3 ปีที่แล้ว Vittoria ผู้ผลิตยางจักรยานชื่อดังจากอิตาลีเปิดตัวการใช้เทคโนโลยี Graphene เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพยาง ทั้งด้านความทนทาน ความลื่นไหลและความสามารถในการเกาะถนน
แต่ก็อย่างที่หลายคนที่ได้เคยใช้ทราบกันมันก็ยังไม่ใช่ยางที่สมบูรณ์แบบเสียทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดยางที่มีคู่แข่งรายใหญ่มากเทคโนโลยีอีกหลายราย ไม่ว่าจะเป็น Continental เจ้าตลาด, Michelin, และล่าสุด Pirelli ที่ลงมาลุยตลาดจักรยานด้วย
ยางจักรยานเป็นชิ้นส่วนที่ราคาไม่สูงนักเมื่อเทียบกับอะไหล่อื่นๆ แต่กลับเป็นส่วนที่เพิ่มประสิทธิภาพจักรยานได้ดีที่สุด ทำให้มันเป็นตลาดที่การแข่งขันสูงมาก แน่นอนว่า Vittoria เองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ หลังจากที่คู่แข่งชิงเปิดตัวยางประสิทธิภาพสูงกันอย่างต่อเนื่องในช่วงปีที่ผ่านมา สัปดาห์นี้ Vittoria เปิดตัวเทคโนโลยี Graphene 2.0 ในประเทศไทย จัดเป็นงาน global launch ครั้งใหญ่ที่เชิญสื่อจากหลายประเทศมาถึงโรงงานเพื่อให้ดูไปถึงต้นทางว่ากว่าจะมาเป็นยางจักรยานที่เราได้ใช้กันนั้นมีขั้นตอนเป็นมาอย่างไรครับ
ทาง DT ก็ได้รับโอกาสไปร่วมงานด้วยครับ วันนี้เราจะมาเล่าสิ่งที่เราเรียนรู้จากงานเปิดตัวครั้งนี้ ทั้งเรื่องพัฒนาการใหม่ของ Graphene 2.0 ที่ Vittoria นำมาใช้ในยางทุกรุ่น และสำคัญสุดคือมันดีกว่ารุ่นก่อนอย่างไรบ้าง

Graphene คืออะไร?
Graphene (ออกเสียง: กราฟีน) คือผลึกคาร์บอนรูปแบบหนึ่ง มีลักษณะโครงสร้างตารางแบบรังผึ้ง มีความหนาเพียง 1 อะตอมเท่านั้น น้ำหนักเบามาก (Graphene 1 กรัม มีพื้นที่ประมาณ 2,600 ตารางเมตร) อีกทั้งยังมีความแข็งแรงมากกว่าเหล็กถึง 200 เท่าที่ความหนาระดับเดียวกัน
ความบางของเส้น Graphene เมื่อเทียบกับเส้นผมคนเรา จะเรียง graphene ได้ประมาณ 1 ล้านชั้น และด้วยความบางนี้จึงสามารถแทรกตัวอยู่ในระดับโมเลกุลร่วมกับวัสดุอื่นได้ง่ายครับ ทำให้เป็นวัสดุที่ถูกนำไปใช้ในหลายๆอุตสาหกรรม

Vittoria เริ่มพัฒนาการใช้ Graphene เป็นส่วนเสริมในการทำเนื้อยางมาตั้งแต่ปี 2012 ก่อนที่จะได้ออกมาสู่ตลาดจริงๆในปี 2016
สำหรับ Graphene 2.0 ที่เป็นเจเนอเรชั่นใหม่ Vittoria ได้พัฒนาต่อยอดจากรุ่นแรก ปรับแก้ข้อด้อยหลายด้าน และพัฒนา compound ขึ้นมาใหม่ โดยทั้งตัว Graphene ที่ใช้ก็เป็นตัวใหม่ เพื่อให้กลบจุดด้อยและเสริมจุดเด่น
ปกติแล้ว Vittoria จะใช้ส่วนผสมในยางสี่ประเภท (4 compound – 4C) ในยางหนึ่ง 1 เส้น ทำให้สามารถแยกการพัฒนาและแก้ไขในจุดต่างๆได้ง่ายขึ้น
เมื่อเทียบกับยางรุ่นก่อนแล้วแล้ว ยางเจเนอเรชันใหม่ที่ใช้ Graphene 2.0 ปรับปรุงในด้าน:
- ทนสึกหรอมากขึ้น จากเดิมที่ยางเริ่มเสื่อมสภาพที่ราวๆ 5,000 กิโลเมตร เพิ่มเป็น 8,000 กิโลเมตร
- ค่า rolling resistance ดีขึ้น 40%
- กักเก็บลมยางได้ดีขึ้น 30% (สำหรับการเซ็ทอัพทิวบ์เลส)
- เกาะถนนดีขึ้น 30%
- ทนแผลฉีก เจาะดีขึ้น 40%
แต่ในข้อดีก็มีข้อจำกัด การใช้ Graphene ผสมจะทำให้วัสดุตั้งต้นมีความแข็งมากขึ้น ซึ่งไม่ดีกับการผลิตยาง เพราะยางจักรยานเป็นของที่เราอยากให้มันนิ่ม ซับแรงสะเทือนได้ดี แล้ว Vittoria แก้ปัญหานี้ยังไง?
ทาง Vittoria บอกว่าต้องปรับส่วนผสมใน compound ทั้ง 4 ประเภทให้มีความกลมกล่อมสมดุลกับการใช้งานกว่าเดิมครับ

