อดิสก์ที่ความสูงเท่ากันรุ่นใหม่ๆ อย่าง Enve 3.4 + King R45 (1,454g), Bontrager Aeolus XXX 4 (1,455g) Roval CLX 32 (1,350g), Bora WTO 45 Disc (1,520g) แต่เบากว่า Zipp 303 Firecrest Disc (1,645g)

ด้วยความสงสัยว่าทำไมล้อตัวนี้ถึงหนักกว่าคู่แข่งพอประมาณ เราก็เลยสายตรงไปถาม Vision ซึ่งเขาก็ตอบมาว่า ล้อตัวนี้ออกแบบมาเน้นเรื่องความสติฟฟ์ ไม่ได้เน้นที่น้ำหนักเบา และมั่นใจว่าความสติฟฟ์ที่ได้นั้นจะช่วยลบจุดอ่อนเรื่องน้ำหนักได้แน่ๆ และไม่ได้ตอบมาแบบปากเปล่า แต่ให้ข้อมูลมาด้วยว่าเขาออกแบบใหม่ยังไงให้เจ้าล้อ Metron 40SL ส่งถ่ายแรงได้ดีขึ้น

อันดับแรกตัวตัวโครงล้อออกแบบในรูปทรงอสมมาตรเพื่อให้รองรับการตอบสนองแรงได้ดีขึ้น และปรับการวางชั้นคาร์บอนเพื่อช่วยลดน้ำหนักแต่ยังคงความสติฟฟ์

ดุมดีไซน์ใหม่เปลี่ยนวัสดุและรูปทรงให้แข็งแรงขึ้น ปีกดุมฝั่ง driveside สูงขึ้น ดุมล้อหลังใช้ลูกปืนแบบ angular contact bearing เรียกภาษาบ้านเราว่าลูกปืนแบบเรียงเม็ด และตั้งจี๋ได้

Angular contact คือลูกปืนกับเบ้าจะทำมุมกัน ช่วยเพิ่มความสติฟฟ์เวลาที่มีแรงกระทำกับลูกปืนจากด้านข้าง เช่นตอนเลี้ยวรถ

เทียบ geometry ดุมรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ กับตำแหน่งลูกปืน

ถ้าดูในแนวตัดขวาง ตัวดุมปรับจุดยึดซี่ล้อและตำแหน่งลูกปืนให้กว้างกว่าเดิมเพื่อเพิ่มความสติฟฟ์โดยรวม ดุมหน้าปรับดีไซน์ใหม่ให้ลู่ลมกว่ารุ่นก่อนและเบากว่าเดิม 18 กรัม

ด้าน non-driveside ปรับขนาดให้ใช้ลูกปืนใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ส่วนดุมล้อหน้าใช้ลูกปืนแบบตลับ (catridge bearing)

ด้าน Non drive side ใช้ลูกปืนเบอร์ 7903

ตั้งจี๋ตรงนี้

ตัวกระเดื่องและสปริงรัดกระเดื่องก็มีการปรับปรุงจากรุ่นก่อนด้วย

Vision ใช้ซี่ล้อเป็นทรงแบนซึ่ง Vision ทดสอบเทียบกับซี่กลม พบว่าลู่ลมกว่า 42%

ส่วนการขึ้นซี่ล้อสำหรับล้อดิสก์ ล้อหน้า 21 ซี่ขึ้นแบบ Radial ล้อหลัง 24 ซี่ ขึ้นแบบ 3x ใช้แพทเทิร์น 2:1 (ด้าน drive side มากกว่า 2 เท่า) ซึ่งอย่างที่รู้กันล้อแบบ 3x และ 2:1 นี่คือต้องการเน้นความสติฟฟ์อีกนั่นแหละ

หัวซี่ลวดเป็นทองเหลืองแบบ self-locking ที่ป้องกันซี่ลวดคลายตัว เป็นล้อแฮนด์เมดตั้งแต่ขั้นวางเรียงคาร์บอนจนประกอบขึ้นล้อจากโรงงาน Vision ในไต้หวัน

โดยรวมแล้วจุดที่ปรับปรุงทั้งหมดทั้งโครงสร้างดุม การขึ้นซี่ก็เพื่อให้ล้อมันตอบสนองแรงดีขึ้นครับ ถามว่าสติฟฟ์ขึ้นแค่ไหน Vision ส่งข้อมูลการทดสอบของเขาเอง และจาก third party มาให้ดู

