[dropcap letter=”ส”]ถิติบอกเราว่าฤดูกาล 2015 คืกปีที่แย่ที่สุดของปีเตอร์ ซากาน – เอซชาวสโลวัก และความหวังใหม่ของทีม Tinkoff-Saxo ด้วยผลงานชัยชนะแค่หนึ่งสนาม น้อยที่สุดตั้งแต่เขาเริ่มต้นแข่งขันจักรยานอาชีพ เป็นขาลงของซากานที่แม้แต่ทีม Tinkoff-Saxo ก็อธิบายไม่ได้ว่าเป็นเพราะอะไร
ซากานเปิดตัวในวงการอาชีพ โดยเฉพาะในการแข่งขันสนามคลาสสิคในปี 2013 เมื่อเขาเก็บแชมป์สนามใหญ่ Ghent-Wevelgem ตามด้วยผลงานแชมป์สเตจใน Tour de France และแชมป์สเตจรายการเล็กใหญ่อีกนับไม่ถ้วน
เขาไม่ชนะเพราะแรงกดดันจากการย้ายมาอยู่กับทีมใหญ่และค่าตัวที่มากขึ้นหลายเท่า (ว่ากันว่าค่าตัวซากานอยู่ที่ปีละ 4 ล้านยูโร) ? หรือเป็นเพราะสาเหตุอื่น?
“ตั้งแต่เริ่มฤดูกาล ผมรู้สึกฟอร์มดีขึ้นตลอด”
“เป้าหมายของช่วงต้นปีนี้คือชนะสนามคลาสสิคให้ได้ ผมอยากชนะ Tour of Flanders”
“เปลี่ยนทีมอะไรๆ ก็ใหม่ไปหมด ทั้งทีม ทั้งอุปกณ์ และเพื่อนร่วมทีม แต่ผมรู้สึกดีครับ ไม่มีปัญหาอะไร”
“แรงกดดัน? ไม่กดดันหรอกครับ แข่งจักรยานไม่ใช่เรื่องเครียด เพราะผมอยากแข่ง”
โค้ช Tinkoff-Saxo คิดยังไง?
ในฤดูกาล 2015 ทีม Tinkoff-Saxo มีชัยชนะเพียงสองรายการ หนึ่งสเตจวินจาก อัลเบอร์โต้ คอนทาดอร์ในรายการ Ruta del Sol และหนึ่งสเตจวินจากซากานใน Tirreno-Adriatico
ชัยชนะครั้งสุดท้ายของซากานก่อนสนาม Tirreno ต้องย้อนกลับไปถึงเดือนมิถุนายนปีที่แล้วใน Tour de Swiss ฤดูกาลที่ดีที่สุดของซากานคือปี 2013 ที่เขามีผลงานชัยชนะทั้งหมด 22 ครั้ง เป็นปีที่เขาเหยียบโพเดี้ยมอันดับสองใน Milan-San Remo และ Tour of Flanders
“กังวลหรือเปล่าที่ยังไม่ชนะ? แน่นอน เรากังวล แต่เราไม่ใช่ทีมเดียวที่ยังเก็บผลงานในสนามคลาสสิคไม่ได้”
“ไม่ต้องห่วงปีเตอร์ เขายังมีความมันใจเต็มเปี่ยม นักปั่นหลายคนต้องพยายามอย่างมากเพื่อให้มีผลงานระดับปีเตอร์ เขาประสบความสำเร็จตั้งแต่เริ่มแข่ง เป็นเวลากว่า 4 ปีแล้วที่เขาเป็นตัวเต็งในทุกสนามที่ลง ผมอยากให้มองว่า เขาไม่ได้ผลงานแย่ลง เขายังเป็นนักปั่นที่น่าเกรงขาม” – ทริสตัน ฮอฟแมน โค้ชของทีม Tinkoff-Saxo กล่าว