การที่ Vittoria ได้แยก compound ต่างๆออกเป็นแต่ละส่วนตามวัตถุประสงค์ทั้งจากวัตถุดิบที่แตกต่างกัน รวมถึงส่วนผสมอื่นๆ เพื่อให้เกิดการปรับแก้ในส่วนต่างๆได้ง่ายขึ้น ทั้งจากเนื้อยางชั้นนอกและเนื้อยางชั้นใน จึงเกิดการขึ้นรูปยางแบบพิเศษซึ่งเป็นแบบเฉพาะของทาง Vittoria เอง
ที่เราเห็นเป็นยาง 1 เส้นนั้น เกิดจากการแยก compound แต่ละส่วนมาขึ้นรูปผ่านแท่นให้ออกมาเป็นหน้ายาง 1 ชิ้น ซึ่งมีเพียง Vittoria แค่รายเดียวในตลาดยางจักรยานตอนนี้ที่สามารถใช้ถึง 4 compound ในยางเส้นเดียวได้


ปี 2019 ที่จะถึงนี้ยางเสือหมอบรุ่นไหนบ้างที่จะได้ใช้ Graphene 2.0
Corsa
Clincher: 650x23c, 700x23c, 700x25c, 700x28c, 700x30c
Tubeless: 700x25c TLR, 700x28c TLR
Tubular: 700x23c, 700x25c, 700x28c, 700x30c
Corsa Control
Clincher: 700x25c, 700x28c, 700x30c
Tubeless: 700x25c TLR, 700x28c TLR, 700x30c TLR
Tubular: 700x25c, 700x28c, 700x30c
Corsa Speed
Tubeless: 700x23c TLR, 700x25c TLR
Tubular: 700x23c, 700x25c
Rubino Pro (4C)
Clincher: 600×23, 700x23c, 700x25c, 700x28c, 700x30c
Tubeless: 700x25c TLR, 700x28c TLR, 700x30c TLR
Tubular: 700x23c, 700x25c, 700x28c
Rubino Pro Speed (3C)
Clincher: 700x23c, 700x25c
Rubino Pro Control (3C)
Clincher: 700x23c, 700x25c, 700x28c
Rubino Pro Endurance (3C)
Clincher: 700x23c, 700x25c, 700x28c
Rubino (3C)
Clincher: 700x23c, 700x25c, 700x28c
Zaffiro Pro (1C)
Clincher: 700x23c, 700x25c, 700x28c, 700x30c, 700x32c
อนาคตของ Graphene
Vittoria ทุ่มงบการพัฒนาเทคโนโลยี Graphene ไปไม่น้อย บริษัทบอกเราว่าจะยังคงใช้ Graphene ในสินค้าต่างๆ ของ Vittoria ให้มากขึ้น การทำ R&D สำหรับ Graphene อย่างเดียวนั้นทางบริษัทลงทุนไปด้วยเลข 8 หลัก (ดอลล่าร์สหรัฐ) และตอนนี้เป็นสมาชิกคนสำคัญของสมาคม Graphene Flagship ที่มีกว่า 60 บริษัทที่ร่วมกันวิจัยและพัฒนานำเทคโนโลยี Graphene ไปใช้ในสินค้าต่างๆ เช่นบริษัท Bosch จากเยอรมันและ LEGO จากเดนมาร์ค
ไม่ใช่แค่ในยาง road bike ยางเดียว Vittoria ยังใช้ Graphene กับยางยางเสือภูเขาทั้ง XC, Enduro, Cyclocross, ล้อเสือหมอบ, ล้อเสือภูเขาด้วย

สำหรับบ้านเราก็ต้องรอดูกันว่าของเข้าร้านเพื่อขายเมื่อไหร่ เพราะจากที่คุยกับเจ้าหน้าที่ทาง Vittoria ได้บอกว่ายางได้เริ่มผลิตตั้งแต่ปีที่แล้ว และทยอยผลิตตามไลน์การผลิตในรุ่นอื่นๆไปตามกำหนด และจากที่คุยกับสื่อนอกบางเจ้าก็บอกว่าของเข้าแล้วแต่รอการขาย
สำหรับในครั้งหน้าเราจะกลับมาพาไปทัวร์โรงงานผลิตของ Vittoria กันครับว่าเทคโนโลยีการผลิต วิทยาศาสตร์ และการวิจัยในการทำ R&D ของ Vittoria มีขั้นตอนหรือการผลิตอย่างไรกันบ้าง DT เราได้ไปดูตั้งแต่กระบวนการผลิต Compound ยางไปจนถึงการทดสอบยางของ Vittoria ว่ามีขั้นตอนอย่างไรบ้าง //
Image: Ducking Tiger, Vittoria
Note: Vittoria ออกค่าที่พัก รวมถึงค่าอาหาร สำหรับการไปงานเปิดตัวในครั้งนี้