ค่าความสติฟฟ์วัดเป็นหน่วย N/mm

ก็พบว่าเป็นล้อที่มีค่าอัตราส่วน stiffness to weight สูงที่สุดในการทดสอบ

ทางด้านแอโรไดนามิกเรามีจุดอ้างอิงสองจุด จุดแรกคือคำพูดของทาง Performance Manager ของทีม EF ที่บอกว่าเป็นล้อที่เทสคู่กับรถ Cannondale ของทีมได้เร็วกว่ายี่ห้ออื่น และจุดที่สองคือข้อมูลของทาง Vision เองที่ทดสอบล้อของตัวเองทั้งหมด 7 รุ่น ซึ่งผลการทดสอบก็ดูได้ในกราฟข้างล่างนี้

ก็ไม่ใช่ข้อมูลที่น่าแปลกใจอะไรเท่าไร ล้อยิ่งสูงก็ยิ่งลู่ลมประหยัดแรงกว่า

ด้านความ “นิ่ง” เวลาเจอลมข้าง Vision เทสเทียบกับล้อ Enve 4.5 Vision เคลมว่าล้อตัวเองใช้แรงในการคุมให้ล้อนิ่งเวลาเจอลมข้างน้อยกว่า ENVE ทั้งใน้ล้อหน้า (ครึ่งบนของกราฟ) และล้อหลัง (ครึ่งล่างของกราฟ)

 

ใช้งานเป็นยังไง

ล้อคู่นี้ผมเอามาประกอบกับเสือหมอบ Chapter 2 RERE Disc, ชุดขับ SRAM Red eTap AXS ใช้คู่กับยาง Vittoria Cossa G2+ ขนาด 25mm หน้าตาก็ออกมาอย่างในรูปข้างบน การรีวิวนี้ขอเทียบกับล้อ Roval CLX 32 ซึ่งผมใช้ติดรถมาสองปีแล้ว

ข้อมูลคนทดสอบ ส่วนสูง 165cm หนัก 64kg w/kg ตอนนี้อยู่ประมาณ 3.8 ครับ

สิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุดในล้อ Metron 40SL คือความสติฟฟ์ ล้อตอบสนองดีมากในทุกย่านความเร็ว ยิ่งเทียบกับล้อ Roval CLX 32 (ริมเบรก) ที่ผมใช้ใน Specialized Tarmac SL6 ซึ่งเป็นล้อที่เบามากๆ (1,280g) ก็ชัดเจนว่าล้อ Vision ให้ฟีลแน่นเท้ากว่ามาก ให้ความรู้สึกมั่นใจดีครับ

ทั้งนี้ล้อ Vision เป็นล้อขอบสูงกว่า มวลมากกว่า และดีไซน์ทั้งหมดออกแบบมาเพื่อรีดความสติฟฟ์ ในขณะที่ Roval CLX32 ออกแบบมาเพื่อทำให้เบาที่สุดและขอบต่ำกว่า โจทย์การออกแบบและใช้งานก็ต่างกันพอสมควร

ความสติฟฟ์ของมันทำให้ล้อไม่รู้สึกหน่วงเท้าที่ความเร็วต่ำๆ ซึ่งเป็นอาการที่ล้อขอบสูงที่มีน้ำหนักมากมักจะเจอ และด้วยที่มันเป็นล้อดิสก์ผู้ผลิตสามารถลดน้ำหนักบริเวณขอบเบรกได้พอสมควร ทำให้มวลของล้อไม่ได้ไปกระจุกอยู่ที่ขอบล้อเหมือนในรุ่นริมเบรก ซึ่งจะทำให้รู้สึกหน่วงขา

สำหรับล้อดิสก์เบรกน้ำหนักมันจะมากองกันตรงดุมเสียมากกว่าเพราะต้องเพิ่มชิ้นส่วนที่ใช้ยึดใบดิสก์