ในมุมกลับ อดีตผู้จัดการทีมของซากาน – โรเบอร์โต้ อมาดิโอ้ (Cannondale) เห็นต่าง เขามองว่าซากานเองต้อง “พัฒนาเรื่องกลยุทธ์การแข่งให้มากกว่านี้”
“เมื่อชัยชนะของคุณได้มาอย่างง่ายดาย เหมือนที่ปีเตอร์ชนะจนเป็นเรื่องธรรมดาตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ความสำเร็จนั้นกลายเป็นเรื่องธรรมดา…แต่เมื่อชัยชนะมันไม่ง่ายเหมือนเดิมแล้ว คุณต้องโตขึ้น ต้องใช้ประสบการณ์ และใช้สมองในการแข่ง ต้องรู้ว่าตอนไหนต้องออกโจมตี ตอนไหนต้องตามประกบคู่แข่ง”
โจทย์ใหม่ของซากาน
แต่ผลการแข่งล่าสุดแสดงให้เห็นว่าซากานไม่สามารถเค้นความสามารถออกมาได้เหมือนปีก่อนๆ ใน E3 Harelbeke ซากานกระโดดเข้ากลุ่มเบรคอเวย์ตัวเต็ง ที่มีทั้งเกอเรนท์ โทมัส (Sky) และชเน็ค สตีบาร์ (Quickstep) แต่ซากานก็หมดแรง หลุดกลุ่มไปใน 4 กิโลเมตรสุดท้ายที่โทมัสออกโจมตี ซากานตามเข้าเส้นชัยได้เพียงอันดับ 30 ส่วนใน Ghent-Wevelgem ก็เป็นอีกครั้งที่เขาเข้ากลุ่มเบรคอเวย์ตัวเต็งรายการ แต่ก็หลุดกลุ่มอีกครั้ง ทำได้อันดับ 10
ซากานเองอาจจะมีปัญหาเรื่องฟอร์มการแข่งขัน แต่ DT คิดว่านอกจากเรื่องแรงกดดัน เรื่องฟอร์มแล้ว เขาเจอปัญหาใหม่ นั่นก็คือ คู่แข่งเขาเริ่มพัฒนาความสามารถมาได้ทัดเทียม ไม่ว่าจะเป็นนิกี้ เทิร์ปสตรา และชเน็ค สตีบาร์ (Etixx-Quickstep), เกอเรนท์ โทมัส และเอียน สแตนนาร์ด (Sky), เยนส์ เดอบูเชียร์และเยอร์เก็น โรแลนท์ (Lotto-Souldal), เซ็ป ฟานมาร์ค (LottoNL), และเกร็ก แวน เอเวอร์มาร์ท (BMC) นักปั่นกลุ่มนี้เพิ่งจะเริ่มมีผลงานแวะเวียนติดโพเดี้ยมสนามคลาสสิคเมื่อปีที่แล้ว แต่ฟอร์มกระโดดขึ้นมาเป็นระดับผู้ชนะในปีนี้ ซึ่งแต่ก่อนซากานมีคู่ต่อสู้ไม่มาก ตัวเต็งสนามคลาสสิคมีแค่เขา แคนเชอลารา และโบเน็น
มองอีกมุมหนึ่ง ซากานตกอยู่ในที่นั่งลำบาก จากคนที่เคยชนะมากมาย เมื่อไม่ชนะก็เกิดความผิดหวัง ซากานยังมีโอกาสทำผลงานอีกสองครั้งใน Tour of Flanders และ Paris-Roubaix โดยเฉพาะใน Flanders ซึ่งเป็นสนามที่เขาถนัดที่สุด แต่นั่นหละครับ ขอแค่ซากานชนะ Flanders ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นที่สุดแห่งสนามเบลเยี่ยมคลาสสิค คำครหาต่างๆ ก็จะหายไปในทันที
เขาจะทำได้หรือเปล่า รอดูกันวันอาทิตย์นี้