ในส่วนทางราบ ล้อดูจะทำงานที่ความเร็วประมาณ 40-45kph เร็วกว่านี้ก็ต้องเติมพอสมควร แต่เบาขากว่าล้อขอบต่ำชัดเจน ถ้าความเร็วต่ำกว่านี้ก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกอะไรเป็นพิเศษ ลองปั่นเลี้ยงความเร็ว 45 ยาวๆ ก็ช่วยให้ยืนระยะได้ยาวขึ้นครับ ล้อไม่ดื้อลมเท่าไร เจอลมข้างก็ยังนิ่งดี ตามประสาล้อขอบรูปทรงตัว U แต่ผมว่าไม่ได้เด่นกว่าล้อความสูงเท่าๆ กันเท่าไร

ลองแช่ 44-45 kph (เลขแถวบนสุดคือ avg speed) คนเดียวประมาณ 5 กิโลเมตร ล้อไหลดี แต่เร็วกว่านี้เริ่มต้องเติมเยอะละ

จังหวะขึ้นเขาขึ้นเนิน แน่นอนว่าไม่ได้เบาเท้ามากๆ เหมือนล้อ Roval ที่เป็นล้อไต่เขาเต็มตัว แต่ด้วยความสติฟฟ์ที่มากกว่าแบบสัมผัสได้ก็ช่วยมาทอนความรู้สึกหน่วงของมันได้บ้าง จังหวะลงเขาล้อให้ความมั่นใจดีไม่มีอะไรให้ติ

จุดเด่นที่สุดของมันคงไม่ใช่ความสติฟฟ์ แต่น่าจะเป็นความสบายมากกว่า ปกติล้อที่แข็งๆ แบบนี้มักจะสะท้านตีนแบบรู้สึกได้ แต่คู่นี้โอเคเลยครับ ไม่สะท้าน ขนาดจับคู่กับเฟรมแอโรอย่าง RERE ที่ค่อนข้างแข็งก็ยังไม่แย่ นี่ขนาดยังไม่ลองใส่ยางในลาเทกซ์เหมือนใน Roval ถ้าใส่แล้วคงนิ่มกว่านี้

อ้อ ล้อนี้ใช้กับยางทิวบ์เลสได้นะครับ แต่ผมหาซื้อยางทิวบ์เลสที่ต้องการไม่ได้ เลยไม่มีโอกาสจับมาทดสอบว่าขึ้นยางยากหรือเปล่า

จุดที่ไม่ชอบเท่าไรคือตัวงาน จริงๆ งานมันเนี้ยบอยู่นะ แกะกล่องออกมาล้อไม่มีปัญหาอะไรเลย แต่งาน finish มันยังดูไม่หรูเท่าไร และยังใช้สติกเกอร์ธรรมดาแปะขอบล้อ เห็นรอยต่อสติกเกอร์กับผิวล้อค่อนข้างชัด ถ้าใครชอบล้อที่ให้ลุกพรีเมียมหน่อยอาจจะไม่โดนใจ

และแน่นอนว่าหาซื้อไม่ได้ในบ้านเรา…ก็ไม่แน่ใจว่าถ้าอ่านรีวิวแล้วชอบจะไปหาที่ไหนมาลอง 🤷‍♂️🤷‍♂️ เอาเป็นว่าอ่านเพื่อความบันเทิงกับเก็บความรู้ไปก่อนละกันนะครับ

 

สรุป

ล้อคู่นี้ไม่มีอะไรให้ติมากนอกจากเรื่องหน้าตา และน้ำหนัก ทำงานได้ดีอย่างที่ล้อขอบสูง 40mm ควรจะเป็น โดดเด่นเรื่องความสติฟฟ์ติดเท้าสุดๆ ในทุกความเร็วซึ่งช่วยลดทอนเรื่องที่มันหนักกว่าล้อคู่แข่ง 1-1.5 ขีด เพราะมันไม่ให้ฟีลหน่วงเท้าครับ ส่วนตัวก็คงใช้คู่นี้ติดรถดิสก์ไปเรื่อยๆ ความสูง 40mm นี่กำลังดีไปได้ทุกเส้นทางครับ

* * *

[letsinfoup]

By เทียนไท สังขพันธานนท์

คูน คือผู้ก่อตั้งดั๊กกิ้งไทเกอร์ และอยากใช้เว็บไซต์นี้ช่วยให้คนไทยอยากขี่จักรยานกันเยอะๆ!